[CR] ทริปอุดรธานี ฉบับเร่งด่วน 3 วัน 2 คืน [Backpack Trip]

ฮาโหลค่าทุกคน ยู้วฮูว อ้ายมา 4 คน ก็พบกับพวกเรากันในวันนี้ อยากให้ทุกคนลองทายกันว่าที่นี่คือที่ไหน

‘กรมหลวงประจักษ์สร้างเมือง ลือเลื่องแหล่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด ธรรมชาติเนรมิตทะเลบัวแดง แรงศรัทธาศรีสุทโธปทุมมาคำชะโนด’

ใช่แล้ว จังหวัดที่พวกเราไปคืออุดรธานีนั่นเองงงงงงงง tripnote002

ซึ่งก็ตามชื่ออ่ะเนาะเป็นทริปฉบับเร่งด่วนจี๋ ก็เลยเดินทางไปด้วยเครื่องบินราคาค่อนข้างสูงนิดนึง

Day 1เพี้ยนอรุณสวัสดิ์
เราก็จะเริ่มออกเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี โดยไปที่สนามบินดอนเมือง  ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ก็ถึงจังหวัดอุดรธานีแล้ว
และนี่คืออุดรธานี    ซึ่งก็คือตอนลงมาอากาศในอุดรธานีค่อนข้างร้อนจริงๆ 
และเราก็มาถึงอุดรธานีเวลาประมาณ 14.00 ต่อไปคือภารกิจสำคัญ นั่นคือออออออ

ภารกิจหาร้านอร่อยนั่นเองงงเพี้ยนส่อง

และร้านแรกที่เรามากินคือ "ร้านหมี่ขิต" สาขา 2 อยู่ในซอยตรงข้าม พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี 
ในร้านก็จะมีเมนูที่เป็นก๋วยเตี๋ยวต่างๆมากมาย เมนูเด็ดคือก๋วยเตี๋ยวแห้ง is so delicious จึ้งมาก ซอสเค้าแบบอร่อยมาก อยากให้ทุกคนไปลองกินดู อร่อยจริงๆ
ราคาแต่ละเมนู 79 - 139 บาท

และเราก็วาร์ปมาที่ "พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี" tripnote005

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเกี่ยวประวัติความเป็นมาที่ยาวนานของจังหวัดอุดรธานี มีตั้งแต่ประวัติการตั้งเมือง สถาปัตยกรรมที่ถูกพัฒนา ความเชื่อ หรือแม้กระทั่งการดำเนินวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยก่อนๆ มีทั้งภาพและเสียง เป็นที่ที่จะต้องมา หากคุณต้องการความเข้าใจเกี่ยวกับอุดรธานีแห่งนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับเราทำให้รู้หลายสิ่งหลายๆอย่าง มากยิ่งขึ้น จึงขอบุ๊คมาร์คไว้ให้ทุกคนว่านี่แหละควรมา 

ไปกันต่ออออออ

และแล้วก็มาถึงภารกิจตามหาร้านอร่อย 
จะเป็นร้านไหนไปไม่ได้ นอกจาก " VT แหนมเนือง "
ทุกคนก็คงจะพอนึกภาพออก ว่าในอุดรธานีจะมีร้านขายแหนมเนืองเยอะมาก ขอฝากของอุดรก็จะมีแหนมเนือง 
เรามาถึงถิ่นแล้วก็ต้องกินแหนมเนืองให้ได้ tripnote008

อยากจะบอกว่านี่แหละๆ ต้นตำหรับแหนมเนืองอุดรธานี ดังนั้นทุกคนควรลองไปกิน จริงนะๆ TT ราคาก็หารกันจะถูกลง

