คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เรามองแบบนี้นะคะ
- คนที่ออกมาสอนธรรมในยุค internet เนี่ย มีเยอะแยะมากๆๆๆๆ ค่ะ ไม่ว่าจะพระหรือฆราวาส
ใครจะเลือกฟัง หรือ ถูกจริต กับแนวทางแบบไหน แต่ละคนก็มีวิจารณญาณที่ต่างกันไปบ้างหรือเหมือนกันบ้างในบางส่วน
- สำหรับตัวเรา เราเป็นคนที่เติบโตมาในระบบการศึกษายุคปัจจุบัน ที่สอนให้คิดพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะเชื่ออะไร
เรียกง่ายๆ ว่า ไม่ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ ไม่เชื่องมงาย เราก็พยายามใช้ปัญญาเท่าที่มีเพื่อพิจารณาสิ่งต่างๆ
แต่อย่างว่าแหละค่ะ... ก็คนเรามันมีปัญญาไม่เท่ากัน มีนิสัยต่างกันไป การจะเลือกเชื่อไปทางไหน ก็กำหนดได้ยาก
แต่เราได้ฟังคำแนะนำจากครูอาจารย์ทางธรรมหลายท่าน ซึ่งเราก็นำมาใช้ คือ
เราฟังธรรม รับรู้ธรรมจากผู้ใด เราก็ถือว่า ท่านเหล่านั้นได้ให้ความรู้แก่เรา
ท่านเป็นเหมือนสื่อกลางที่เชื่อมต่อเราไปสู่ธรรม
แล้วหลังจากนั้น เป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องพาตัวเองไปฝึกฝนเพื่อไปสัมผัสสภาวธรรมจริงๆ ด้วยตนเอง
อย่าไปยึดมั่นตายตัวกับตัวผู้แนะนำธรรม ผู้สอนธรรมต่างๆ เพราะตัวผู้สอนก็ไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูงกันทุกคน
ตัวผู้สอนเองก็ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมในทางปัญญา และในด้านอื่นๆ
เพราะฉะนั้น ตัวผู้สอนเอง ก็ยังมีความผิดพลาดได้เช่นกันในด้านต่างๆ
ไอ้ประเด็นการไม่ยึดมั่นในครูอาจารย์เนี่ย มันห้ามกันยากค่ะ เราก็ทราบดี
เพราะเวลาใครสอนธรรมแก่เรา เราก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ อดที่จะศรัทธาไม่ได้
แต่ก็ต้องเตือนใจตนเสมอว่า อย่าปักใจ ยึดติด หลงใหล มัวแต่สรรเสริญเยินยอครูอาจารย์จนมากเกินจำเป็น
ซึ่งคนไทยทำแบบนี้กันมาก ยึดติดในตัวบุคคลมากๆๆๆๆๆ มากเกินกว่าการพัฒนาฝึกฝนตนเพื่อไปเข้าถึงธรรมจริงๆ ด้วยการปฎิบัติตนเอง
แล้วก็เอาศรัทธาไปผูกไว้กับบุคคล ซึ่งมีความไม่เที่ยงอยู่ในตัวปุถุชน แทนที่จะพาตัวเองไปสัมผัสสภาวธรรมที่แท้จริง
แล้วยึดธรรมเป็นใหญ่
- ครูอาจารย์เป็นปัญหาที่เลือกยากค่ะในยุคนี้ เพราะมีเยอะมากมาย
แต่สำหรับเรา วิธีหนึ่งที่ "พอจะ" ช่วยได้ คือ ครูอาจารย์ที่ผ่านประสบการณ์ ผ่านกาลเวลามานานพอสมควร
มีสายงานที่สืบทอดเป็นที่รู้จัก มีปฏิปทาที่ตรงทางชัดเจน ฯลฯ เรื่องพวกนี้ พอจะสืบค้นได้บ้างค่ะ
แต่ก็แน่นอนค่ะว่า ไม่ได้หมายความว่า ผ่านเวลานานๆ มีลูกศิษย์เยอะ ก็จะรับประกันได้เสมอไป
