ประวัติศาสตร์การศึกษาของประเทศไทย

ประเทศไทย
 
ในปีพ.ศ. ๒๕๓๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณพ่อสุขวิช  รังสิตพลได้ริเริ่มการปฏิรูปการศึกษาชุดหนึ่งในปีพ.ศ. ๒๕๓๘ โดยมุ่งหมายให้การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ตระหนักถึงศักยภาพของคนไทยในการพัฒนาตนเองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และพัฒนาชาติเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในประชาคมโลก<ref>{{cite journal |last1=Dachakupt |first1=Pimpan |title=นวัตกรรมปัจจุบันในการพัฒนาหลักสูตรของประเทศไทย |journal=วารสารนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาหลักสูตรและการปฏิบัติ|date=1999 |volume=1 |pages=93–101 |url=https://www.jstage.jst.go.jp/article/jcrdaen/1/1/1_KJ00006742072/_pdf |access-date=18 กันยายน 2561}}</ref>
 
<blockquote>ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ.2538 เป็นต้นมา กิจกรรมต่างๆ ได้ดำเนินการในสี่พื้นที่หลัก:
 
· การปฏิรูปโรงเรียน ได้เพิ่มความพยายามในการทำให้คุณภาพการศึกษาเป็นมาตรฐานในทุกระดับและทุกประเภทของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา ขยายขอบเขตการศึกษาให้ครอบคลุมมากขึ้น
 
· การปฏิรูปครู การปฏิรูปการฝึกอบรมและคัดเลือกครูทั้งในระบบราชการและเอกชนอย่างเร่งด่วนและรอบด้าน การพัฒนาผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
 
การปฏิรูปหลักสูตร ได้มีการปฏิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนอย่างเร่งด่วนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาทุกรูปแบบและทุกระดับ
 
· การปฏิรูปการบริหาร สถาบันการศึกษาได้รับอำนาจในการตัดสินใจด้านการบริหารและเสนอบริการการศึกษาที่เหมาะสมซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ของท้องถิ่นมากที่สุดผ่านการกระจายอำนาจ องค์กรระดับจังหวัดได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเพื่ออำนวยความสะดวกในการกระจายอำนาจ ในขณะที่ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน</blockquote> <ref>{{cite web | url=http://documents.worldbank.org/curated/en/605431468777588612 | title=ประเทศไทย - ความสำเร็จ ปัญหา และนโยบายด้านการศึกษา }}</ref><ref>https://cdn.fbsbx.com/v/t59.2708-21/11654357_1619612354947831_1233897546_n.pdf/Thailand_16.pdf?_nc_cat=102&ccb=1-7&_nc_sid=2b0e22&_nc_ohc=Eovn3QvhqkYAX__xQGy&_nc_ht=cdn.fbsbx.com&oh=03_AdSQ8OZ0m8aAmKRBbSIMlnWUDaB2Jg9lThNrNduQClZpJQ&oe=6559D5C8&dl=1 {{Bare URL inline|date=สิงหาคม 2024}}</ref>
 
การจัดการในโรงเรียน (School-Based Management: SBM) ในประเทศไทยซึ่งเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2540 เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ร้ายแรงในระบบการศึกษา<ref>{{Cite journal|url=https://www.jstor.org/stable/4151600|jstor=4151600|title=การกระจายอำนาจและการจัดการในโรงเรียนในประเทศไทย|last1=Gamage|first1=David T.|last2=Sooksomchitra|first2=Pacharapimon|journal=International Review of Education / Internationale Zeitschrift für Erziehungswissenschaft / Revue Internationale de l'Éducation|year=2004|volume=50|issue=3/4|pages=289–305}}</ref>
 
<blockquote> จัดตั้งสภาการศึกษาระดับจังหวัดที่มีประสิทธิผลโดยมีสมาชิกในชุมชนที่เข้มแข็ง วัตถุประสงค์ของการกระจายอำนาจคือเพื่อให้แน่ใจว่าความต้องการด้านการศึกษาในท้องถิ่นได้รับการตอบสนอง ควรมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างตัวแทนชุมชนและเจ้าหน้าที่ ดังนั้น การกระจายอำนาจจะต้องใช้ความสมดุลอย่างรอบคอบระหว่างการชี้นำของตัวแทนที่คัดเลือกจากชุมชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเป็นตัวแทนความต้องการและลำดับความสำคัญในท้องถิ่น </blockquote><ref name="Report No. 18417-TH">{{cite web |title=Report No. 18417-TH - Thailand: Education Achievements, Issues and Policies |url=https://documents1.worldbank.org/curated/en/605431468777588612/text/multi-page.txt |access-date=5 เมษายน 2024}}</ref>
 
