มินฮีจิน vs HYBE : คำตัดสินของศาลและประเด็นการฟ้องร้องที่ดูท่าจะไม่จบง่ายๆ

นี่คือประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา (โดยจะไม่นำความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์ (ในที่นี้คือ juantokki) มาประกอบ เนื่องจากมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเกาหลีมีอยู่จำกัด)

--------------------------------

1. รายงานของ Kyunghyang Shinmun เกี่ยวกับคำตัดสินของศาลในรอบแรก
  
ในบทความลงวันที่ 1 มิถุนายน 2024 นักข่าวอี ซอน-มยอง จาก Kyunghyang Shinmun ได้เขียนบทความภาษาเกาหลีที่ชื่อว่า “법원은 왜 ‘민희진 손’ 들어줬나: 아일릿 표절·뉴진스 차별 등 근거있어” (แปลเป็นไทยคือ “ทำไมศาลถึงตัดสินให้มินฮีจินชนะ... มีมูลเหตุเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบของค่ายต้นสังกัดของ ILLIT และการเลือกปฏิบัติต่อ NewJeans”) ซึ่งมีการชี้แจงเหตุผลที่ศาลตัดสินให้มินฮีจินในคำร้องแรก โดยมีข้อสังเกตหลักดังนี้:  

1.1 ความคิดเห็นจากสาธารณะชี้ให้เห็นว่า คอนเซ็ปต์ ท่าเต้น และการออกแบบของ ILLIT มีความคล้ายคลึงกับ NewJeans จริงๆ

1.2 สัญญาพิเศษระหว่าง ADOR และสมาชิก NewJeans ซึ่งระบุว่า ADOR มีหน้าที่ปกป้อง NewJeans จากการแทรกแซงหรือเลียนแบบจากบุคคลภายนอก  

1.3 ในฐานะ CEO และผู้อำนวยการของ ADOR มินฮีจินมีหน้าที่ดูแลรักษาสิทธิ์ของ NewJeans ซึ่งเป็นสินทรัพย์สำคัญของบริษัท  

1.4 ผู้ปกครองของสมาชิก NewJeans ได้ยื่นคำร้องเพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบโดยค่ายต้นสังกัดของ ILLIT แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบ่งชี้ว่ามินฮีจินเป็นผู้เริ่มกล่าวหาเรื่องนี้แบบลอยๆ

1.5 อีเมลที่มินฮีจินส่งถึง HYBE เพื่อแจ้งความกังวลเกี่ยวกับความคล้ายคลึงระหว่าง ILLIT และ NewJeans อาจถูกมองว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อแจ้งผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อ ADOR  

ศาลสรุปว่า การกระทำของมินฮีจินในการแสดงความกังวลเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบโดยค่ายต้นสังกัดของ ILLIT และปกป้อง NewJeans จากการถูกเลือกปฏิบัตินั้น เป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลและมีหลักฐานสนับสนุนอย่างชัดเจน

--------------------------------

2. คำอธิบายของทนายความโคซังรกเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นประมาทของเกาหลี

โคซังรก ทนายความ ซึ่งเคยทำงานที่สำนักงานกฎหมาย Kim & Chang มากว่า 12 ปี ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ในช่อง YouTube ว่า:  

"เมื่อ CEO มินฮีจินแสดงความกังวลภายในบริษัทและยื่นเอกสารอย่างเป็นทางการไปยัง HYBE แสดงให้เห็นว่ามีการหารือและข้อสรุปภายในก่อนที่จะมีการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ  

สำหรับคำพูดของมินฮีจิน ประเด็นสำคัญคือเธอมีเจตนาที่จะหมิ่นประมาทหรือไม่ ซึ่งในกฎหมายกำหนดว่าต้องมีการพิสูจน์ให้ได้ว่ามีเจตนาหมิ่นประมาทจริงๆ ถึงจะเข้าข่ายในกฎหมายตัวนี้ แต่ในบริบทนี้นั้น หากคำพูดเหล่านั้นเป็นการอธิบายสถานการณ์และแสดงจุดยืนมากกว่าการหมิ่นประมาท ก็อาจไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทแต่อย่างใด

สิ่งสำคัญคือการที่ตำรวจและอัยการจะประเมินสถานการณ์นี้อย่างไร คำตัดสินเบื้องต้นที่ระบุว่าความกังวลของมินฮีจินมีมูลเหตุ อาจส่งผลต่อการสอบสวนในอนาคต ได้

