"วัดร่องขุ่น" หรือ วัดสีขาว White Temple เชียงราย

    >> สวัสดีทุกคน เราก็เดินทางมาถึงวัดที่ 10 ของทริปเที่ยวเชียงรายกันแล้วนะขอรับ คงจะพูดไม่ได้เหรอว่าเป็นทริปไหว้พระ 9 วัด ต้องบอกว่า ทริปเที่ยววัดสวยเมืองเชียงรายคงจะถูกต้องมากกว่านะขอรับ 

    >> ก่อนที่จะไปชมบรรยากาศ และความสดงดงามของวัดร่องขุ่น เรามาทราบรายละเอียดคร่าวๆ กันก่อนนะครับ
(ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ ททท. เช่นเคย)
    >> "วัดร่องขุ่น" ออกแบบ และก่อสร้าง โดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อ พ.ศ. 2540 อยู่ที่ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด คือ พระอุโบสถสีขาวโดดเด่นประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา มีการตกแต่งลวดลายด้วยกระจกสีเงินเป็นเชิงชั้นลดหลั่นกัน และมีหน้าบันประดับด้วยพญานาครูปลักษณ์แปลกตา ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของ อ.เฉลิมชัย ที่สวยวิจิตรงดงาม อุโบสถตั้งอยู่บนเนินเตี้ยๆ ที่มีสะพานทอดยาว
    >> เรามาเริ่มต้นกันที่เดินมาจากลานจอดรถที่ด้านหลังของวัดกันเลย พอผ่านตัวอาคารจัดแสดง และขายของที่ระลึกเข้ามา ทางซ้ายมือก็จะมีน้ำตกจำลอง ทางเดินไปเข้าห้องน้ำ (ห้องน้ำมีหลายห้องสะอาดเลยครับ) และให้จุดถ่ายภาพด้วย

     >> หลังจากเดินต่อเข้ามาก็จะมีซุ้มทางเดินที่ด้านบนมีการประดับตกแต่งด้วยแผ่นสีเงินที่มีลักษณะคล้ายใบโพธิ์ขนาดเล็กสวยงามแปลกตาดี

     >> ส่วนทางซ้ายมือก็จะมองเห็น พระอุโบสถสีขาวที่โดดเด่นสวยวิจิตรงดงาม ท่ามกลางสนามหญ้า และสระน้ำ โดยจะมีประตูทางออกจากอุโบสถอยู่ตรงจุดนี้ด้วย

      >> เฉพาะรั้วกั้นรอบตัวอุโบสถก็ยังมีความสวยวิจิตรงดงามมากเลยครับ

      >> เดินเข้ามาต่อก็จะเริ่มเห็นสระน้ำที่มีสะพานข้ามเพื่อเข้าไปในตัวอุโบสถกันแล้ว

      >> ถัดจากนั่นมาจะมีงานปั้น หรือสิ่งปลูกสร้างที่รูปทรงก็ดูเหมือนใบโพธิ์นะ แต่ความจริงผมก็ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร แต่มีสีทองอร่ามที่ตัดขอบด้วยกระจกสีทองยิ่งทำให้มีความวิจิตรงดงามมากยิ่งขึ้น

       >> จากนั้นจะมีด่านตรวจเป็นช่องทางเดินเข้าไปสู่ลานด้านหน้าก่อนข้ามสะพานไปที่อุโบสถ ซึ่งเป็นจุดชำระค่าเข้าของชาวต่างชาวด้วย ส่วนคนไทยก็ผ่านเข้าฟรี
       >> ผ่านประตูเข้ามาจะมาระฆังให้เคาะด้วยนะ และจะเป็นส่วนหน้าของงานปั้น หรือสิ่งปลูกสร้างที่รูปทรงก็ดูเหมือนใบโพธิ์ด้วย

     >> และในจุดนี้ผมก็ว่าเป็นจุดที่ถ่ายภาพของอุโบสถได้สวยมากๆ เนื่องจากจะเห็นพระอุโบสถโดยรวมได้ทั้งหมด มีสะพาน มีสระน้ำที่มีปลาคาร์ฟหลายตัวแวกว่าย ลานหญ้าเขียวๆ ท้องฟ้าสีคราม และทำให้เกิดภาพเงาสะท้อนที่ผิวน้ำดุดดั่งกระจกเลยขอรับ

