เผื่อมันจะได้หมดปัญหา พ่อแม่ที่มาจากชนบทเข้ามาทำงานในเมือง แล้วพอมีลูก จะได้ไม่ต้องเอาลูกไปฝากปู่ย่าตายายที่บ้านเกิด
เนอรสเซอรี่เกือบทุกที่ ดูแลแค่ จันทร์-ศุกร์ (บางที่ถึงวันเสาร์) เวลา 06.30-18.30 น.เท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่มันจะตอบโจทย์กับพ่อแม่ที่ทำงานเป็นข้าราชการ กับพนักงานออฟฟิศ มากกว่า
แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์พ่อแม่ที่ทำงานใช้แรงงานในโรงงาน หรือคนทำงานบริการเลยครับ
[คนทำงานโรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำงานใช้แรงงานในฝ่ายผลิต
ทำงานเป็นกะ เช้า-ดึก (1-2 สัปดาห์จะสลับเปลี่ยนกะที และการเข้ากะจะตายตัวและแน่นอนกว่า) ไหนจะต้องทำโอทีอีก ทำงานวันละ 12 ชม. จะขอออกโอทีก็ไม่ใช่ง่ายๆ หลายครอบครัวทั้งสามี-ภรรยา ทำงานอยู่กะเดียวกันด้วย
ถ้ามีลูกเล็กขึ้นมา แล้วยิ่งสมัยนี้จะให้คนใดคนนึงลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกก็คงไม่ได้ เพราะค่าครองชีพทุกวันนี้สูงมาก
จะหาเนอรสเซอรี่รับฝากลูกแถวนี้ก็ไม่ตอบโจทย์ เพราะหลายที่รับฝากดูแลแค่ช่วงกลางวันเท่านั้น จะหาพี่เลี้ยงก็ไม่อยากเสี่ยง
ถ้าทั้งสามี-ภรรยาเข้ากะดึก คงไม่ใครดูแลลูกเล็กตอนนอนอยู่ห้องแน่ๆ
สุดท้ายก็ต้องจำใจเอาลูกไปฝากให้พ่อแม่ของตัวเอง (ปู่ย่าตายาย) ให้ดูแลชั่วคราวที่ชนบทบ้านเกิดไปก่อน แค่ส่งเงินให้เดือน (ถือว่าจ้างเลี้ยง) โทรคุยติดต่อทุกวัน และแวะไปเยี่ยมหาประจำ ถ้าลูกโตพอช่วยตัวเองได้ในระดับนึง ค่อยเอากลับมาอยู่ด้วยกัน หรือก็มีหลายครอบครัวก็เอาลูกอยู่กับปู่ย่าตายายที่ชนบทจนโตเป็นวัยรุ่นไปเลย
คนทำงานบริการ
คนทำงานบริการ ถ้าที่ทำงานเปิดบริการลูกค้า 24 ชม. เช่น ร้านสะดวกซื้อ ก็จะทำงานเป็นกะ เช้า-บ่าย-ดึก บางครั้งต้องทำโอทีด้วย
ถ้าที่ทำงานอยู่ในห้าง ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่กะ เช้า-บ่าย
(การเข้ากะของคนทำงานบริการจะไม่ค่อยตายตัวและแน่นอนสักเท่าไหร่)
คนทำงานบริการเกือบทุกที่และเกือบทุกคน เสาร์-อาทิตย์ จะไม่ได้หยุดด้วย จะหยุดได้แค่วันธรรมดา
ถ้าทั้งสามี-ภรรยา มีลูกเล็ก แล้วทำงานบริการทั้งคู่ และทำงานที่เดียวกัน ยังพอสามารถสลับกะกันได้
เช่น ถ้าเอาลูกไปฝากเนอรสเซอรี่ ให้วันนี้สามีเข้าเช้า ภรรยาเข้าบ่าย ยังพอมีสามีสามารถไปรับลูกที่เนอรสเซอรี่ในช่วงเย็นได้
แต่ๆๆ มันจะติดตรงนี้วันอาทิตย์มันหยุดไม่ได้นี่สิ เพราะลูกค้าที่ร้านเยอะ เนอรสเซอรี่ก็ไม่มีที่ไหนรับดูแลลูกให้ในวันนี้ จะจ้างพี่เลี้ยงก็ไม่อยากเสี่ยง
สุดท้ายก็ต้องจำใจเอาลูกไปให้พ่อแม่ของตัวเอง (ปู่ย่าตายาย) ที่ชนบทบ้านเกิดให้ดูแล คอยส่งเงินให้ทุกเดือน (ถือว่าจ้างเลี้ยง) โทรคุยติดต่อทุกวัน และแวะไปเยี่ยมหาประจำ ถ้าลูกโตพอช่วยตัวเองได้ในระดับนึง ค่อยเอากลับมาอยู่ด้วยกัน หรือก็มีหลายครอบครัวก็เอาลูกอยู่กับปู่ย่าตายายที่ชนบทจนโตเป็นวัยรุ่นไปเลย
……………….
