กว่าจะได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู... ครูต่างชาติอาจเลือกออกนอกประเทศเพราะ ...

เมื่อเร็วๆนี้ คุรุสภาได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
เพื่อควบคุมและพัฒนาครูต่างชาติที่สอนในโรงเรียนมัธยมและประถม
โดยมีลำดับขั้น คือ 
1. Temporary Teaching Permit โรงเรียนจะต้องขออนุญาตจ้างครูต่างชาติ
ที่ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพ 
และต้องส่งรายงานวุฒิการศึกษา และคุณสมบัติต่างๆ ให้คุรุสภา 
โดยครูชาวต่างชาติอยู่ในสถานะนี้ได้ 6 ปี ปีที่ 7 หากไม่มีใบประกอบวิชาชีพ
ก็ไม่สามารถประกอบอาชีพครูในไทยได้ 

เว้นแต่ มีคุณสมบัติที่ดีมาก เช่น จบศึกษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 
มีประสพการณ์การสอนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย 

2. Teaching License ในช่วง 6 ปีแรก ที่สอนในไทย หากครูต่างชาติ
ต้องการได้รับใบประกอบวิชาชีพในไทย จะต้องเรียนออนไลน์ ตามหลักสูตรที่ครุสภากำหนด 
ซึ่งจะต้องเรียน สัมมนา สอบ จำนวน 7 modules รวมเวลา 800 กว่า ชม. ซึ่งจะต้องใช้เวลา
เรียนประมาณปีครึ่งหากเรียนติดต่อกัน --  ชมคลิป ทำการบ้าน สอบ สัมมนา

อีกทั้งจะต้องจ่ายค่าลงทะเบียน บทเรียนละ 3000 บาท
รวมงบประมาณที่ต้องเตรียม คือ สองหมื่นบาท

กลายเป็นว่า อาชีพครูเป็นเรื่องเครียด
ครูตรวจการบ้านแล้ว ต้องทำการบ้านเตรียมสอบของตนเองด้วย
ชาวต่างชาติหลายคนระบายว่า ครบ 6 ปี คงจะบินออกจากประเทศไทย

การอบรมเป็นเรื่องดี แต่จำนวน ชม ที่มากเกินไป รวมถึงเงินเดือนที่ต่ำ 
ต้องมีการต่ออายุ ยิ่งกว่า ทนายและแพทย์
ที่ได้ใบอนุญาตแล้วประกอบอาชีพได้ตลอดชีวิต หากไม่ทำผิดจรรยาบรรณ
คือ การบีบจากทุกมิติ ให้ครูคุณภาพอยากไปสอนประเทศอื่นที่ให้แรงจูงใจที่ดีกว่า
การที่ครูสอนเข้ากับยุคสมัยหรือไม่ ปกติ หัวหน้าหมวดวิชาก็ตรวจประเมินอยู่แล้ว 

ข้อควรพิจารณา
ประเทศไทยเรา ไม่ได้ให้เงินเดือนสูงที่จะดึงคนจบศึกษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยระดับโลก
มาสอนได้ ดังนั้น ครูต่างชาติในไทยทั่วๆ ไป คือ เข้ามาหาประสพการณ์ กึ่งๆท่องเที่ยวใช้ชีวิต 

จริงอยู่ คนที่เข้ามาหาประสพการณ์เหล่านี้  ควรได้รับการอบรม ด้านจรรยาบรรณ 
การออกข้อสอบ การวัดผล จิตวิทยาการสอน โดยสรุป ที่รวมแล้ว ไม่น่ายืดเยื้อขนาดเท่า เรียน ป โท

ส่วนครูที่ต้องอยู่ยาว จะด้วย 1. มีครอบครัวในไทย 2. ไม่อาจสอบเป็นครูได้ในประเทศตนเอง
3. ชอบประเทศไทย  
แน่นอนว่า คนกลุ่มนี้ เล็งเห็นความสำคัญของใบประกอบวิชาชีพ แต่กระทรวงกลับ
ไม่มีความขัดเจนด้านความก้าวหน้า-ความมั่นคง ในอาชีพของเขา กรณีเขาเป็นคนดี
และทำงานได้ดี 

