ปธ.กมธ.กฎหมาย เซ็นตั้งอนุฯ 10 คน ศึกษาต่อ คดีตากใบ หลังหมดอายุความ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4890215
ปธ.กมธ.กฎหมาย เซ็นตั้งอนุฯ 10 คน ศึกษาต่อ คดีตากใบ หลังหมดอายุความ
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้แต่งตั้ง คณะอนุ กมธ.พิจารณาศึกษาผลกระทบ จากกรณีคดีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่ขาดอายุความ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐ จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
1. นาย
กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ
2. นาย
วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่ 1
3. นาย
รอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่ 2
4. นาย
วรกร โอภาสนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ
5. นาย
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เป็นอนุกรรมาธิการ
6. น.ส.
ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นอนุกรรมาธิการ
7. นาย
อามินทร์ มะยูโซะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ เป็นอนุกรรมาธิการ
8. นาย
อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ อดีต ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ เป็นอนุกรรมาธิการ
9. น.ส.
สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจากคณะกรรมการนิติศาสตร์สากล เป็นอนุกรรมาธิการ
10. น.ส.
พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เป็นอนุกรรมาธิการ
โดยให้คณะอนุกรรมาธิการมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
1. พิจารณาศึกษาผลกระทบจากกรณีคดีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่ขาดอายุความเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐ
2. จัดทำรายงานผลการศึกษาเสนอให้คณะกรรมาธิการพิจารณา
3. ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมาธิการมอบหมาย เว้นแต่หน้าที่และอำนาจ ในการสอบหาข้อเท็จจริง
พร้อมกันนี้ นาย
กมลศักดิ์ยังได้เซ็นแต่งตั้งที่ปรึกษาประจำคณะอนุ กมธ.ดังกล่าวอีก 7 คน ประกอบด้วย
1. นาย
วิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
2. น.ส.
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
3. น.ส.
ชลธิชา แจ้งเร็ว ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
4. นาย
มูหามัดเปาซี อาลีฮา มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม
5. นาย
ชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย
6. นาย
ปราโมทย์คริษฐ ธรรมคุณากร กรรมการเผยแพร่กฎหมาย สภาทนายความ
7. นาย
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ
ไทยสร้างไทย ชี้ปมกาะกูด อย่าเฉไฉแบ่งสมบัติไทยให้ต่างชาติ
https://tna.mcot.net/politics-1445120
กทม. 9 พ.ย. – ไทยสร้างไทย ชี้ รู้แล้วว่าเกาะกูดเป็นของไทย อย่าเฉไฉแบ่งสมบัติไทยให้ต่างชาติ เพื่อประโยชน์ของตนเอง จี้ พิจารณาทบทวนดูว่า ภายใต้ MOU 44 ประเทศไทยจะได้ไม่คุ้มเสีย ระบุการยกเลิก MOU เป็นสิทธิที่ไทยพึงกระทำได้
นาย
ศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นหลังฟังนายกรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมกับพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องของ MOU 44 ระหว่างไทยกับกัมพูชาแล้ว เห็นว่า ถึงเวลานี้ คงไม่ต้องมาพูดกันอีกแล้วว่า เกาะกูดเป็นของไทยหรือไม่ ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเป็นของไทยแล้วเหตุใดพื้นที่ทางทะเลโดยรอบเกาะกูดซึ่งมีระยะห่างจากแผ่นดินอาณาเขตประเทศออกไป 12 ไมล์ทะเล และต่อไปอีก 12 ไมล์ทะเลที่เป็นเขตเศรษฐกิจต่อเนื่อง เรื่อยไปจนถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะที่ไทยเป็นเจ้าของทะเลอาณาเขตตามกฎหมายระหว่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรมรองนายกฯ กลับไม่พูดถึงเลย หรือจงใจจะเบี่ยงเบนประเด็นพื้นที่ทางทะเล หันเหความสนใจของประชาชน มาอยู่ในพื้นที่เกาะกูดเพียงอย่างเดียว แล้วปล่อยให้พื้นที่ทางทะเลของไทยมีการแสวงหา และเจรจาผลประโยชน์กันอย่างรีบเร่งจนน่าผิดสังเกต
นาย
ศักดิ์ณรงค์ยังระบุว่าเห็นได้จากเหตุการณ์หนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมและความต้องการของพรรคแกนนำรัฐบาลได้อย่างชัดเจนก็คือ การที่รองนายกรัฐมนตรีฯ นาย
ภูมิธรรม มีกำหนดการลงพื้นที่เกาะกูดในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 นี้ เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพล และตอกย้ำการเป็นแผ่นดินของไทย ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเผยแพร่ตามหน้าสื่อต่างๆ อยู่ในเวลานี้
นาย
ศักดิ์ณรงค์ เห็นว่า การลงพื้นที่เกาะกูดเพื่อไปตอกย้ำความเป็นดินแดนของไทยนั้น ไม่สำคัญเท่ากับการไปตอกย้ำพื้นที่อาณาเขตทางทะเลโดยรอบเกาะกูด ตามสิทธิ์ทางกฎหมายสากลที่ไทยได้ประกาศ พระบรมราชโองการกำหนดเขตแดนไว้ในปี พ.ศ.2516 ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นรัฐบาลออกมาพูดในประเด็นนี้เลย มีแต่พูดถึงพื้นที่เกาะกูดเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ผลจากการทำ MOU 44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีเส้นเขตแดนตามที่ปรากฏเป็นแผนที่อยู่ใน MOU นั้น ทำให้น่านน้ำของจังหวัดตราดได้เข้าไปอยู่ในเส้นของกัมพูชาแล้ว และพื้นที่อาณาเขตของเกาะกูดก็เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชาด้วยเช่นกัน รวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ก็เข้าไปอยู่ในเส้นของกัมพูชาด้วย ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเขายอมให้ทำกันแบบนี้ ดังนั้น หากพิจารณาตามหลักกฎหมายสากลแล้ว เราจะไม่มีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอาณาเขต และเขตเศรษฐกิจต่อเนื่องทางทะเลเลย แต่จะมีพื้นที่ทับซ้อนเฉพาะที่เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะเท่านั้น ซึ่งก็จะมีจำนวนพื้นที่น้อยกว่ามากตามที่ได้อ้างสิทธิ์อยู่ในปัจจุบัน แผนที่ที่ปรากฏใน MOU 44 นี้ ได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนบน เหนือเส้นที่ 11 องศาเหนือ ขึ้นไป ให้เป็นพื้นที่เจรจาแบ่งเขตแดน และส่วนล่างเส้นที่ 11 องศาเหนือลงมา ให้เป็นพื้นที่เจรจาแบ่งปันผลประโยชน์
เมื่อเป็นดังนี้ คำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมจึงเจรจาเขตแดนเฉพาะพื้นที่ส่วนบน? แล้วส่วนล่างที่เป็นผลมาจากการที่กัมพูชาลากเส้นไหล่ทวีปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากล ซึ่งเราไม่ยอมรับว่าเป็นเขตแดนนั้น แต่เรากลับไปยอมรับเป็นเขตแดนแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน หรือ JDA ซึ่งเป็นเส้นที่แตกต่างไปจากพระบรมราชโองการในปี พ.ศ.2516 เป็นอย่างมาก
ดร.