     >> ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อมีความสวยงามเข้ามา ก็จะเป็น location ที่ทุกคนหมายปองเช่นกัน ศึกแย่งชิงความได้เปรียบจึงเกิดขึ้น แต่เราก็คือ ผู้ได้เปรียบด้วย (ก็รอนานนั่นละ)

     >> เดินเข้ามาต่อก็จะถึงจุดที่เป็นสะพานเพื่อเดินข้ามสระน้ำไปยังอุโบสถ ตอนนี้คือ แสงแดดแรงมากๆ ไม่มีร่มด้วย ซึ่งก่อนจะข้ามสะพานไปจะมีงานปั้นอยู่ทั้งสองฝั่งทางเดิน เป็นรูปโครงกระดูก รูปมือยื่นออกมา บางมือถือบาตร ทำให้ดูขนลุกแบบบอกไม่ถูก แต่ก็สวยงามแบบขนลุกๆ อะ เข้าใจผมป่าว

     >> พอเดินข้ามมาถึงตัวอุโบสถ ก่อนเข้าสู่ด้านในเขาจะให้เราถอดรองเท้าออก และถือเอานะครับ ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงดงามมาก ก.ล้านตัวอีกแล้ว แต่เขาไม่ให้ถ่ายภาพ และวิดีโอนะครับ ได้แค่ชม และเก็บไว้ในความทรงจำเท่านั้น เอาจริงๆ ผมเองก็จำไม่ได้นะ รู้แค่ว่าสวย
     >> พอเดินทะลุอุโบสถออกมาด้านนอก เราสามารถเดินชมรอบๆ ของอุโบสถได้ ซึ่งก็มีความสวยงดงามให้ได้พูดถึงไม่ขาดสายเลยทีเดียว แต่ผู้สูงวัยของเราเหมือนจะเริ่มเมากับผู้คนที่มากมาย

     >> เดินถัดมาจากอุโบสถจะมีอาคารคล้ายๆ กับหอระฆังหรือป่าวนะอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ และถัดมาอีกจะมีสะพานข้ามที่มีศาลากลางสะพาน เพื่อข้ามไปอีกอาคารหนึ่งเหมือนจะเป็นอุโบสถอีกหลัง หรือศาลาอะไรหรือป่าวนะ แต่ช่วงที่ไปเขาปิด น่าจะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เลยไม่สามารถให้รายละเอียดได้

      >> พอมาถึงจุดนี้ก็จะสิ้นสุดทางเดินของการเข้ามาชมภายในอุโบสถ เราเดินลงมาที่ลานด้านหลังอุโบสถ เพื่อเดินไปยังประตูทางออกกัน แต่ก็ไม่ลืมเก็บภาพความสวยงามให้ชมก่อนเดินออกมา

     >> เป็นอย่างไรกันบางครับ กับการพาชมความสวยวิจิตรงดงามของ "วัดร่องขุ่น" ที่ได้รับการบูรณะ โดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แต่ทริปเชียงรายเรายังไม่จบ ยังมีวัดอีกหลายที่ที่ผมอยากนำมาให้ชม และนอกจากวัดผมก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่มากๆ เพราะนี่คือทริป "เที่ยวรอบเชียงราย"

การเดินทาง: วิ่งตามถนนหมายเลข 1 ก่อนเข้าตัวเมืองเชียงราย เลี้ยวทางซ้ายมือ เข้าสู่ถนนหมายเลข 1208 ประมาณ 100-200 เมตร วัดจะอยูทางซ้ายมือ มีลานจอดรถด้านข้างวัด และด้านหลังของวัด
ค่าเข้าชม: คนไทยเข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติ 100 บาท
เวลาเปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
สอบถามข้อมูล: โทร. 0 5367 3579
      >>ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ช่อง/เพจ "หยุดแล้วเที่ยวได้" นะขอรับ