การสร้างหลักสูตรที่โหดเกินไป / 800 ชม เรียน สะท้อนถึงวิธีการเรียนแบบรุ่นเก่า
ที่ต้องขยัน ใช้องค์ความรู้จากแหล่งเดียว และสร้างครูออกมาแบบพิมพ์เดียวกันหมด
ตกลง คือ เราได้ครูที่ขยัน อดทน แต่ขาดแรงกระตุ้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์
การยอมรับในความหลากหลาย การอยู่ร่วมกันแบบแตกต่างแต่ไม่แตกแยก

ยิ่งอาจารย์ชาวต่างชาติเน้นเข้ามาทำงานระยะสั้น
เพราะถูกกดดัน ด้วยมาตรฐานที่เหมือนต้องเรียนใหม่อีก 1 ปริญญา
แต่เงินเดือนไม่ได้เพิ่มให้ระดับแบบ ป โท จะไม่เป็นผลดีต่อโรงเรียน

เพราะโรงเรียนต้องหาครูใหม่อยู่เรื่อยๆ  
นำครูเข้าสู่กระบวนการทางวีซ่าและ work permit 
รวมถึงการแนะนำการสอนใหม่
ส่วนครูที่มีทักษะกลับเลือกที่จะออกนอกประเทศ
เพราะไม่ชัดเจนในทิศทางความก้าวหน้าในอาชีพ

และคน smart จะไม่ทน กับ การยกระดับตนเองโดยเน้นทำงานหนัก 
ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางเลือกของประเทศที่มีพัฒนาการทางเทคโนโลยี 
เพราะเขาขี้เกียจ เขาจึงสร้างเทคโนโลยี 
การศึกษาประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่เน้นวิธีคิดแบบลูกจ้าง 
1. ทำงาน-พัฒนาตนเอง ตามที่ผู้อื่นกำหนด
2. ชม ทำงานนาน ยิ่งมีเงินเพิ่ม 
แต่เน้นการสร้างผู้ประกอบการ และสร้างนวัตกร --ผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ ออกแบบวิธีใหม่
โดยวางเกณฑ์ไว้กว้างๆ ไม่คุมทุกกระเบียดนิ้ว จนขาดพื้นที่สร้างสรรค์

การอบรม มีด้านดี ทำให้ครูต่างชาติ เข้าสู่ระบบมาตรฐาน 
แต่การเรียกร้องให้เขาทุ่มเทชีวิตให้กับการอบรม จะนำไปสู่ปัญหาในแง่ลบ 

1. จะยิ่งขาดแคลนครูต่างชาติที่มีคุณภาพ 
เงินเดือนไม่เพิ่ม แต่เพิ่มภาระ     เงินเดือนครูที่โรงเรียนไทยจ้าง ไม่สูง
และการมีใบประกอบวิชาชีพ ไม่ได้การันตีความก้าวหน้าที่ชัดเจนจากกระทรวงฯ 
ดังนั้นการมีใบประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่แรงจูงใจ แต่เป็นใบอนุญาต ที่กว่าจะได้มา
ต้องเรียนหนักยิ่งกว่าใบขับขี่หลายเท่า 

อย่าลืมว่า อาชีพครูไม่ได้ซับซ้อนขนาดแพทย์ นักแพทย์ ทนาย 
ความรู้ทางเทคนิกการสอน การวัดผล การจัดระบบชีวิต จรรยาบรรณ
ควรอบรมให้จบได้ภายใน 3 เดือน สำหรับครูต่างชาติทุกคนที่เข้ามาสอนในไทย

การพัฒนาคุณภาพครูต่างชาติให้มีใบประกอบวิชาชีพ
ควรมีควบคู่กับการให้แรงจูงใจด้านการขึ้นเงินเดือนและการให้เส้นทางอาชีพที่ยั่งยืน 

การอบรมไม่ควรจะไม่สร้างภาระจนเกินไป เพราะชีวิตคนมีมากกว่ามิติการทำงาน
เวลาของครูต่างชาติ ควรหมดไปกับการพัฒนาผู้เรียน และการท่องเทียวพักผ่อน
หล่อหลอมกับชุมชนไทย ที่สำคัญคือ บินจากประเทศไทยด้วยความทรงจำที่ดี
เพื่อบอกต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องให้มาเที่ยวไทย

