JJNY : ผลงาน 1 ปี พรรคประชาชน│“พริษฐ์”ไม่กังวลโดนแย่งซีน│“พริษฐ์”ยันเห็นตรงกันประชามติ│ชาวสเปนเดือดปาโคลนกษัตริย์-ราชินี

ผลงาน 1 ปี พรรคประชาชน เสนอกม. 84 ฉบับผ่าน 3 วาระแล้ว 5 ฉบับ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_797849/
 
 
“พริษฐ์” แถลงผลงาน 1 ปีพรรคประชาชน ฝ่ายค้านเชิงรุก เสนอกฎหมายเปลี่ยนประเทศเข้าสภาไปแล้ว 84 ฉบับ ผ่านความเห็นชอบ 3 วาระแล้ว 5 ฉบับ
 
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน แถลงความคืบหน้าในการผลักดันกฎหมายของพรรคประชาชน ว่า พรรคประชาชนต้องการให้กฎหมายมีการปรับปรุงอยู่เสมอ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นประโยชน์ของประชาชน
 
โดยผลงานของพรรคประชาชนตลอด 1 ปีกว่า พยายามวางบทบาทใหม่ของฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่จะผสมผสาน 2 บทบาท คือฝ่ายค้านเชิงรับ ที่ประชาชนคาดหวังในการตรวจสอบรัฐบาล ทั้งพรรคก้าวไกลรวมถึงพรรคประชาชนทำงานอย่างเต็มที่
 
ซึ่งเราพยายามใช้กลไกหลายอย่างทั้งการอภิปรายทั่วไปมาตรา 152 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาของครม.ในทุกๆเรื่อง , กลไกอภิปราย พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี ,กลไกกระทู้ถามสดทุกสัปดาห์ , กลไกกรรมาธิการ 3 วันทั้ง 35 คณะ พร้อมยืนยันบทบาทของฝ่ายค้านเชิงรุกจะเข้มข้นต่อไป
 
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า บทบาทฝ่ายค้านเชิงรับคือบทบาทที่จะนำทางรัฐบาลเน้นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม และเสนอแนะสิ่งที่รัฐบาลควรทำ ซึ่งในส่วนนี้คือการยื่นร่างแก้ไขกฎหมายที่เปรียบเสมือนกับการจะฉายภาพพิมพ์เขียวของประเทศไทยในรูปแบบของพรรคประชาชนเป็นอย่างไร
โดยการเสนอกฎหมายเปลี่ยนประเทศเพื่อ 3 วัตถุประสงค์ คือ

1. แก้ไขกฎหมายเพื่อประชาชน หากทำได้จริงก็เหมือนเป็นการทำ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งในการแก้ไขกฎหมายก็ต้องอาศัยเสียง สส.ในสภาที่จำเป็นจะต้องโน้มน้าวให้สส.ของฝั่งรัฐบาลเห็นตรงกับการแก้ไขกฎหมายของเรา

2. การกำหนดวาระของรัฐบาล ไม่ว่าการเสนอกฎหมายจะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายได้หรือไม่ แต่การเสนอกฎหมายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลต้องคุยและหาทางออก ให้เห็นว่าสิ่งที่เราเสนอมีความสำคัญ และประเด็นดังกล่าวสมควรได้รับการแก้ไขอย่างไร จนทำให้รัฐบาลยื่นกฎหมายมาประกบ
 
3. การทำงานเชิงความคิดต่อสังคม เพื่อทำให้ประชาชนทราบถึง ประโยชน์ได้ทำความเข้าใจว่าเรามีความมุ่งมั่นที่จะลงลึกในรายละเอียดที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ และหากสนับสนุนวาระที่เราเสนอนั้นจะทำให้ประชาชนไว้วางใจกับเรามากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
 
นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนได้เสนอร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว 84 ฉบับ มีร่างที่ผ่านวาระ 1 ไปแล้ว 25 ฉบับ ผ่านความเห็นชอบ 3 วาระแล้ว 5 ร่าง เช่น สมรสเท่าเทียม , กฎหมายไม่ตีเด็ก เป็นต้น ร่างกฎหมายที่ปัจจุบันอยู่ในชั้นกรรมาธิการ หรือผ่านวาระ 1 มาแล้ว เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด , พ.ร.บ.ขนส่งทางราง เป็นต้น ส่วนร่างกฎหมายที่สภาฯไม่รับหลักการ เช่น สุราก้าวหน้า , กระจายอำนาจขนส่ง เป็นต้น ส่วนสภายังไม่ได้ลงมติในวาระ1 มีจำนวน 59 ฉบับ