ศักดิ์ณรงค์ ยังเห็นเพิ่มเติมว่าภายใต้ MOU 44 นี้ ทำให้ไทยจำต้องไปยอมรับการมีอยู่ และการคงอยู่ของเส้นแนวเขตของกัมพูชา โดยฝ่ายไทยนำมาเป็นกรอบในการเจรจา JDA จึงขอเสนอให้รัฐบาลดำเนินการให้มีการเจรจาแบ่งเขตแดนให้จบตลอดทั้งเส้นแนวเขต ไม่ต้องมาแบ่งเป็น 2 ส่วน แยกการเจรจาอย่างที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ พร้อมกับเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาได้พิจารณาลากเส้นแนวเขตแดนของประเทศตนเสียใหม่ โดยไม่ล้ำอธิปไตยของไทย ให้มีความถูกต้อง ชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศที่สากลยอมรับ
จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม ได้พิจารณาทบทวนดูว่า ภายใต้ MOU 44 นี้ ประเทศไทยเราได้อะไร และเสียอะไร ถ้าเห็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย ก็สมควรที่จะต้องยกเลิก MOU 44 นี้ แล้วหาวิธีเจรจาทำความตกลงกันใหม่ โดยไม่ต้องกังวลว่าเราจะยกเลิกไม่ได้ และกัมพูชาจะฟ้องร้องเรา เพราะ MOU คือ “
บันทึกความเข้าใจร่วมกัน” เท่านั้น ไม่ใช่สนธิสัญญาอะไรที่มีข้อผูกมัดใดๆ ในเมื่อไทยเป็นรัฐเอกราช เราจะเจรจาด้วยกรอบอะไร อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของเรา เช่นเดียวกับกัมพูชา ที่ดำเนินการภายใต้นโยบายของเขา ไม่มีใครฟ้องใครได้ การยกเลิก MOU เป็นสิทธิ์ที่ไทยพึงกระทำได้ ไม่ต่างอะไรกับ MOU ที่พรรคต่างๆ ได้ร่วมกันทำขึ้นเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเสร็จ แต่จู่ๆ วันหนึ่งเพียงแค่ชั่วข้ามคืน พรรคแกนนำจัดตั้งยังยกเลิก MOU นั้นได้เลย ไม่เห็นต้องกลัวว่าพรรคต่างๆ ที่ร่วมลงนามด้วยจะฟ้องร้อง.-319-สำนักข่าวไทย
หมูเด้งปลุกเศรษฐกิจเครื่องปั้นโคราชออเดอร์ข้ามปี
https://www.innnews.co.th/news/local/news_800334/
หมูเด้งช่วยปลุกเศรษฐกิจเครื่องปั้นโคราช ยอดออเดอร์ข้ามปีจนทำไม่ทัน
แม้ว่าในช่วงนี้การจำหน่ายงานเครื่องปั้นต่างๆภายในชุมชนบ้านหนองโสน ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จะค่อนข้างเงียบเหงา ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากยังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวมากนัก แต่ในส่วนของงานปั้นตามกระแส อย่างเช่นรูปปั้นซุปเปอร์ฮีโร่ หรือตุ๊กตาต่างๆ อย่างหมีเนย หรือ ลาบูบู้ ก็ยังพอขายออกอยู่เป็นระยะ แต่ตอนนี้ที่ยอดฮิตที่สุด จนหากันแทบไม่ได้ต้องสั่งจองกันจนแทบทำไม่ทัน นั่นก็คือ รูปปั้นฮิปโปน้องหมูเด้ง ที่ตอนนี้แทบไม่มีงานวางให้ได้เห็น เนื่องจากปั้นมาเท่าไรก็วางขายหมดแทบจะทันที จนตอนนี้ต้องมีการออเดอร์สั่งจองกันข้ามปีเลยทีเดียว
อย่างเช่นที่ร้านพระคุณหินทราย ของคุณ
นิสรารัตน์ ภูคลัง อายุ 34 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังเร่งปั้นรูปปั้นฮิโปน้องหมูเด้ง หลากหลายขนาด เพื่อส่งจำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาออเดอร์ และกำลังขึ้นรูเต็มร้านไว้หลายสิบตัว แต่กลับเหลือรูปปั้นที่ทำเสร็จละลงสีตั้งเอาไว้เพื่อให้ลูกค้าไดดูแบบเบื้องต้นหน้าร้านเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น
โดยคุณ
นิสรารัตน์ ภูคลัง เจ้าของร้านบอกว่า ถ้าจะมองภาพรวมในเรื่องของสถานการณ์การจำหน่ายเครื่องปั้นต่างๆของตลาดตอนนี้ ค่อนข้างจะเงียบเหงา เพราะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้การจีบจ่ายซื้อสินค้าพวกนี้มีน้อย แต่ร้านของตัวเองยังดีหน่อยที่แฟนหนุ่มมีความรู้สามารถทำบล๊อกสินค้าได้เอง จึงลงการลงทุนจ้างช่างในส่วนนี้ไปได้ทั้งหมด พร้อมกับหันมาทดลองปั้นสินค้าตามกระแส ที่ดังอยู่ในโลกโซเซียล ไม่ว่าจะเป็นพวกซุปเปอร์ฮีไร่ หรือลาบูบู้ที่ดังอย่างมากในช่วงที่น้อง
ลิซ่าถือลงโลกออนไลน์
ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ตอนนี้ต้องพักงานทุกอย่างเพื่อมาปั้น น้องหมูเด้ง เพื่อส่งจำหน่ายตามออเดอร์ของลูกค้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นงานกระแสที่มาแรงอย่างมาก ตอนแรกก็มีลูกค้าที่รู้จักสั่งทำมาเพียงตัวเดียว แต่เมื่อมีลูกค้ารู้ว่าตัวเองเริ่มปั้น ก็พากันสั่งออเดอร์เพิ่มขึ้นมากหลากหลายขนาด เจ้าละ 20 -50 ตัว จนตอนนี้มียอดสั่งจองข้ามปีมาหลายร้อยตัวจนต้องปิดรับออเดอร์และหยุดงานปั้นอื่นทุกอย่างไปโดยปริยาย เพราะไม่สามารถทำตามออเดอร์ได้ทันแล้ว.
