โดนรถยนต์ชนโดยที่รถคู่กรณีไม่มี พรบ.และประกัน

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ อยากจะขอปรึกษาและขอความคิดเห็นจากทุกๆคนค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า คุณพ่อของเราอายุ 82 ปี มีงานประจำทำทุกวัน มีรายได้ต่อเดือน 11,000 บาท เป็นงานที่ทำอยู่ในหมู่บ้านเลย ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ แค่ประมาณปากทางของหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ วันเกิดเหตุคุณพ่อกลับจากทำงาน และกำลังจะเดินเข้าบ้าน อีกประมาณ 3-4 หลังจะถึงบ้านตัวเอง จู่ๆมีรถยนต์เลี้ยวมาจากซอยอื่น (อันนี้ฟังจากที่คุณพ่อเล่าตอนที่เรากลับถึงบ้านประมาณ 1 ทุ่ม หลังจากที่คุณพ่อโดนชน 1 ชม.) เข้าชนที่ตัวคุณพ่อตรงสะโพกด้านด้านขวาค่อนข้างแรง แขนขวาและคางได้รับแรงกระแทกไปด้วย อาจจะเกิดจากการล้มแบบใดไม่ทราบแน่ชัด แต่คุณพ่อหงายหลังแต่ไม่ถึงกับหัวหรือหลังกระแทกพื้น จากนั้นคนขับซึ่งเป็นผู้ชาย ได้ลงมาถามไถ่ว่า ลุงเป็นอะไรมั้ยครับ เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย ตอนนั้นพ่อได้เอาสุนัขชิสุห์ตัวเล็กของที่บ้านออกมาทำธุระด้านนอกด้วย ประกอบกับอาการชาหรือตกใจด้วย เป็นห่วงสุนัขด้วย เลยบอกกับคู่กรณีไปว่าไม่เป็นอะไรครับ บ้านผมอยู่ตรงนี้เอง คู่กรณีจึงบอกว่างั้นเดี๋ยวผมกลับมานะครับ ไปทำธุระก่อน และขับรถไป (แต่วันนั้นเค้าก้อไม่ได้กลับมาหานะคะ) พ่อก้อเดินกลับบ้านพร้อมกับสุนัขที่บ้าน พอเรากลับมาถึงบ้านตามเวลาที่แจ้งไปตอนต้น พ่อบอกเราว่าโดนรถชน แต่ตอนนั้นน่าจะเจ็บมากแล้วล่ะ เราและแฟนคะยั้นคะยอ จะพาพ่อไปหาหมอแต่แกบอกวันนี้น่าจะไม่ไหวลุกไม่ขึ้น จึงลงความเห็นกันว่าพรุ่งนี้จะต้องไปหาหมอกันแต่เช้าเลยนะ ห้ามดื้อ ประกอบกับจะมีความหวังว่าคงจะไม่เป็นอะไรมากแหล่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นแกเดินแทบไม่ไหวเลย บอกระบมไปหมด ก้อช่วยกันกับแฟนพาแกไปหาหมอ (พ่อเราใช้สิทธิบัตรทองนะคะ) หมอทำการตรวจและ x-ray หมอแจ้งว่าไม่เป็นอะไรมาก ณ ตอนนี้ไม่เห็นอาการแตกหักหรือร้าว นอกจากอาการบวม ฟกช้ำ จากการโดนกระแทกแค่นั้น ตอนนั้นค่อนข้างโล่งอกนะ เพราะคนแก่อายุเยอะ หากเป็นอะไรมากกว่านี้คงจะไม่ดีแน่ แต่หลังจากนั้นอารมณ์โกรธก็เข้ามาแทนที่ว่าทำไมคู่กรณีหายไป พ่อก้อจำไม่ได้แน่ชัดเรื่องสีรถและทะเบียนรถ เลยตกลงกับแฟนว่าจะไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อนแล้วกัน เพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคู่กรณีเลย ใช่คนในหมู่บ้านมั้ย