มันก็มีอีกหลายปัจจัย เพียงแต่เป็นหลักในการสกรีนง่ายๆว่า ของใหม่ๆ มีผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ก็ต้องพึงระวังความเสี่ยง
เพราะของใหม่ๆ ก็มีความเสี่ยงเยอะหน่อย
หมายความว่า เหล่าอาจารย์หน้าใหม่ๆ ก็ยังไม่ได้ถูกพิสูจน์มากพอค่ะ
เพราะฉะนั้น จะเป็นของจริงหรือของเทียม ก็ยังตอบได้ยาก
มีครูอาจารย์ไม่น้อย ที่มีจริตหลากหลาย มีการสอนหลากหลาย แล้วเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงกว้าง
มีอยู่ไม่น้อยค่ะ ถ้าจะพิจารณาเลือกอาจารย์ ก็ควรเลือกจากท่านเหล่านั้นก่อนเนอะ
ครูอาจารย์หน้าใหม่ ก็อย่างที่บอกคือ มีความเสี่ยงมากหน่อย สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่า ปัญญาตัวเองมีมากพอ
ก็ลองดูได้ค่ะ แต่อย่าไปปักใจเชื่อใครแบบสุดหัวใจ อย่าไปหลงใหลศรัทธาอะไรแบบหน้ามืดตามัวค่ะ
- คนที่ออกมาสอนธรรมในยุค internet เนี่ย มีเยอะแยะมากๆๆๆๆ ค่ะ ไม่ว่าจะพระหรือฆราวาส
ใครจะเลือกฟัง หรือ ถูกจริต กับแนวทางแบบไหน แต่ละคนก็มีวิจารณญาณที่ต่างกันไปบ้างหรือเหมือนกันบ้างในบางส่วน
- สำหรับตัวเรา เราเป็นคนที่เติบโตมาในระบบการศึกษายุคปัจจุบัน ที่สอนให้คิดพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะเชื่ออะไร
เรียกง่ายๆ ว่า ไม่ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ ไม่เชื่องมงาย เราก็พยายามใช้ปัญญาเท่าที่มีเพื่อพิจารณาสิ่งต่างๆ
แต่อย่างว่าแหละค่ะ... ก็คนเรามันมีปัญญาไม่เท่ากัน มีนิสัยต่างกันไป การจะเลือกเชื่อไปทางไหน ก็กำหนดได้ยาก
แต่เราได้ฟังคำแนะนำจากครูอาจารย์ทางธรรมหลายท่าน ซึ่งเราก็นำมาใช้ คือ
เราฟังธรรม รับรู้ธรรมจากผู้ใด เราก็ถือว่า ท่านเหล่านั้นได้ให้ความรู้แก่เรา
ท่านเป็นเหมือนสื่อกลางที่เชื่อมต่อเราไปสู่ธรรม
แล้วหลังจากนั้น เป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องพาตัวเองไปฝึกฝนเพื่อไปสัมผัสสภาวธรรมจริงๆ ด้วยตนเอง
อย่าไปยึดมั่นตายตัวกับตัวผู้แนะนำธรรม ผู้สอนธรรมต่างๆ เพราะตัวผู้สอนก็ไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูงกันทุกคน
ตัวผู้สอนเองก็ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมในทางปัญญา และในด้านอื่นๆ
เพราะฉะนั้น ตัวผู้สอนเอง ก็ยังมีความผิดพลาดได้เช่นกันในด้านต่างๆ
ไอ้ประเด็นการไม่ยึดมั่นในครูอาจารย์เนี่ย มันห้ามกันยากค่ะ เราก็ทราบดี
เพราะเวลาใครสอนธรรมแก่เรา เราก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ อดที่จะศรัทธาไม่ได้
แต่ก็ต้องเตือนใจตนเสมอว่า อย่าปักใจ ยึดติด หลงใหล มัวแต่สรรเสริญเยินยอครูอาจารย์จนมากเกินจำเป็น
