คนไทยป่วยโรคซึมเศร้าพุ่ง! พบวัยทำงานเข้ารับการบำบัดมากสุด แพทย์แนะ 5 วิธี จัดการสุขภาพจิตในออฟฟิศ

คนไทยป่วยโรคซึมเศร้าพุ่ง! พบวัยทำงานเข้ารับการบำบัดมากสุด แพทย์แนะ 5 วิธี จัดการสุขภาพจิตในออฟฟิศ

สถิติสุขภาพจิตในประเทศไทยประจำปี 2567 จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประชากรในประเทศไทยมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการสุขภาพจิตในที่ทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่มักพบปัญหาความเครียดจากการทำงาน การต่อสู้กับความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า

พญ.ปวีณา ศรีมโนทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต Bangkok Mental Health Hospital หรือ BMHH  กล่าวว่า

“จากข้อมูลของ BMHH พบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่มารับบริการสูงที่สุดของโรงพยาบาลคือวัยทำงานอายุ 25-40 ปี

โดย 5 โรคที่พบมากที่สุดในวัยนี้ ได้แก่ โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ภาวะเครียดสะสม โรคแพนิค และโรคไบโพลาร์

เห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีงานเครียดสูง หรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแรงกดดันสูง ทั้งจากความคาดหวังในงานและความยากลำบากในการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงาน การใส่ใจสุขภาพจิตในที่ทำงานไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะร่วมกันผลักดันให้สุขภาพจิตเป็นวาระสำคัญขององค์กรและสังคม เพื่อสร้างสังคมที่ให้คุณค่ากับสุขภาพกายและใจอย่างสมดุลส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป การดูแลสุขภาพจิตคือความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน ไม่ได้เพียงสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งขึ้น แต่กำลังสร้างโลกที่น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคน สุขภาพจิตในที่ทำงานเป็นประเด็นที่เราต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/lifestyle/health-beauty/news_4891476


วิธีการจัดการสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้าในที่ทำงาน
 
1. สร้างพื้นที่ให้พนักงานสามารถเปิดใจเกี่ยวกับสุขภาพจิต พนักงานควรรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดคุยเกี่ยวกับอาการทางจิตเวชโดยไม่ต้องกลัวการตัดสิน หรือผลกระทบต่อหน้าที่การงาน

2. ให้การสนับสนุนด้านจิตวิทยา องค์กรสามารถจัดให้มีบริการคำปรึกษาจิตวิทยาภายในองค์กร หรือส่งพนักงานที่มีอาการซึมเศร้าไปหาผู้เชี่ยวชาญ
 
3. ส่งเสริมการทำงานที่ยืดหยุ่น การจัดการกับการทำงานที่มีความยืดหยุ่น เช่น การทำงานจากที่บ้าน หรือการกำหนดเวลาทำงานที่เหมาะสมกับพนักงานแต่ละคน จะช่วยลดความเครียดและบรรเทาความวิตกกังวลที่เกิดจากงาน
 
4. ส่งเสริมการออกกำลังกายและกิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย การให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพจิต เช่น โครงการโยคะในที่ทำงาน การเดินเล่น หรือกิจกรรมสันทนาการสามารถช่วยลดระดับความเครียดได้
 
5. อบรมและให้ความรู้แก่ผู้บริหารและหัวหน้างาน การอบรมให้หัวหน้างานและผู้บริหารเข้าใจและรับรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและสัญญาณต่าง ๆ จะช่วยให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
โรคซึมเศร้าเป็นภัยเงียบที่กำลังกลายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในที่ทำงานในปัจจุบัน โดยเฉพาะในปี 2567 ที่สถิติโรคซึมเศร้าในกลุ่มวัยทำงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การดูแลสุขภาพจิตของพนักงานและการจัดการกับโรคซึมเศร้าในที่ทำงานจึงเป็นเรื่องที่องค์กรไม่สามารถมองข้ามได้ หากองค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและมีการสนับสนุนด้านสุขภาพจิต พนักงานก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และองค์กรก็จะเติบโตไปอย่างยั่งยืน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่