2. การบริหารจัดการ 
เปิดให้อบรม log in ได้แค่ทีละ 1000 คน ครูต่างชาติมี 4 หมื่นคน 
หากใครไม่ได้คิว ...  จะบริหารจัดการอย่างไร 
ต้องไม่ลืมว่า ชาวต่างชาติไม่ได้มองเกมส์ยาวอย่างที่คนไทยจะอยู่ในประเทศตนเอง
ไปตลอดชีวิต บางคนรอจังหวะเปลี่ยนประเทศ จึงไม่ตัดสินใจเรียนตั้งแต่ปีแรกๆ 
แต่จนปีที่เขาตัดสินใจเรียน ถึงตอนนั้น เขาไม่ได้คิว จนครบ 6 ปี 
 

การใช้คำ ที่ไม่จูงใจ
เมื่อได้ใบประกอบอาชีพครูแล้ว ในเว็ปไซต์คุรุสภา ใช้คำว่า renew เหมือนวีซ่า
ทั้งที่ควรใช้คำว่า Level 1-2-3 / upgrade เพราะเมื่อ teaching license หมดอายุ 
เขามาขอใหม่ มีการกำหนดให้เขาต้องส่งผลงานที่แสดงพัฒนาการ แสดงว่า
สถานะไม่เท่าเดิม ใบแรก เพิ่งเรียนจบ ใบที่ 2 ประสพการณ์สูงขึ้น จึงมีผลงาน
ดังนั้น เทียบกับวีซ่าไม่ได้ เพราะเมื่อเขาขอใบที่ 2 เขามีพัฒนาการมากกว่าครูชั้นต้น 
และความรู้พื้นฐานของเขาไม่สูญหาย  จึงไม่ต้องเรียนซ้ำ  

ลองคิดดูว่า ชาวต่างชาติ ที่ได้ใบแรก 
แต่ไม่พร้อม renew เมื่อครบ 5 ปี ใบแรกหมดอายุ ชีวิตเขาต้องถอยหลัง
ไปสู่จุดเดิม คือ เรียนออนไลน์ซ้ำอีก 800 กว่า ชม. ? เพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพใหม่ 

3.     การควบคุมที่น่าอึดอัด 
อบรมรายละเอียดยิบย่อยเกินไป จนจำกัดความคิดสร้างสรรค์ 
เนื้อหาที่เน้นความเป็นไทยหลายชั่วโมงอาจจำกัดความหลากหลายทางวัฒนธรรม  

การมีอาจารย์ต่างชาติ นักเรียนมีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรมอื่น
ต้องมั่นใจว่า ระบบไทย ไม่คุมชาวต่างชาติมากเกินไปด้วยขนบแบบเอเชีย
เช่น ออกข้อสอบโดยเน้นท่องจำ เน้นปริมาณ ชม เรียน แต่ไม่เน้นคุณภาพ
แต่ควรคุมเรื่องจรรยาบรรณ ความเหมาะสมด้านความประพฤติ วิธีการสอน การวัดผล ก็พอ 

4.     ภาระค่าใช้จ่าย
หากชาวต่างชาติต้องการใบประกอบวิชาชีพครู ก็ต้องเรียนหลักสูตรดังกล่าว เท่านั้น
โดยไม่ระบุหลักสูตรออนไลน์ของต่างประเทศที่ไปเรียนแทนได้ โดยเฉพาะที่ ชม เรียนน้อยกว่า
แต่มาตรฐานเท่ากัน

ครูต่างชาติ
ต้องจ่ายค่าเรียนออนไลน์แต่ละบทเรียนตามหลักสูตร และหากจะเทียบวุฒิ ก็ต้องจ่ายหลักพัน 
ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 21,000 หมื่นบาท / คน  

ไม่ปฏิเสธว่า ผู้ตรวจงาน ตรวจเอกสาร มีความสำคัญ เพื่อควบคุมคุณภาพครูต่างชาติ 
แต่มองจากกรอบงานที่ออกแบบไว้
จะสร้างรายได้พิเศษให้กับผู้ตรวจให้ผ่านใบประกอบวิชาชีพ จำนวนมาก
เช่น ออกแบบให้ temporary teaching permit และ teaching permit ต้องต่ออายุบ่อยครั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่ามี  7 โมดูล (Module)  1 โมดูลจะมี 96 คลิปวิดิโอ รวม 672 คลิป