สรุป หากคำพูดเหล่านั้นมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะและมีเหตุผลสนับสนุน ก็อาจถือได้ว่าไม่เป็นการหมิ่นประมาท ซึ่งคดีนี้อาจต้องมีการวิเคราะห์และถกเถียงในเชิงกฎหมายอย่างละเอียด"  

--------------------------------

3. การใช้กลยุทธ์ฟ้องร้องเพื่อข่มขู่ (SLAPP)

อี ฮยอน-กอน ทนายความและอดีตผู้พิพากษา ได้แสดงความคิดเห็นใน Facebook โดยระบุว่า

"การที่ HYBE ยังคงหยิบยกประเด็นทางกฎหมายต่างๆ กับมินฮีจินขึ้นมา เช่น การยักยอกทรัพย์, การแย่งชิงกิจการ, และการปกปิดคดีล่วงละเมิดทางเพศ ฯลฯ ไม่ใช่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่จริงจัง แต่จุดประสงค์หลักจริงๆ คือ การสร้างปัญหาทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เมื่อเรื่องหนึ่งจบลงไปแล้ว ก็จะมีอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาแทนต่อไปเรื่อยๆ

บางคนอาจสงสัยว่าทำไม Kim & Chang (สำนักงานกฎหมาย) ถึงเข้าร่วมในคดีที่พวกเขารู้ว่าจะไม่ชนะ นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องการที่จะสร้างความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนี่เป็นประเด็นทางกฎหมายที่ซับซ้อนอยู่พอสมควร

พวกเขาใช้ข้ออ้างว่ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นเพื่อกระทำการตามอำเภอใจ โดยไม่คำนึงถึงข้อกฎหมายอะไรเลย

ฉันไม่เห็นว่าการบิดเบือนกฎหมายดังกล่าวเป็นผลดีอะไรเลย

หลังจากมีคำตัดสินระบุว่าการเลิกจ้างในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นถือเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงผู้ถือหุ้นออกมาเนี่ย การที่คณะกรรมการบริหารได้ปลดเธอออกนั้น การตัดสินใจเหล่านี้ถือเป็นการตัดสินใจของ HYBE ไม่ใช่หรือ?  มันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่หลอกลวง  

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาใช้ความกดดันอย่างล้นหลามเช่นนี้ คนส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานได้และยอมแพ้ในที่สุด  ฉันไม่เชื่อว่านั่นคือความยุติธรรม  การได้เห็นสิ่งนี้ทำให้ฉันต้องการสนับสนุนบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก”

ทำความรู้จักกับกลยุทธ์ SLAPP

กลยุทธ์ SLAPP (ที่ย่อมาจาก Strategic Litigation Against Public Participation ซึ่งแปลว่า การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อต่อต้านการมีส่วนร่วมของประชาชน) คือ การฟ้องร้องทางกฎหมายเพื่อเป็นการข่มขู่หรือปิดปากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่มีมูลเหตุทางกฎหมายที่ชัดเจน แต่มีจุดประสงค์หลักเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายต้องสูญเสียทรัพยากรทางการเงิน, เวลา, และจิตใจ จนทำให้อีกฝ่ายต้องขอยอมแพ้ไปเอง

โดยในบางประเทศถึงกับต้องออกกฎหมายต่อต้านการใช้กลยุทธ์ SLAPP อย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้จำเลยสามารถยกฟ้องคดีที่ไม่มีมูลความจริงเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว หากสามารถพิสูจน์ให้เห็นชัดได้ว่า คดีนั้นๆ มีจุดประสงค์เพื่อข่มขู่ ปิดปากและลิดรอนสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะ



โพสต์ภาษาอังกฤษที่นำมาแปล:
https://x.com/juantokki/status/1858359454456217941?t=xTXDzVyFjMrd5fNruAzcTA&s=19

แหล่งข่าวอ้างอิงประกอบหัวข้อย่อยในกระทู้นี้ทั้ง 3 หัวข้อ:

1. รายงานของ Kyunghyang Shinmun เกี่ยวกับคำตัดสินของศาลในรอบแรก:
https://sports.khan.co.kr/article/202406011237003#c2b

2. คำอธิบายของทนายความโคซังรกเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นประมาทของเกาหลี:
https://youtu.be/8yPo4A2_xss?si=Gwu9m8i8p0Lhsq9J

3. การใช้กลยุทธ์ฟ้องร้องเพื่อข่มขู่ (SLAPP):
https://x.com/juantokki/status/1834264549111034211?t=XCxsIaXIaMB62HQ_8XAgaQ&s=19
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่