และแล้วก็มาถึงช่วงกลางคืน Night life is ready! เพี้ยนชอบ

เราก็พาทุกคนไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอุดรธานี ณ "ศาลหลักเมืองอุดรธานี"
มีประวัติความเป็นมาอยู่คู่จิตใจชาวอุดรธานีมาเนิ่นนาน มีให้ทำบุญ และมีดอกไม้ธูปเทียนให้ไหว้ ซึ่งจะมีการไหว้ 3 จุด จุดแรกก็จะไหว้พระโพธิ์ทอง จุดที่สองไหว้ศาลหลักเมือง จุดที่สามไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อตัวเอง และทริปนี้ให้แคล้วคลาดปลอดภัยอีกด้วย
ต่อมาเดินมาไม่ไกลก็เจอ "ถนนคนเดินจังหวัดอุดรธานี (Udonthani walking street)"
ก็โชคดีมากๆที่พวกเราไปกันวันศุกร์ มีการจัดถนนคนเดินพอดี เป็นตลาดที่ยาวมาก มีของทุกชนิดขาย ทั้งของกิน ของเล่น กิ๊ฟช็อป เสื้อผ้า และคนอุดรเองก็มาเดินจับจ่ายใช้สอยเยอะมาก เป็นที่ที่กลมกลืนกับวิถีชีวิตผู้คนมากๆจริงๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

DAY 2 เพี้ยนสวัสดี

เริ่มต้นกันที่อาหารเช้า "ร้านอาหารเกาเหลา ลุงหมวกแดง อุดรธานี"
จะเป็นเมนูอาหารเช้า ไข่กระทะ โจ๊กต่างๆมากมาย ทำให้เอเนอร์จี้เราพร้อมฮึด!
ราคาอยู่ที่ประมาณ 40 - 70 บาท

แต่นแต้น และนี่คือ "พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง"
พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากแห่งนึงของประเทศไทย ที่บ่งบ่อกถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ภายในตัวพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงมากมายทั้งในตัวของลูกปัด เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร และมีการค้นพบไหบ้านเชียงที่ใช้กับศพมนุษย์ในยุคอดีตกาล ไม่เพียงแต่จะมีเพียงเท่านี้ แต่ยังมีการแสดงถึวิถีชีวิต หลักฐานโครงกระดูกของมนุษย์ในสมัยก่อน และรวมไปถึงขั้นตอนการขุดค้นหลักฐานทางโบราณคดีต่างๆของบ้านเชียง
ซึ่งทางพวกเราประทับใจมาก การได้เห็นถึงวิถีชีวิต หลักฐานทางโบราณคดีที่หาดูได้ยาก ให้ 10 ดาวเลยแหละสำหรับที่นี่

วาร์ปมากันที่ "ศูนย์เรียนรู้กลุ่มปั้นหม้อเขียนสี"
หลังจากที่เราออกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงแล้ว เราก็ได้เดินทางไปที่ “ศูนย์เรียนรู้กลุ่มปั้นหม้อเขียนสี” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์มาก
พอมาถึงก็ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะสมาชิกของกลุ่มเราอยากจะฝึกปั้นหม้อกันอยู่แล้ว ด้านในศูนย์การเรียนรู้แบ่งออกเป็นสองส่วนคือที่พักอาศัยกับส่วนที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา Workshop แล้วบริเวณนั้นมีภาชนะดินเผาเยอะมากๆ เยอะขนาดที่ว่าถ้าไม่อ่านป้ายก็คงจะรู้อยู่ดีว่าที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้อะไร
พวกเราเข้ามาสักพักก็มีคุณชาตรี หรือ นายชาตรี ตะโจประรัง ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปั้นหม้อเขียนสี มาต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี และแนะนำว่าที่นี่สอนอะไรบ้าง ซึ่งก็จะมีในส่วนของการปั้นภาชนะดินเผา การเขียนลวดลายลงบนภาชนะดินเผา และการร้อยลูกปัด ทุกอย่างนี้จะเสียค่าอุปกรณ์รวม 100 บาท
พอให้ความรู้เสร็จ คุณชาตรีก็ได้แนะนำอุปกรณ์ในการปั้น จะมี เตาหมุน ฟองน้ำ ถังใส่น้ำ เส้นเอ็นหรือลวด และดินเหนียว และได้ลงมือปั้นให้เราดูอย่างประณีต และภาชนะที่ปั้นออกมาก็สวยมากๆ เป็นรูปร่างหม้อที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียง

ดูตัวอย่างแล้วทีนี้ก็ได้เวลานำความรู้และเทคนิคที่คุณชาตรีสอนมาใช้ พวกเราเลือกเตาหมุนและไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่คนละตัว แบ่งดินเป็นส่วนๆและเริ่มปั้นกันอย่างทุกลักทุเล การปั้นจริงค่อนข้างยากเพราะเราต้องใช้แรงในการทำให้ดินเป็นรูปร่าง ที่สำคัญคือดินต้องอยู่ตรงกลางนี่แหละยากที่สุด ที่พวกเราปั้นกันก็จะเป็นหม้อที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียง มีเบี้ยวบ้าง ดีบ้าง แต่ก็โดยรวมคือสนุกมาก  

เราสามารถนำภาชนะที่เราปั้นนี้กลับบ้านได้ เขียนชื่อที่อยู่ไว้แล้วทางศูนย์จะนำไปเผาและส่งไปรษณีย์
พอปั้นเสร็จคุณชาตรีก็พามาดูการเขียนสีลงบนภาชนะ พวกเราก็ได้เลือกภาชนะที่แตกต่างกันไป สีที่ใช้ก็จะเป็นสีที่ได้มาจากดินผสมน้ำ เป็นสีออกน้ำตาลแดงซึ่งใช้กันมาตั้งแต่โบราณ ด้วยความที่ตัวสีทำมาจากดินทำให้ตกตะกอน เราจึงต้องคนสีก่อนที่จะระบายเพื่อให้เนื้อสีมีความแน่น ลวดลายที่เป็นที่สะดุดตาและเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงก็จะเป็นลายขดเชือกหรือลายก้นหอย
รู้อย่างนั้นแล้วพวกเราจึงเลือกเขียนลายก้นหอยลงบนภาชนะเช่นกัน คุณชาตรีก็ได้มาเขียนกับพวกเราด้วย ท่านมือนิ่งมาก และเขียนออกมาได้อย่างสวยงามเลย เขียนลวดลายเสร็จก็มาถ่ายรูปโชว์กันหน่อย



ก่อนกลับก็ได้ไปซื้อของฝากมาให้กับเพื่อนๆในคลาสสักหน่อย นั่นก็คือหม้อที่มีลวดลายเอกษณ์สวยงามขนาดปานกลางราคา 50 บาท เพื่อนๆน่าจะชอบ เพราะขนาดพวกเราก็ยังอยากได้และแน่นอนไม่ลืมที่จะขอบคุณคุณชาตรี และคณะผู้ช่วยที่ได้มาสอนและให้ความรู้ ศูนย์การเรียนรู้นี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่พวกเราค่อนข้างชอบและประทับใจมากที่สุดเลย

และแล้วเราก็เดินทางมาถึง "คำชะโนด" 
มาจังหวัดอุดรธานีทั้งที สถานที่ท่องเที่ยวและศักดิ์สิทธิ์ที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือป่าคำชะโนดนั่นเอง เมื่อพวกเรามาถึงด้านในก็สังเกตุเห็นว่ามีของขายมากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือหรือสิ่งของต่างๆ  ก่อนจะเข้าไปด้านใน พวกเราก็ทำการถอดรองเท้าและไปซื้อพวงมาลัยและดอกไม้ให้เรียบร้อย 
ด้วยความที่เป็นช่วงเวลาบ่าย ทำให้พื้นค่อนข้างร้อนมาพวกเราเลยต้องรีบเดินเข้าไป บรรยากาศโดยรอบร่มรื่น กำแพงสองฝั่งทางมีรูปปั้นลำตัวของพญานาคสีเขียวสวยงาม เมื่อเดินเข้ามาถึง สถานที่แรกที่จะเห็นเลยก็คือ ศาลพ่อปู่ศรีสุทโทและแม่ย่าศรีประทุมมา ท่านเป็นพญานาคราช ณ เมืองบาดาล 


ตามความเชื่อของทุกคนที่นี่ บรรยากาศและการวางตัวของทุกคนทำให้สถานที่แห่งนี้ยิ่งดูมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก 
หลังจากกราบไหว้บูชาและขอพรกับพ่อปู่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ได้เดินต่อเพื่อชมรอบๆเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าคำชะโนะแห่งนี้ ที่นี่มีความร่มรื่นและไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนด้านหน้าทางเข้า ทำให้พวกเราเดินชมกันอย่างช้าๆเพื่อซึมซับบรรยากาศรอบๆ
สัตว์ที่พบเจอได้เป็นส่วนใหญ่ที่นี่ก็จะเป็นกระรอก ที่พวกเราได้เดินผ่านมาก็มีหลายตัวมาก จากความเชื่อเดิมของมหาลัยเราที่ว่าถ้าเห็นกระรอกจะได้เกรด A ก็ทำเอาพวกเรายิ้มหวานไปตามๆกัน