หรือแค่ขับเข้ามากลับรถเฉยๆ แล้วจะมารับผิดชอบมั้ย จึงไปแจ้งความไว้หลังจากพาพ่อไปหาหมอ พอกลับถึงบ้านจึงไปสอบถามซอยข้างๆที่เชื่อมกันกับซอยเรา ว่าเห็นรถลักษณะแบบนี้ๆมั้ย ซึ่งเค้าก้อไม่คุ้นกัน แต่อาสาจะดูกล้องที่ติดหน้าบ้านกันให้ แต่จะบอกว่ากล้องในหมู่บ้านตรงที่พ่อโดนชนโดนถอดไปซ่อมพ่อดี จึงไม่ได้ไปขอนิติที่หมู่บ้านดู แต่ประมาณเที่ยงกว่าๆคู่กรณีได้มาหาที่บ้าน พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษ แจ้งว่าตรงที่ชนมันมืดมองไม่เห็นอะไรเลย มารู้ตัวอีกทีคือชนแล้ว เราจึงถามว่ารถมี พรบ.กับประกันมั้ย คำตอบที่ได้คือ ไม่มีอะไรเลยครับ เป็นรถที่ยืมที่บ้านมาใช้ เราจึงแจ้งเค้าไปว่า เราแจ้งความไว้นะ หากมีอะไรต้องไปไกล่เกลี่ยตกลงกันที่โรงพักเท่านั้น เราจึงขอถ่ายบัตรประชาชนไว้ ขอเบอร์โทร แอดไลน์ และขอชื่อแฟนเค้าและเบอร์ติดต่อไว้ หากกรณีติดต่อคู่กรณีไม่ได้ดเวยสาเหตุใดก้อตาม และขอให้เค้าถ่ายรูปรถให้เห็นยี่ห้อ ทะเบียนและสีให้ชัดเจน ส่งให้เรา (ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้รูปเลย แต่เราไปแอบถ่ายไว้แล้ว เพราะเค้าก็เช่าบ้านอยู่ในซอยข้างเรานี่แหล่ะ เค้าบอกอยู่มา 1 ปีแล้ว) หลังจากวันนั้นถัดมาประมาณ 1 อาทิตย์เค้าก้อพาแฟนเค้ามาหาเราก้อคุยกันสักพัก เราก้อบอกให้แฟนเค้ารู้เรื่องที่เราตกลงและคุยกันกับคู่กรณีให้รับรู้ด้วย แต่เราแจ้งเพิ่มไปว่า ตอนนี้พ่อเรายังเดินได้ไม่ดีเท่าที่ควร ยังเจ็บเวลาลงน้ำหนัก ความหมายคือยังไม่สามารถเดินได้เหมือนตอนก่อนที่แกจะโดนรถชน เพราะก่อนหน้าแกจะสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เราต้องช่วยเป็นส่วนใหญ่ พ่อต้องหยุดงานประจำของเค้า ช่วงอาทิตย์แรกเราต้องหยุดงานเพื่อมาดูแลเค้า แต่ตอนนี้เราไปทำงานแล้ว แค่ก้อต้องแวะออกมาตอนเที่ยงเพื่อหาข้าวและจัดเตรียมยาให้เค้า ชีวิตประจำวันเราก้อเปลี่ยนไป ต้องจัดการอะไรๆด้วยตัวเองทั้งหมด จากที่กล่าวมาทั้งหมด อยากจะถามผู้รู้ค่ะ เราสามารถเรียกร้องอะไรจากเหตุการณ์นี้ได้บ้าง แบบสมเหตุสมผลนะคะ เราก้อไม่ได้อยากที่จะเรียกร้องอะไรให้มากเกินไป แต่เราแค่รู้สึกว่า มันก้อควรที่จะมีอะไรมาทดแทนกับความรู้สึกของพ่อและเราบ้าง ซึ่งตอนนี้ผ่านมา 12 วันแล้ว พ่อเราก้อยังเดินได้ไม่เหมือนเดิม ยังไปทำงานไม่ได้ ซึ่งก้อไม่รู้จะเป็นไปอีกนานมั้ย หรืออาจจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หรือพ่ออาจจะต้องออกจากงานเพราะไม่สามารถไปทำได้อีก เราควรเรียกร้องจากคู่กรณีอย่างไรดีคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่