กระทบไทย! เตือนต่อเนื่อง ฉ.6 พายุหยินซิ่ง ความเร็วลมสูงสุด เข้าจีน-เวียดนาม
https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1152817
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนต่อเนื่อง ฉบับ 6 พายุลูกใหม่ "
พายุไต้ฝุ่นหยินซิ่ง" มีความเร็วลมสูงสุด 148 กม./ชั่วโมง เข้าจีน-เวียดนาม 11-12 พ.ย.นี้ จะอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อน - พายุดีเปรสชัน ส่งผลกระทบไทย ภาคใต้มีฝนตกหนัก ประชาชนอยู่ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ให้ระวังน้ำทะลักท่วม
แจ้งล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ ฉบับ 6 พายุลูกใหม่ เตือนต่อเนื่อง "
พายุไต้ฝุ่นหยินซิ่ง" มีความเร็วลมสูงสุด 148 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เข้าจีน-เวียดนาม 11-12 พ.ย.นี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็น พายุโซนร้อน พายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ส่งผลกระทบไทย ภาคใต้มีฝนตกหนัก ประชาชนอยู่ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่มให้ระวังน้ำทะลักท่วม
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “หยินซิ่ง” ฉบับที่ 6 (267/2567)
เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (9 พ.ย. 2567) พายุไต้ฝุ่น “
หยินซิ่ง” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 370 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ละติจูด 18.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 114.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 148 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
JJNY : 5in1 เซ็นตั้งอนุฯ คดีตากใบ│ทสท.ชี้อย่าเฉไฉ│หมูเด้งปลุกศก.│เตือนต่อเนื่องฉ.6 พายุหยินซิ่ง│ผู้เชี่ยวชาญเตือน‘ยุโรป’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4890215
ปธ.กมธ.กฎหมาย เซ็นตั้งอนุฯ 10 คน ศึกษาต่อ คดีตากใบ หลังหมดอายุความ
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้แต่งตั้ง คณะอนุ กมธ.พิจารณาศึกษาผลกระทบ จากกรณีคดีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่ขาดอายุความ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐ จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
1. นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ
2. นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่ 1
3. นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่ 2
4. นายวรกร โอภาสนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ
5. นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เป็นอนุกรรมาธิการ
6. น.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นอนุกรรมาธิการ
7. นายอามินทร์ มะยูโซะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ เป็นอนุกรรมาธิการ
8. นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ อดีต ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ เป็นอนุกรรมาธิการ
9. น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจากคณะกรรมการนิติศาสตร์สากล เป็นอนุกรรมาธิการ
10. น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เป็นอนุกรรมาธิการ
โดยให้คณะอนุกรรมาธิการมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
1. พิจารณาศึกษาผลกระทบจากกรณีคดีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่ขาดอายุความเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐ
2. จัดทำรายงานผลการศึกษาเสนอให้คณะกรรมาธิการพิจารณา
3. ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมาธิการมอบหมาย เว้นแต่หน้าที่และอำนาจ ในการสอบหาข้อเท็จจริง
พร้อมกันนี้ นายกมลศักดิ์ยังได้เซ็นแต่งตั้งที่ปรึกษาประจำคณะอนุ กมธ.ดังกล่าวอีก 7 คน ประกอบด้วย
1. นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
2. น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
3. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
4. นายมูหามัดเปาซี อาลีฮา มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม
5. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย
6. นายปราโมทย์คริษฐ ธรรมคุณากร กรรมการเผยแพร่กฎหมาย สภาทนายความ
7. นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ
ไทยสร้างไทย ชี้ปมกาะกูด อย่าเฉไฉแบ่งสมบัติไทยให้ต่างชาติ
https://tna.mcot.net/politics-1445120
กทม. 9 พ.ย. – ไทยสร้างไทย ชี้ รู้แล้วว่าเกาะกูดเป็นของไทย อย่าเฉไฉแบ่งสมบัติไทยให้ต่างชาติ เพื่อประโยชน์ของตนเอง จี้ พิจารณาทบทวนดูว่า ภายใต้ MOU 44 ประเทศไทยจะได้ไม่คุ้มเสีย ระบุการยกเลิก MOU เป็นสิทธิที่ไทยพึงกระทำได้
นายศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นหลังฟังนายกรัฐมนตรี แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมกับพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องของ MOU 44 ระหว่างไทยกับกัมพูชาแล้ว เห็นว่า ถึงเวลานี้ คงไม่ต้องมาพูดกันอีกแล้วว่า เกาะกูดเป็นของไทยหรือไม่ ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเป็นของไทยแล้วเหตุใดพื้นที่ทางทะเลโดยรอบเกาะกูดซึ่งมีระยะห่างจากแผ่นดินอาณาเขตประเทศออกไป 12 ไมล์ทะเล และต่อไปอีก 12 ไมล์ทะเลที่เป็นเขตเศรษฐกิจต่อเนื่อง เรื่อยไปจนถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะที่ไทยเป็นเจ้าของทะเลอาณาเขตตามกฎหมายระหว่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรมรองนายกฯ กลับไม่พูดถึงเลย หรือจงใจจะเบี่ยงเบนประเด็นพื้นที่ทางทะเล หันเหความสนใจของประชาชน มาอยู่ในพื้นที่เกาะกูดเพียงอย่างเดียว แล้วปล่อยให้พื้นที่ทางทะเลของไทยมีการแสวงหา และเจรจาผลประโยชน์กันอย่างรีบเร่งจนน่าผิดสังเกต
นายศักดิ์ณรงค์ยังระบุว่าเห็นได้จากเหตุการณ์หนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมและความต้องการของพรรคแกนนำรัฐบาลได้อย่างชัดเจนก็คือ การที่รองนายกรัฐมนตรีฯ นายภูมิธรรม มีกำหนดการลงพื้นที่เกาะกูดในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 นี้ เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพล และตอกย้ำการเป็นแผ่นดินของไทย ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเผยแพร่ตามหน้าสื่อต่างๆ อยู่ในเวลานี้
นายศักดิ์ณรงค์ เห็นว่า การลงพื้นที่เกาะกูดเพื่อไปตอกย้ำความเป็นดินแดนของไทยนั้น ไม่สำคัญเท่ากับการไปตอกย้ำพื้นที่อาณาเขตทางทะเลโดยรอบเกาะกูด ตามสิทธิ์ทางกฎหมายสากลที่ไทยได้ประกาศ พระบรมราชโองการกำหนดเขตแดนไว้ในปี พ.ศ.2516 ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นรัฐบาลออกมาพูดในประเด็นนี้เลย มีแต่พูดถึงพื้นที่เกาะกูดเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ผลจากการทำ MOU 44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีเส้นเขตแดนตามที่ปรากฏเป็นแผนที่อยู่ใน MOU นั้น ทำให้น่านน้ำของจังหวัดตราดได้เข้าไปอยู่ในเส้นของกัมพูชาแล้ว และพื้นที่อาณาเขตของเกาะกูดก็เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชาด้วยเช่นกัน รวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ก็เข้าไปอยู่ในเส้นของกัมพูชาด้วย ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเขายอมให้ทำกันแบบนี้ ดังนั้น หากพิจารณาตามหลักกฎหมายสากลแล้ว เราจะไม่มีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอาณาเขต และเขตเศรษฐกิจต่อเนื่องทางทะเลเลย แต่จะมีพื้นที่ทับซ้อนเฉพาะที่เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะเท่านั้น ซึ่งก็จะมีจำนวนพื้นที่น้อยกว่ามากตามที่ได้อ้างสิทธิ์อยู่ในปัจจุบัน แผนที่ที่ปรากฏใน MOU 44 นี้ ได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนบน เหนือเส้นที่ 11 องศาเหนือ ขึ้นไป ให้เป็นพื้นที่เจรจาแบ่งเขตแดน และส่วนล่างเส้นที่ 11 องศาเหนือลงมา ให้เป็นพื้นที่เจรจาแบ่งปันผลประโยชน์
เมื่อเป็นดังนี้ คำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมจึงเจรจาเขตแดนเฉพาะพื้นที่ส่วนบน? แล้วส่วนล่างที่เป็นผลมาจากการที่กัมพูชาลากเส้นไหล่ทวีปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากล ซึ่งเราไม่ยอมรับว่าเป็นเขตแดนนั้น แต่เรากลับไปยอมรับเป็นเขตแดนแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน หรือ JDA ซึ่งเป็นเส้นที่แตกต่างไปจากพระบรมราชโองการในปี พ.ศ.2516 เป็นอย่างมาก
ดร.ศักดิ์ณรงค์ ยังเห็นเพิ่มเติมว่าภายใต้ MOU 44 นี้ ทำให้ไทยจำต้องไปยอมรับการมีอยู่ และการคงอยู่ของเส้นแนวเขตของกัมพูชา โดยฝ่ายไทยนำมาเป็นกรอบในการเจรจา JDA จึงขอเสนอให้รัฐบาลดำเนินการให้มีการเจรจาแบ่งเขตแดนให้จบตลอดทั้งเส้นแนวเขต ไม่ต้องมาแบ่งเป็น 2 ส่วน แยกการเจรจาอย่างที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ พร้อมกับเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาได้พิจารณาลากเส้นแนวเขตแดนของประเทศตนเสียใหม่ โดยไม่ล้ำอธิปไตยของไทย ให้มีความถูกต้อง ชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศที่สากลยอมรับ
จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม ได้พิจารณาทบทวนดูว่า ภายใต้ MOU 44 นี้ ประเทศไทยเราได้อะไร และเสียอะไร ถ้าเห็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย ก็สมควรที่จะต้องยกเลิก MOU 44 นี้ แล้วหาวิธีเจรจาทำความตกลงกันใหม่ โดยไม่ต้องกังวลว่าเราจะยกเลิกไม่ได้ และกัมพูชาจะฟ้องร้องเรา เพราะ MOU คือ “บันทึกความเข้าใจร่วมกัน” เท่านั้น ไม่ใช่สนธิสัญญาอะไรที่มีข้อผูกมัดใดๆ ในเมื่อไทยเป็นรัฐเอกราช เราจะเจรจาด้วยกรอบอะไร อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของเรา เช่นเดียวกับกัมพูชา ที่ดำเนินการภายใต้นโยบายของเขา ไม่มีใครฟ้องใครได้ การยกเลิก MOU เป็นสิทธิ์ที่ไทยพึงกระทำได้ ไม่ต่างอะไรกับ MOU ที่พรรคต่างๆ ได้ร่วมกันทำขึ้นเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเสร็จ แต่จู่ๆ วันหนึ่งเพียงแค่ชั่วข้ามคืน พรรคแกนนำจัดตั้งยังยกเลิก MOU นั้นได้เลย ไม่เห็นต้องกลัวว่าพรรคต่างๆ ที่ร่วมลงนามด้วยจะฟ้องร้อง.-319-สำนักข่าวไทย
หมูเด้งปลุกเศรษฐกิจเครื่องปั้นโคราชออเดอร์ข้ามปี
https://www.innnews.co.th/news/local/news_800334/
หมูเด้งช่วยปลุกเศรษฐกิจเครื่องปั้นโคราช ยอดออเดอร์ข้ามปีจนทำไม่ทัน
แม้ว่าในช่วงนี้การจำหน่ายงานเครื่องปั้นต่างๆภายในชุมชนบ้านหนองโสน ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จะค่อนข้างเงียบเหงา ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากยังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวมากนัก แต่ในส่วนของงานปั้นตามกระแส อย่างเช่นรูปปั้นซุปเปอร์ฮีโร่ หรือตุ๊กตาต่างๆ อย่างหมีเนย หรือ ลาบูบู้ ก็ยังพอขายออกอยู่เป็นระยะ แต่ตอนนี้ที่ยอดฮิตที่สุด จนหากันแทบไม่ได้ต้องสั่งจองกันจนแทบทำไม่ทัน นั่นก็คือ รูปปั้นฮิปโปน้องหมูเด้ง ที่ตอนนี้แทบไม่มีงานวางให้ได้เห็น เนื่องจากปั้นมาเท่าไรก็วางขายหมดแทบจะทันที จนตอนนี้ต้องมีการออเดอร์สั่งจองกันข้ามปีเลยทีเดียว
