ขอเล่าเรื่องก่อนนะคะ คือเราเจอเขาครั้งแรกที่งานครบรอบ 22 ปีของมหาลัยแห่งนึง ส่วนตัวเราเรียนภาคสมทบรอบวันอาทิตย์ คือเรียนแค่วันอาทิตย์วันเดียว และงานที่จัดในปีนี้เขาจัดรวมกัน หมายความว่านักเรียนทั้งหมดของมหาลัยจะเข้าร่วมงานนี้ทั้งหมดได้พร้อมกันเลย ไม่ได้แยกรอบ งานจัดตอนเย็นค่ะทุกคนแต่วตัวสวย หล่อ ในตีมชุดสีชมพู ก็มีทั้งคนใส่บ้างไม่ใช่บ้าง งานนี้เขามีร้านอาหารมากมายให้เลือกกินฟรีเลย และเราก็เป็นหนึ่งในนักเรียนผู้หิวโหยชานมไข่มุก55555 เรายืนต่อแถวที่ร้านชานมไข่มุก ส่วนผู้ชายที่เราเจอเขาก็ยืนต่อแถวร้านข้างๆกันนี่เอง เราเห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ตรงไทป์เรามาก เขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา ใส่แว่น ทรงผมเราไม่แน่ใจระหว่าง Medium Mullet หรือ Cartain Mullet มันก่ำกึ่งกันเราไม่รู้มัรเรียกทรงอะไรแต่หามาจากไหนเน็ตทรงมันก็ประมาณนี้ บอกให้เห็นภาพก็ทรงผู้ชายฮอตเนิร์ตแหละมั้งคะ แต่ที่เราสนใจเขาคือ เขาดูเป็นคนที่เงียบ สุขุม เขายืนอยู่ข้างหลังเพื่อนอยู่ในแถว ในขณะที่เพื่อนเขาที่ยืนข้างหน้ากำลังเม้ามอยกันอย่างเมามัน เราเห็นเขายืนฟังเพื่อนอยู่นิ่งๆ มีคุยบ้างแต่น้อย5555 เราก็มีชี้ให้เพื่อนตัวเองดูด้วย5555
ก็ไม่ได้มีอะไรพอได้ของกินก็พากันแยกย้าย ตอนแรกเราก็ตัดใจไปแล้วว่าคงเจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแหละชั่งมันเถอะ ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาก็ไม่มี แต่พอช่วงสุดท้ายของงานเป็นช่วงที่ วงดนตรีของคณะดุริยางคศาสตร์ขึ้นเล่น เราก็กะจะกลับแล้วล่ะมันดึกแล้วประมาณสามทุ่ม เราก็มีเดินไปดูหน้าเวทีก่อนกลับเพราะมีคนออกไปเต้นกันที่หน้าเวที5555 เราก็เจอเขาอีก เขาพึ่งเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆที่ยืนเต้นยืนร้องเพลงกันอยู่ข้างเวที เขาเดินออกมานั่ลงที่โต๊ะเงียบๆ ตอนนั้นเราเห็นว่าเขาถอดแว่นด้วยแหละ และในตอนนั้นเองที่มันทำให้เราสนใจเขาขึ้นมามากๆสะอย่างงั้น พอมองไปนานๆเรากลับรู้สึกคุ้นหน้าเขามากๆ เหมือนเคยเจอกัน เราจำได้ว่าเคยเห็นผู้ชายทรงแบบนี้ที่หน้าตึกคณะดุริยาง ผู้ชายใส่แว่น สะพายกีต้าเดินเข้าไปในตึก ตอนนั้นเราเดินจะไปซื้อชานมกับเพื่อน หันไปเห็นเขาเดินตามมาข้างหลังพอดี เก็บกลับมาดี๊ด๊าอยู่ในใจได้ 2 อาทิตย์เราก็ลืมหน้าตาเขาไปแล้ว เพราะไม่มีโอกาศได้เจอกันอีก
ก็มีเก็บมาคิดนะว่าถ้าเขาคือคนเดียวกันน่าจะดี อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าน่าจะเรียนคณะดุริยาง แต่ถ้าไม่ใช่คงน่าเศร้าเพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นนักศึกษาภาคไหน คณะอะไร รุ่นพี่หรือรุ่นน้อง เพราะตอนนี้เราเรียนอยู่ปีสามแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าถ้ามีดวงสมพงกันจริงขอให้เราได้เจอเขาในกิจกรรมกีฬาสีที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกสามสี่วันข้างหน้านี้ด้วยเถอะ55555 แต่นั้นแหละค่ะ คำถามคือถ้าเจอแล้วเราควรเข้าหาเขายังไงดี เพราะเขาเองก็ดูนิ่งๆมาก ควรจะเข้าไปทำความรู้จักกันยังไงดีคะ555555
แอบชอบคนที่พึ่งเคยเจอกันครั้งแรก ทำยังไงต่อดีคะ
ก็ไม่ได้มีอะไรพอได้ของกินก็พากันแยกย้าย ตอนแรกเราก็ตัดใจไปแล้วว่าคงเจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแหละชั่งมันเถอะ ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาก็ไม่มี แต่พอช่วงสุดท้ายของงานเป็นช่วงที่ วงดนตรีของคณะดุริยางคศาสตร์ขึ้นเล่น เราก็กะจะกลับแล้วล่ะมันดึกแล้วประมาณสามทุ่ม เราก็มีเดินไปดูหน้าเวทีก่อนกลับเพราะมีคนออกไปเต้นกันที่หน้าเวที5555 เราก็เจอเขาอีก เขาพึ่งเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆที่ยืนเต้นยืนร้องเพลงกันอยู่ข้างเวที เขาเดินออกมานั่ลงที่โต๊ะเงียบๆ ตอนนั้นเราเห็นว่าเขาถอดแว่นด้วยแหละ และในตอนนั้นเองที่มันทำให้เราสนใจเขาขึ้นมามากๆสะอย่างงั้น พอมองไปนานๆเรากลับรู้สึกคุ้นหน้าเขามากๆ เหมือนเคยเจอกัน เราจำได้ว่าเคยเห็นผู้ชายทรงแบบนี้ที่หน้าตึกคณะดุริยาง ผู้ชายใส่แว่น สะพายกีต้าเดินเข้าไปในตึก ตอนนั้นเราเดินจะไปซื้อชานมกับเพื่อน หันไปเห็นเขาเดินตามมาข้างหลังพอดี เก็บกลับมาดี๊ด๊าอยู่ในใจได้ 2 อาทิตย์เราก็ลืมหน้าตาเขาไปแล้ว เพราะไม่มีโอกาศได้เจอกันอีก
ก็มีเก็บมาคิดนะว่าถ้าเขาคือคนเดียวกันน่าจะดี อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าน่าจะเรียนคณะดุริยาง แต่ถ้าไม่ใช่คงน่าเศร้าเพราะเราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นนักศึกษาภาคไหน คณะอะไร รุ่นพี่หรือรุ่นน้อง เพราะตอนนี้เราเรียนอยู่ปีสามแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าถ้ามีดวงสมพงกันจริงขอให้เราได้เจอเขาในกิจกรรมกีฬาสีที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกสามสี่วันข้างหน้านี้ด้วยเถอะ55555 แต่นั้นแหละค่ะ คำถามคือถ้าเจอแล้วเราควรเข้าหาเขายังไงดี เพราะเขาเองก็ดูนิ่งๆมาก ควรจะเข้าไปทำความรู้จักกันยังไงดีคะ555555