มีใครช่วยบอกได้ไหมว่า เชนธนา หลอกลวงเจ้าของบริษัทไทยยินตัน ยังไง ถึงจะทำให้กลายจากคดีแพ่งเป็นคดีฉ้อโกง

ลืมเรื่องที่อัยการสั่งฟ้องในข้อหาฉ้อโกงไปก่อนนะครับ  เพราะหลายๆ คดีที่อัยการสั่งฟ้อง สุดท้ายศาลก็ยกฟ้อง  ฉะนั้น อย่าเข้าใจว่า อัยการสั่งฟ้องฉ้อโกงแล้ว จะต้องผิดข้อหาฉ้อโกงแน่ๆ 

*******************************************************************************

หลักในคดีอาญาความผิดฐานฉ้อโกง

ผู้กระทำความผิด จะต้องมีเจตนาฉ้อโกงมาตั้งแต่แรกก่อนจะได้รับสินค้า โดยจะต้องหลอกลวงโดยการ 1. แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ 2. ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง  และโดยการหลอกลวงดั่งว่านั้น ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง

หลักก็คือว่า การหลอกลวงนั้น จะต้องกระทำเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือสินค้าจากผู้ถูกหลอกลวง  ดังนั้น จะต้องแสดงการหลอกลวงก่อนจะได้รับมอบของ  ถ้าหลอกลวงหลังจากนั้น ส่วนใหญ่ศาลจะไม่ถือว่าผิดฉ้อโกง แต่เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง  เช่นพอถึงเวลาจ่ายเงิน ก็อ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย เช่นอ้างว่าอยู่ระหว่างเปลี่ยน CFO  เค้าไม่มีอำนาจสั่งจ่ายเงิน ต้องรอก่อน หรืออ้างว่าของไม่มีคุณภาพ บลาๆ เพื่อจะบิดพริ้วไม่จ่ายเงิน (ซึ่งเหตุพวกนี้เกิดขึ้นภายหลังทั้งสิ้น)

ที่สำคัญ ข้อความที่หลอกลวง จะต้องเป็นข้อความที่เป็นสาระสำคัญจนถึงขนาดว่า ถ้าไม่มีข้อความนี้ ผู้ถูกหลอกลวงก็จะไม่ส่งมอบสินค้าให้

ล็อตแรก เชนธนาสั่งสินค้าจากบริษัทคู่กรณีมา 3 ล้านชิ้น 58 ล้านบาท

เชนเอามาโฆษณาขายทางทีวี  พูดๆๆๆๆ ขายๆๆๆๆๆ

เริ่มเห็นฟีดแบ็คดี มียอดออร์เดอร์เข้ามาเยอะภายในช่วง 7 วันแรก 

ด้วยความกลัวจะมีของขายไม่พอ เลยรีบสั่งของล็อตใหม่เพิ่ม บอกว่า ของขายดีมากเลย อยากได้มาตุนสต็อคเพิ่ม 

ปรากฏว่า หลังจากนั้น เริ่มมีปัญหา  สินค้าขายยาก กว่าจะขายได้ หืดขึ้นคอ มีปัญหาโน่นนี่นั่น

แต่ล็อตแรก  เชนก็หาเงินมาจ่ายค่าสินค้าจนครบ 58 ล้าน ถึงแม้จะนานไปหน่อย (9 เดือน)

ส่วนล็อตสอง เช่นจ่ายเงินไปได้เพียง 6 ล้าน หลังจากน้น ก็ไม่จ่ายเลย  เลยกำหนดจ่ายเงิน  เชนก็มีโนติ๊สให้ผู้ขายมารับสินค้าคืนไป อ้างปัญหาสินค้าไม่ตรงตามคำพรรณา  (ปีเดียวกัน บริษัทเชนประสบปัญหาขาดทุนไปถึง 6 ร้อยกว่าล้านจากที่เคยกำไรติดต่อกันมาทุกปีหลายปี)

เชนอ้างว่า สินค้าล็อตสอง ยังกองอยู่ที่โกดังครบ  และให้ตำรวจมาตรวจสินค้าแล้ว สินค้ายังอยู่ครบ  (แต่ผู้ขายบอกว่า เค้าแอบสั่งซื้อมาพันชิ้น ก็ได้ของนะ) คือเรื่องครบหรือไม่ครบ หรือขาดไปพันชิ้น นี่ ผมว่าไม่ใช่ประเด็น เพราะเชนจ่ายเงินค่าสินค้าล็อตนี้ไปแล้ว 6 ล้าน  ฉะนั้น ที่เค้าต้องคืน ก็เหลือไม่ถึง 4 ล้านชิ้นแล้ว

ประเด็นคือ เชนหลอกลวงก่อนจะได้รับสินค้าล็อตสองยังไง (ส่วนข้อความที่แสดงกันภายหลังได้สินค้าไปแล้ว นี่ไม่เกี่ยวกับองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง จากแนวคำพิพากษาฎีกาคดีฉ้อโกง)

อาจจะมีบางคนบอกว่า ก็เชนหลอกลวงว่า สินค้าล็อตแรก "ขายดี" ไง  นี่แหละ หลอกลวงแล้ว

แต่ถามว่า เจ้าของบริษัทไทยยินตัน เป็นนักธุรกิจ อยู่ในวงการค้าขายมานาน  เวลาขายของให้ใครล็อตใหญ่ๆ 85 ล้าน  จะเชื่อคนง่ายๆ เพียงแค่เค้าบอกว่า "สินค้าขายดี" ก็เลยหลงเชื่อ อย่างนั้นเหรอ    คิดว่าเค้าจะไม่ตรวจสอบสถานะการเงิน เครดิตของบริษัทเชนธนา ด้วยวิธีอื่นเลยหรือ

เคยมีคำพิพากษาฎีกาในคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีฉ้อโกงกับจำเลย โดยอ้างว่า จำเลย 2 คน มาหลอกลวงให้ลงทุนในธุรกิจโรงเรียนกวดวิชา โดยอ้างว่า จำเลยที่ 2 เป็นอาจารย์ที่ได้คุณวุฒิอะไรซักอย่าง ทำให้โจทก์หลงเชื่อ เข้าร่ามลงทุน ตอนหลังโรงเรียนกวดวิชาเจ๊ง เลยขอถอนทุนแล้วเอาคดีมาฟ้องเป็นฉ้อโกง

ข้อความเท็จแน่ๆ ในคดีนี้ ก็คือ จำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ได้คุณวุฒินั้นจริงๆ  แต่ศาลฎีกาบอกว่า ถึงแม้ ข้อความนี้จะเป็นเท็จ แต่เนื่องจากโจทก์เป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจขนส่งมาก่อน ย่อมจะไม่หลงเชื่อลงทุนในธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาง่ายๆ แต่ย่อมต้องตรวจสอบสถานะของโรงเรียนก่อน ที่สำคัญ โรงเรียนกวดวิชาก็ตั้งขึ้นมาก่อนหน้านั้น มีตัวตนอยู่จริง และธุรกิจก็ไปได้ มีนักเรียนจริง  ดังนั้น จึงตัดสินว่าไม่ผิดฐานฉ้อโกง แต่เป็นผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 36
รู้สึก คนตั้งกระทู้ มี นัยยะ แอบแฝง ตั้งกระทู้ เหมือนหยั่ง กระแสสังคมใน Pantip เผื่อๆ มาในแบบที่ตัวเองต้องการ แต่เหมือนจะไม่ได้อย่างใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่