จากที่ผมกล่าวไป ไม่แปลกใจเลยครับ
ว่าทำไมในสายตาชนชั้นกลาง คนทำงานออฟฟิศ คนมีการศึกษาดี ถึงมักมีภาพจำที่ว่า พ่อแม่ที่ทำงานใช้แรงงาน คนในโรงงาน คนทำงานบริการ
ทำไมพอมีลูกเล็กแล้ว ถึงชอบเอาลูกไปฝากให้ปู่ย่าตายายที่ชนบทเลี้ยงกัน
แต่กลับไม่มองปัญหาตรงที่ว่า ธุรกิจเนอรสเซอรี่สมัยนี้ เกือบทุกที่เปิดบริการดูแลเด็กที่ไม่ตอบโจทย์ของพ่อแม่ที่ทำงานระดับล่างกันเลย
สำหรับผมคิดว่า ควรจะมีธุรกิจเนอรสเซอรี่ที่เปิดรับบริการดูแลเด็ก 24 ชั่วโมง และดูแลทุกวัน (รวมวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย) ได้แล้วครับ
ค่าใช่จ่าย คิดตามเวลาที่ฝาก
ไม่ได้หมายความว่า จะให้ลูกอยู่เนอรสเซอรี่ทั้งวันทั้งคืน
ยิ่งถ้ามาเปิดบริการ ที่นิคมอุตสาหกรรมแถวภาคตะวันออก + ตั้งราคาไม่สูงมาก อาจจะตอบโจทย์คนแถวนี้
ภาพจำของคนใช้แรงงานในด้านลบเรื่อง “ชอบเอาลูกไปฝากให้ปู่ย่าตายายที่ชนบทเลี้ยง”
จะได้เลือนลางจางลงไปสักที
ทำไมธุรกิจเนอรสเซอรี่ ถึงไม่ทำแบบบริการดูแลเด็ก 24 ชม. ให้เหมาะกับเวลาของพ่อแม่แรงงานทุกระดับไปเลยล่ะครับ
เนอรสเซอรี่เกือบทุกที่ ดูแลแค่ จันทร์-ศุกร์ (บางที่ถึงวันเสาร์) เวลา 06.30-18.30 น.เท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่มันจะตอบโจทย์กับพ่อแม่ที่ทำงานเป็นข้าราชการ กับพนักงานออฟฟิศ มากกว่า
แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์พ่อแม่ที่ทำงานใช้แรงงานในโรงงาน หรือคนทำงานบริการเลยครับ
[คนทำงานโรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำงานใช้แรงงานในฝ่ายผลิต
ทำงานเป็นกะ เช้า-ดึก (1-2 สัปดาห์จะสลับเปลี่ยนกะที และการเข้ากะจะตายตัวและแน่นอนกว่า) ไหนจะต้องทำโอทีอีก ทำงานวันละ 12 ชม. จะขอออกโอทีก็ไม่ใช่ง่ายๆ หลายครอบครัวทั้งสามี-ภรรยา ทำงานอยู่กะเดียวกันด้วย
ถ้ามีลูกเล็กขึ้นมา แล้วยิ่งสมัยนี้จะให้คนใดคนนึงลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกก็คงไม่ได้ เพราะค่าครองชีพทุกวันนี้สูงมาก
จะหาเนอรสเซอรี่รับฝากลูกแถวนี้ก็ไม่ตอบโจทย์ เพราะหลายที่รับฝากดูแลแค่ช่วงกลางวันเท่านั้น จะหาพี่เลี้ยงก็ไม่อยากเสี่ยง
ถ้าทั้งสามี-ภรรยาเข้ากะดึก คงไม่ใครดูแลลูกเล็กตอนนอนอยู่ห้องแน่ๆ
สุดท้ายก็ต้องจำใจเอาลูกไปฝากให้พ่อแม่ของตัวเอง (ปู่ย่าตายาย) ให้ดูแลชั่วคราวที่ชนบทบ้านเกิดไปก่อน แค่ส่งเงินให้เดือน (ถือว่าจ้างเลี้ยง) โทรคุยติดต่อทุกวัน และแวะไปเยี่ยมหาประจำ ถ้าลูกโตพอช่วยตัวเองได้ในระดับนึง ค่อยเอากลับมาอยู่ด้วยกัน หรือก็มีหลายครอบครัวก็เอาลูกอยู่กับปู่ย่าตายายที่ชนบทจนโตเป็นวัยรุ่นไปเลย