มีแนวโน้มที่ ผู้ที่อยู่ใน งานสอน/สัมมนาออนไลน์ และ งานตรวจมาตรฐาน ดังกล่าว
จะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ครูต่างชาติต้องจ่าย 
ทั้งนี้ หากออกแบบให้อายุใบประกอบวิชาชีพยาวขึ้น เช่น 10 ปี หรือ ใช้ได้ตลอดชีวิต
หรือ ลด ชม. บทเรียน ชม. สัมมนา ให้น้อยลงแต่มีคุณภาพขึ้น ก็จะลดค่าธรรมเนียมได้
เพราะใช้คนน้อยลง

ชาวต่างชาติที่ตั้งใจมาหาประสพการณ์ในไทยผ่านการสอนหนังสือ ภายใน 6 ปีแรก 
เสียโอกาสที่จะได้อบรม ทั้งที่ นี่คือ คนกลุ่มใหญ่ที่ควรพัฒนามาตรฐาน ที่ควรได้อบรมฟรี 
หรือ ด้วยค่าธรรมเนียมไม่สูงเกินไป เช่นหลักร้อย และจำนวนชม ไม่มากจนเป็นภาระ
ชาวต่างชาติทุกคนที่คลุกคลีกับเด็กไทย ควรจะได้อบรม แล้วเรียนขั้นนี้ว่า Level 1
แปลว่า เขามีความรู้พื้นฐานที่จะสอนได้ แต่หากอยากมีความก้าวหน้า ก็อบรมระดับสูงขึ้นไป

แต่ที่กำหนด ณ ปัจจุบันคือ 
1. คนกลุ่มแรก ไม่มีการอบรม สอนในไทยได้ 6 ปี แปลว่า เด็กๆกำลังเสี่ยงกับคนกลุ่มนี้ 
2. คนกลุ่มสอง ต้องการใบประกอบอาชีพ แต่หลักสูตรหนักมาก เรียนเพิ่ม 800 กว่า ชม
ต้องจ่ายค่าเรียนอีกสองหมื่น แม้มีปริญญาตรี สาขาอื่นอยู่แล้ว
หรือ ไม่มีปริญญาแต่ มีประกาศนียบัตรการสอนจากต่างประเทศแล้ว
แถมยังต้อง renew อีก เทียบกับทนาย ไม่ถูกยึดใบประกอบอาชีพ ถ้าไม่ผิดจรรยาบรรณ
 
สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือ ทำหลักสูตรออนไลน์ ที่ไม่ยาวเกินไปให้เขาเรียนฟรี
หรือ เก็บค่าเล่าเรียนหลักร้อย ก็แก้ปัญหาเล็กๆนี้ ได้แล้ว 
คือ ได้ครูที่มีจริยธรรม ออกข้อสอบที่ได้มาตรฐาน เข้าใจจิตวิทยา-เทคนิกการสอน   
 
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ว่า ครู ควรผ่านการอบรม ให้มีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับอาชีพครู
แต่ไม่ควรยืดเยื้อ สร้างภาระที่หนักหน่วง ทำให้ครูไม่มีความสุข จนไม่สามารถสร้างความสุขให้ผู้เรียน

มาตรฐานควรตั้งขึ้นจากคนหลายรุ่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาครูร่วมสมัย
มีคนหลายรุ่นมาร่วมกันสร้างมาตรฐาน
และควรมีอาจารย์ชาวต่างชาติมาร่วมให้ข้อมูล เพื่อให้การปัญหาตรงจุด

ที่สำคัญคือ ทำอย่างไร ที่จะดึงชาวต่างชาติที่มาตรฐานดีมาเป็นครูไทย
ในเมื่อเงินเดือนที่โรงเรียนรัฐให้ได้ ไม่ถึง $100
เทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสิงคโปร์ เวียตนาม ที่ให้เงินเดือนครูสูงกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่