“พริษฐ์” ไม่กังวลโดนแย่งซีน ผ่านกม.ต้องรอรัฐบาลเห็นชอบ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_797853/

“พริษฐ์” ยันปิดสมัยประชุม สส.ปชน.เดินหน้าทำงานเต็มที่ หวังผลักดันกฏหมายต่อ ยอมรับเป็นฝ่ายค้าน การจะผ่านกฏหมายต้องให้รัฐบาลเห็นชอบด้วย ไม่กังวลโดนแย่งซีน
 
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า ในช่วงปิดสมัยประชุม พรรคประชาชนจะเดินหน้าจะผลักดันกฎหมาย และรณรงค์เดินสายทั่วประเทศ 7 ชุด ประกอบด้วย 2 เปิด
 
1. เปิดโอกาสแข่งขันทางการค้าโดยมีการยื่นร่างพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า 2.เปิดโปงการทุจริต พร้อมยกตัวอย่างร่างกฎหมายที่จะเสนอ ได้แก่ พ.ร.บ.ข้อมูลสาธารณะ และแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในเรื่องของสิทธิมนุษยชน , 2 ปลดล็อค กฎหมายที่จะเสนอปลดล็อคที่ดิน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ดิน , พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ,พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ , พ.ร.บ.สงวน-คุ้มครองสัตว์ และกฎหมายปลดล็อคการท่องเที่ยว ทั้ง พ.ร.บ.โรงแรม ,พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร , 2 ปฏิรูป ที่จะเสนอปฏิรูปกองทัพ ในกฎหมาย พ.ร.บ.ระเบียบราชการกลาโหม , พ.ร.บ.ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ,พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร,พ.ร.บ.ฉุกเฉิน , ร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเกณฑ์ทหาร , ร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับพ.ร.ป.ศาลทหาร , ปฏิรูปการศึกษา เสนอกฎหมายพ.ร.บ.การศึกษา , ร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเรียนฟรี 15 ปี และ1 ปกป้อง คือการเสนอกฎหมายปกป้องสิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.โลกรวน , พ.ร.บขยะพรบ PRTR เกี่ยวกับมลพิษ , พ.ร.บ.รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 
นายพริษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า การผลักดันกฎหมายของพรรคประชาชนถือเป็นกลไกสำคัญในการทำงานในสภาของพรรคในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกที่ไม่เพียงแค่ตรวจสอบรัฐบาลแต่จะเดินหน้าในการนำทาง และเสนอแนะรัฐบาลผ่านการเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย การรณรงค์เป็นไปในหลากหลายรูปแบบ
 
ซึ่งในพรรคก็มีสส.ที่ผลักดันในกฎหมายที่ตนเองสนใจ และจะเน้นการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้าง ว่า กฎหมายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร ส่วนการประเมินผลงานฝ่ายค้านในสภานั้น ตนมองว่าคนที่ให้คะแนนเราได้ดีที่สุดคือประชาชน
 
ทั้งนี้กฎหมายที่ผ่านสภาส่วนใหญ่ เป็นกฎหมายที่พรรครัฐบาลเห็นด้วย หากเป็นเช่นนั้นจะนับว่าเป็นผลงานของฝ่ายค้านหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า แน่นอนว่าพอเราเป็นฝ่ายค้าน เราเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง การที่จะโหวตเห็นชอบ ต้องมีเสียงของ สส.รัฐบาลโหวตเห็นชอบด้วย ตนไม่ได้มีความกังวลใจว่าจะเป็นภาพจำว่าเป็นผลงานของรัฐบาล เราต้องย้อนกลับมาว่า พรรคก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
 
ดังนั้น หากการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงสมัยที่พรรคประชาชนไม่เป็นรัฐบาล ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคประชาชนเป็นรัฐบาลก็สามารถพยายามผลักดันและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้
 