เดินมาพักหนึ่งก็ถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ภายในน้ำค่อนข้างน้อย พวกเราก็ได้พากันไปตั้งเหรียญกัน นักท่องเที่ยวบางท่านก็ตั้งเหรียญบางท่านก็ตั้งธนบัตร ทุกคนสนุกเฮฮามากที่ป่าคำชะโนดนี้ถึงแม้คนจะเยอะ แต่ก็ไม่มีความวุ่นวาย แถมยังทำให้พวกเรารู้สึกจิตใจสงบเป็นอย่างมาก
หลังจากกลับจากคำชะโนด เราก็ได้มานอนพักผ่อนที่ที่พัก เพื่อรอทานอาหารเย็น เราบางคนก็หลับด้วยความเพลีย

กลับมาที่ตามหาร้านอาหารอร่อยมิชชั่นอิสคอมพลีท
"ยอด ก๋วยเตี๋ยวดาวเทียม"
สักพักนึงพวกเราก็ออกไปทานอาหารเย็นกันที่ร้าน ยอด ก๋วยเตี๋ยวดาวเทียม เป็นอีกร้านที่รู้สึกว่ามีความเป็นกันเองกับลูกค้ามาก ร้านนี้มีทั้งพิเศษและแบบซุปเปอร์ พวกเราก็ได้สั่งแบบธรรมดามา มีทั้งแบบเส้นเล็กแห้งต้มยำ แห้งธรรมดา เส้นหมี่น้ำตก บะหมี่น้ำตก รสชาติดีและให้ค่อนข้างเยอะ ส่วนน้ำก็ได้สั่งน้ำเสาวรสและเก๊กฮวยรสชาติดีทั้งคู่ 
ราคาตกคนละประมาณ 50 บาท  
บริเวณที่เรานั่งมียุงเยอะ ก็เลยทำให้ต้องคอยขยับขาบ่อย และร้านตั้งอยู่ริมถนนเลยทำให้อาจจะมีเสียงรบกวนจากรถเล็กน้อย
โดยรวมคือค่อนข้างดีเพราะก๋วยเตี๋ยวที่นี่อร่อย และทางร้านก็บริการดี
ปังป๋านมสด สาขาสี่แยกทิเบต

จบของคาวก็ต้องต่อด้วยของหวาน พวกเรามาทาน "ขนมที่ร้านปังป๋านมสด สาขาสี่แยกที่เบต" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านก๋วยเตี๋ยวมาก ภายในร้านตกแต่งสวยงาม เป็นไงวอร์มไลท์ ทำให้รู้สึกอบอุ่น ดูแล้วสบายตา
เมนูที่สั่งไปก็จะเป็น กล้วยช็อคปั่น กล้วนมสดปั่น แคนตาลูปนมสดร้อน โอริโอนมสดปั่น และขนมปังปิ้งกล้วยช็อคและสตรอว์เบอร์รี่ เมนูน้ำมีความอร่อย รสชาติไม่หวานมาก ทานกับขนมปังปิ้งแล้วเข้ากันมาก โดนเฉพาะขนมปังปิ้มกล้วยช็อค ส่วนสตรอว์เบอร์รี่จะออกเปรี้ยวและให้ความสดชื่น อร่อยไม่แพ้กัน ราคาน้ำตกคนละ 35 บาท ขนมปังปิ้ง 30 บาท ถ้าได้มาอุดร ร้านนี้ก็จะเป็นหนึ่งในร้านที่จะมาแน่นอน
พอทานเสร็จจึงตรงกลับที่พักทันที

มีต่อ Part  2
ปล.ฝากทุกคนไปดูคลิปคั่นเวลาก็ Part 2 จะมานะ 55555+
Vlog อุดรธานี ฉบับอ้ายมา 4 คน
คลิกๆ
ชื่อสินค้า:   อุดรธานี
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่