คนทำงานบริการ
คนทำงานบริการ ถ้าที่ทำงานเปิดบริการลูกค้า 24 ชม. เช่น ร้านสะดวกซื้อ ก็จะทำงานเป็นกะ เช้า-บ่าย-ดึก บางครั้งต้องทำโอทีด้วย
ถ้าที่ทำงานอยู่ในห้าง ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่กะ เช้า-บ่าย
(การเข้ากะของคนทำงานบริการจะไม่ค่อยตายตัวและแน่นอนสักเท่าไหร่)
คนทำงานบริการเกือบทุกที่และเกือบทุกคน เสาร์-อาทิตย์ จะไม่ได้หยุดด้วย จะหยุดได้แค่วันธรรมดา
ถ้าทั้งสามี-ภรรยา มีลูกเล็ก แล้วทำงานบริการทั้งคู่ และทำงานที่เดียวกัน ยังพอสามารถสลับกะกันได้
เช่น ถ้าเอาลูกไปฝากเนอรสเซอรี่ ให้วันนี้สามีเข้าเช้า ภรรยาเข้าบ่าย ยังพอมีสามีสามารถไปรับลูกที่เนอรสเซอรี่ในช่วงเย็นได้
แต่ๆๆ มันจะติดตรงนี้วันอาทิตย์มันหยุดไม่ได้นี่สิ เพราะลูกค้าที่ร้านเยอะ เนอรสเซอรี่ก็ไม่มีที่ไหนรับดูแลลูกให้ในวันนี้ จะจ้างพี่เลี้ยงก็ไม่อยากเสี่ยง
สุดท้ายก็ต้องจำใจเอาลูกไปให้พ่อแม่ของตัวเอง (ปู่ย่าตายาย) ที่ชนบทบ้านเกิดให้ดูแล คอยส่งเงินให้ทุกเดือน (ถือว่าจ้างเลี้ยง) โทรคุยติดต่อทุกวัน และแวะไปเยี่ยมหาประจำ ถ้าลูกโตพอช่วยตัวเองได้ในระดับนึง ค่อยเอากลับมาอยู่ด้วยกัน หรือก็มีหลายครอบครัวก็เอาลูกอยู่กับปู่ย่าตายายที่ชนบทจนโตเป็นวัยรุ่นไปเลย
……………….
จากที่ผมกล่าวไป ไม่แปลกใจเลยครับ
ว่าทำไมในสายตาชนชั้นกลาง คนทำงานออฟฟิศ คนมีการศึกษาดี ถึงมักมีภาพจำที่ว่า พ่อแม่ที่ทำงานใช้แรงงาน คนในโรงงาน คนทำงานบริการ
ทำไมพอมีลูกเล็กแล้ว ถึงชอบเอาลูกไปฝากให้ปู่ย่าตายายที่ชนบทเลี้ยงกัน
แต่กลับไม่มองปัญหาตรงที่ว่า ธุรกิจเนอรสเซอรี่สมัยนี้ เกือบทุกที่เปิดบริการดูแลเด็กที่ไม่ตอบโจทย์ของพ่อแม่ที่ทำงานระดับล่างกันเลย
สำหรับผมคิดว่า ควรจะมีธุรกิจเนอรสเซอรี่ที่เปิดรับบริการดูแลเด็ก 24 ชั่วโมง และดูแลทุกวัน (รวมวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย) ได้แล้วครับ
ค่าใช่จ่าย คิดตามเวลาที่ฝาก
ไม่ได้หมายความว่า จะให้ลูกอยู่เนอรสเซอรี่ทั้งวันทั้งคืน
ยิ่งถ้ามาเปิดบริการ ที่นิคมอุตสาหกรรมแถวภาคตะวันออก + ตั้งราคาไม่สูงมาก อาจจะตอบโจทย์คนแถวนี้
ภาพจำของคนใช้แรงงานในด้านลบเรื่อง “ชอบเอาลูกไปฝากให้ปู่ย่าตายายที่ชนบทเลี้ยง”
จะได้เลือนลางจางลงไปสักที