การปฏิรูปการศึกษา พ.ศ. 2538 ส่งผลให้มีโรงเรียน 40,000 แห่งภายใต้การปฏิรูปการศึกษาในปี พ.ศ. 2540<ref>{{cite web | url=https://www.academia.edu/43054905 | title=การศึกษาเพื่อชีวิต : ความท้าทายที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ฯพณฯ สุวิชา รังสิตพล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐบาลไทยต่อสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย }}</ref> โครงการดังกล่าวจำเป็นต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมในโรงเรียนและส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการโรงเรียน<ref>https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000113535_eng หน้า 13</ref>
 
ต่อมาโรงเรียนเหล่านี้สามารถรับนักเรียนได้ จำนวน 4.35 คน อายุระหว่าง 3-17 ปี จากครอบครัวที่ยากจนในพื้นที่ห่างไกล หลังจากนั้น ประเทศไทยจึงได้จัดตั้งโครงการการศึกษาเพื่อทุกคน (Education For All หรือ EFA) ได้สำเร็จ.<ref>{{Cite web |url=http://wiki.kpi.ac.th/images/5/5f/Pln378.pdf 

|title=สำเนาที่เก็บถาวร |access-date=2023-10-25 |archive-date=2019-07-20 |archive-
url=https://web.archive.org/web/20190720155749/http://wiki.kpi.ac.th/images/5/5f/Pln378.pdf |url-status=dead }}</ref><ref>{{cite web | url=https://books.google.com/books?id=aL3KoAEACAAJ | title=180 วัน ในกระทรวงศึกษาธิการของนายสุข รังสิพลต วิช กระทรวงศึกษาธิการ พฤศจิกายน 2539- พฤษภาคม 2540 | title=180 date=1997 }}</ref> ดังนั้น ประเทศไทยจึงได้รับรางวัล ACEID ด้านความเป็นเลิศด้านการศึกษาจาก UNESCO ประจำปี 2540 ในปี 2540<ref>https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000114483 {{Bare URL inline|date=August 2024}}</ref><ref>{{cite web | url=http://www.lifeisball.info/p/edurite.html | title=ความเป็นกลางทางการศึกษา }}</ref>
 
จากข้อมูลของยูเนสโก การปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย มีผลให้เกิดผลดังนี้:
 
* งบการศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 133,000 ล้านบาท ในปี 2539 เป็น 163,000 ล้านบาท ในปี 2540 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5)

* ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้รับการสอน [[ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศ]] และ [[ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์]]

* การเลื่อนขั้นทางวิชาชีพจากระดับครู 6 เป็นระดับครู 7 โดยไม่ต้องส่งผลงานทางวิชาการให้พิจารณาได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลไทย

* รัฐบาลจัดการศึกษาฟรี 12 ปีสำหรับเด็กทุกคน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ของไทยยังเขียนขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการปฏิรูปการศึกษาอีกด้วย

<ref>https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/20.500.13072/367183/2539_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0 %B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%888_%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.pdf?sequence=1 {{URL เปล่าแบบอินไลน์|date=สิงหาคม 2024}}</ref><ref>{{อ้างอิงเว็บ | url=https://www.ryt9.com/en/nesd/258 | title=สรุปแผนพัฒนาฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544) }}</ref> ต่อมามีการเพิ่มโครงการนี้ลงในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้<ref>{{cite book |title=ข้อมูลการจัดการศึกษา: ประเทศไทย |date=1998 |publisher=สำนักงานหลักระดับภูมิภาคของยูเนสโกสำหรับเอเชียและแปซิฟิก |location=กรุงเทพมหานคร |url=http://unesdoc.unesco.org/images/0011/001135/113535Eo.pdf |access-date=18 กันยายน 2561}}</ref><ref>{{cite web | url=http://www.asianlii.org/th/legis/const/1997/1.html | title=รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 }}</ref>
 
รายงานธนาคารโลกระบุว่าภายหลัง[[วิกฤติการเงินเอเชียปี 1997]] รายได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยากจนที่สุดของประเทศไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 46 ตั้งแต่ปี 1995 ถึง 2000<ref>NESDB, [http://www.nesdb.go.th/Portals/0/eco_datas/account/gpp/GPP%201995_2000.zip ข้อมูลเศรษฐกิจ 1995–2000]

{{webarchive|url=https://web.archive.org/web/20110719090712/http://www.nesdb.go.th/Portals/0/eco_datas/account/gpp/GPP%201995-2000.zip |date=19 กรกฎาคม 2554 }}</ref> อัตราความยากจนทั่วประเทศลดลงจาก 21.3 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 11.3 เปอร์เซ็นต์
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่