อย่างเช่นที่ร้านพระคุณหินทราย ของคุณนิสรารัตน์ ภูคลัง อายุ 34 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังเร่งปั้นรูปปั้นฮิโปน้องหมูเด้ง หลากหลายขนาด เพื่อส่งจำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาออเดอร์ และกำลังขึ้นรูเต็มร้านไว้หลายสิบตัว แต่กลับเหลือรูปปั้นที่ทำเสร็จละลงสีตั้งเอาไว้เพื่อให้ลูกค้าไดดูแบบเบื้องต้นหน้าร้านเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น
โดยคุณนิสรารัตน์ ภูคลัง เจ้าของร้านบอกว่า ถ้าจะมองภาพรวมในเรื่องของสถานการณ์การจำหน่ายเครื่องปั้นต่างๆของตลาดตอนนี้ ค่อนข้างจะเงียบเหงา เพราะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้การจีบจ่ายซื้อสินค้าพวกนี้มีน้อย แต่ร้านของตัวเองยังดีหน่อยที่แฟนหนุ่มมีความรู้สามารถทำบล๊อกสินค้าได้เอง จึงลงการลงทุนจ้างช่างในส่วนนี้ไปได้ทั้งหมด พร้อมกับหันมาทดลองปั้นสินค้าตามกระแส ที่ดังอยู่ในโลกโซเซียล ไม่ว่าจะเป็นพวกซุปเปอร์ฮีไร่ หรือลาบูบู้ที่ดังอย่างมากในช่วงที่น้องลิซ่าถือลงโลกออนไลน์
ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ตอนนี้ต้องพักงานทุกอย่างเพื่อมาปั้น น้องหมูเด้ง เพื่อส่งจำหน่ายตามออเดอร์ของลูกค้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นงานกระแสที่มาแรงอย่างมาก ตอนแรกก็มีลูกค้าที่รู้จักสั่งทำมาเพียงตัวเดียว แต่เมื่อมีลูกค้ารู้ว่าตัวเองเริ่มปั้น ก็พากันสั่งออเดอร์เพิ่มขึ้นมากหลากหลายขนาด เจ้าละ 20 -50 ตัว จนตอนนี้มียอดสั่งจองข้ามปีมาหลายร้อยตัวจนต้องปิดรับออเดอร์และหยุดงานปั้นอื่นทุกอย่างไปโดยปริยาย เพราะไม่สามารถทำตามออเดอร์ได้ทันแล้ว.
กระทบไทย! เตือนต่อเนื่อง ฉ.6 พายุหยินซิ่ง ความเร็วลมสูงสุด เข้าจีน-เวียดนาม
https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1152817
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนต่อเนื่อง ฉบับ 6 พายุลูกใหม่ "พายุไต้ฝุ่นหยินซิ่ง" มีความเร็วลมสูงสุด 148 กม./ชั่วโมง เข้าจีน-เวียดนาม 11-12 พ.ย.นี้ จะอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อน - พายุดีเปรสชัน ส่งผลกระทบไทย ภาคใต้มีฝนตกหนัก ประชาชนอยู่ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ให้ระวังน้ำทะลักท่วม
แจ้งล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ ฉบับ 6 พายุลูกใหม่ เตือนต่อเนื่อง "พายุไต้ฝุ่นหยินซิ่ง" มีความเร็วลมสูงสุด 148 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เข้าจีน-เวียดนาม 11-12 พ.ย.นี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็น พายุโซนร้อน พายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ส่งผลกระทบไทย ภาคใต้มีฝนตกหนัก ประชาชนอยู่ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่มให้ระวังน้ำทะลักท่วม
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “หยินซิ่ง” ฉบับที่ 6 (267/2567)
เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (9 พ.ย. 2567) พายุไต้ฝุ่น “หยินซิ่ง” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 370 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ละติจูด 18.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 114.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 148 กิโลเมตรต่อชั่วโมง