ซึ่งคนไทยทำแบบนี้กันมาก ยึดติดในตัวบุคคลมากๆๆๆๆๆ มากเกินกว่าการพัฒนาฝึกฝนตนเพื่อไปเข้าถึงธรรมจริงๆ ด้วยการปฎิบัติตนเอง
แล้วก็เอาศรัทธาไปผูกไว้กับบุคคล ซึ่งมีความไม่เที่ยงอยู่ในตัวปุถุชน แทนที่จะพาตัวเองไปสัมผัสสภาวธรรมที่แท้จริง
แล้วยึดธรรมเป็นใหญ่
- ครูอาจารย์เป็นปัญหาที่เลือกยากค่ะในยุคนี้ เพราะมีเยอะมากมาย
แต่สำหรับเรา วิธีหนึ่งที่ "พอจะ" ช่วยได้ คือ ครูอาจารย์ที่ผ่านประสบการณ์ ผ่านกาลเวลามานานพอสมควร
มีสายงานที่สืบทอดเป็นที่รู้จัก มีปฏิปทาที่ตรงทางชัดเจน ฯลฯ เรื่องพวกนี้ พอจะสืบค้นได้บ้างค่ะ
แต่ก็แน่นอนค่ะว่า ไม่ได้หมายความว่า ผ่านเวลานานๆ มีลูกศิษย์เยอะ ก็จะรับประกันได้เสมอไป
มันก็มีอีกหลายปัจจัย เพียงแต่เป็นหลักในการสกรีนง่ายๆว่า ของใหม่ๆ มีผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ก็ต้องพึงระวังความเสี่ยง
เพราะของใหม่ๆ ก็มีความเสี่ยงเยอะหน่อย
หมายความว่า เหล่าอาจารย์หน้าใหม่ๆ ก็ยังไม่ได้ถูกพิสูจน์มากพอค่ะ
เพราะฉะนั้น จะเป็นของจริงหรือของเทียม ก็ยังตอบได้ยาก
มีครูอาจารย์ไม่น้อย ที่มีจริตหลากหลาย มีการสอนหลากหลาย แล้วเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงกว้าง
มีอยู่ไม่น้อยค่ะ ถ้าจะพิจารณาเลือกอาจารย์ ก็ควรเลือกจากท่านเหล่านั้นก่อนเนอะ
ครูอาจารย์หน้าใหม่ ก็อย่างที่บอกคือ มีความเสี่ยงมากหน่อย สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่า ปัญญาตัวเองมีมากพอ
ก็ลองดูได้ค่ะ แต่อย่าไปปักใจเชื่อใครแบบสุดหัวใจ อย่าไปหลงใหลศรัทธาอะไรแบบหน้ามืดตามัวค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คน ตื่น ทำ.......น่าคิด น่าสงสัย
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
"ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว
พระศาสดาของพวกเราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัย
อันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น
ศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา"
เหตุใดผู้ประกาศตนว่าจะนำพระธรรมของพระศาสดามาประกาศ จึงนำตำราสาวกมาเปรียบกับพระไตรปิฎก ???
เรื่องนี้น่าคิด......
‘คนตื่นธรรม’ อ่านพระไตรปิฎกหมดตู้ แนะพระมหาวัฒนา ศึกษาก่อนแขวะ บาป18ประการ|ไทยนิวส์|Update 15-PP
‘คนตื่นธรรม’ โง่หรือฉลาด? ‘ครูนัท’ ฟาดสาวก ‘พุทธวจน‘ ตัดตอนพระไตรปิฎก|ไทยนิวส์|ไทยฟีด 15-jj
คนตื่นธรรมสอนผิดพุทธวจนภัยร้ายกว่าพระทำเดรัจฉานวิชา
👉 https://www.tiktok.com/@bright.channel6/video/7437159860199804178
จากช่อง tiktok อันนี้ชัดเจน
กระบวนการเผยแพร่ลัทธิน่ากลัวมาก
เชิญรวมอภิปรายแสดงความคิดเห็น