ส่วนการทำงานของฝ่ายค้านที่ยังไปไม่สุด ค้านรัฐบาลไม่จริงในประเด็นสำคัญ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เราในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านใช้กลไกสภาอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบรัฐบาลทุกเรื่องที่สังคมคาใจ



“พริษฐ์” ยัน เพื่อไทย-ปชน.เห็นตรงกันประชามติ 2 ครั้ง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_797856/

“พริษฐ์” ยัน เพื่อไทย-พรรคประชาชน เห็นตรงกันนานแล้ว ทำประชามติแก้ รธน.2 ครั้ง แปลกใจมีสูตร 3 ครั้งเกิดขึ้นได้อย่างไร เตรียมคุย 3 คีย์แมนก่อนเดินหน้า
 
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยตอบรับเรื่องการทำประชามติ 2 ครั้ง นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องจำนวนของการทำประชามติ พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย เห็นตรงกันมานานแล้ว ในเชิงความจำเป็นของกฎหมายว่า 2 ครั้งพอ เพียงแต่ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล พยายามจะใช้การยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ
 
เพื่อขยายความให้เกิดความชัดเจนขึ้น ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 หมายถึงจำนวนการทำประชามติทั้งหมดกี่ครั้ง ซึ่งเมื่อพอศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องดังกล่าวไปวินิจฉัย จึงทำให้ประธานสภา อาจวินิจฉัยหรือตีความเรื่องดังกล่าวต่างจากพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย จนไปมองว่า ต้องมีการทำประชามติ 3 ครั้ง ส่งผลให้ไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลที่ยื่นไปเมื่อต้นปี
 
ดังนั้น ตนมองว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชนสอดคล้องกันมาตลอด แต่มาถึงวันนี้ เราก็ต้องมาขบคิดกันว่าจะทำอย่างไร ให้แผนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่อาศัยการทำประชามติ 3 ครั้ง เกิดขึ้นได้จริง
 
นายพริษฐ์ มองว่า ยังมี 3 ล็อก หรือ 3 บุคคลสำคัญ ที่ต้องเข้าไปหารือ คือ 1.ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้บรรจุร่างดังกล่าวลงระเบียบวาระ 2.นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล เพื่อทำให้สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบ โดยไม่นำคำวินิจฉัย 4/2564 มาเป็นข้ออ้างในการลงมติไม่เห็นชอบ และ 3.ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ขยายความให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน และเดินตามแนวทางดังกล่าว
 
ทั้งนี้ ได้มีการส่งหนังสือ เพื่อขอเข้าพบกับ 3 บุคคลดังกล่าวแล้ว เนื่องจากวาระการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ทันกับการเลือกตั้งครั้งถัดไป ไม่เพียงแต่เป็นวาระที่ทั้งพรรครัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน เคยออกมาประกาศว่าเห็นตรงกัน แต่ยังเป็นนโยบายที่รัฐบาลได้สัญญาไว้กับประชาชนเช่นกัน เราก็อยากจะเห็นเป้าหมายดังกล่าวสำเร็จ
 
ส่วนการทำหนังสือที่ส่งไป มีการตอบรับมาแล้วหรือยัง หรือมีการชี้แจงอย่างไรบ้าง นายพริษฐ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ยังไม่มีการตอบรับกลับมา เนื่องจากเราส่งไปเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว แต่เมื่อติดตามการให้สัมภาษณ์ของบุคคลในพรรคเพื่อไทยเรื่องนี้ ก็ฟังดูเป็นนิมิตรหมายที่ดี ว่า ทางพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรครัฐบาล น่าจะพร้อมหารือ หาทางออกเรื่องนี้ร่วมกับเรา รอคำตอบจากทั้ง 3 ท่าน
 
ทั้งนี้เมื่อพูดถึงความมั่นใจในการทำประชามติ 2 ครั้ง ไม่ถูกหยิบยกไปอ้างในการร้องศาลภายหลัง นายพริษฐ์ กล่าวย้ำว่า การพบ 3 บุคคลข้างต้น จึงมีความสำคัญ หรือเป็นตัวแปรสำคัญมากในการที่เราจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่