Look Back (2024) - จดหมายรักถึงความพยายามของ "นักวาดฝัน"

Look Back: ลุค แบ็ค


กำกับโดย Kiyotaka Oshiyama
เรื่องราวโดย Tatsuki Fujimoto

ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงได้ดูแอนิเมชันดี ๆ เยอะมาก😂... ล่าสุดได้ไปดูเรื่อง Look Back (2024) หนังดีอีกแล้ว เป็นแอนิเมชั่นสั้น ๆ ที่อุดมไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจและองค์ประกอบภาพยนตร์ที่สวยงาม

เรื่องย่อ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Look Back - Official Trailer

Look Back (2024) ถูกดัดแปลงมาจากมังงะเรื่องสั้นในชื่อเดียวกันของ "ทัตสึกิ ฟูจิโมโตะ" เจ้าของมังงะโด่งดังอย่าง Chainsaw Man 

เรื่องราวเล่าถึง "ฟูจิโนะ" เด็กสาววัยประถมผู้มีความฝันอยากเป็นนักเขียนมังงะ (การ์ตูนญี่ปุ่น) โดยเธอครองตำแหน่งเป็นนักวาดการ์ตูนสี่ช่องประจำหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน 

อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจของเธอเริ่มสั่นคลอน เมื่อพบกับคู่แข่งที่เหนือกว่าอย่าง "เคียวโมโตะ" ที่เข้ามาวาดการ์ตูนสี่ช่องด้วยเช่นกัน

ความรู้สึกหลังชม

- ส่วนแรกที่อยากยกนิ้วให้เลย คือ "การเล่าเรื่องด้วยภาพ"

รู้สึกประทับใจกับ "วิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพ" หนังเล่าเรื่องด้วยงานภาพที่มีองค์ประกอบสวยงาม หลายฉากที่หนังไม่ได้มีบทสนทนามากมาย แต่ใช้ภาพและดนตรีประกอบสื่ออารมณ์ความหมายของเรื่องราวได้ค่อนข้างลึกซึ้ง ตรงนี้ทำได้เยี่ยม


- ส่วนถัดมา เรื่องราวที่อุทิศแก่ "นักวาดฝัน"

เนื้อเรื่องหลักเกี่ยวข้องกับ "ความฝันของอยากเป็นนักเขียนมังงะ" ของตัวละครหลัก นั่นสะท้อนถึงสตอรี่ที่ อ.ฟูจิโมโตะ เขียนเพื่ออุทิศแด่เหล่าผู้มีฝันอยากเป็นนักเขียนมังงะ

ตัวหนังสร้างมาจากผู้ที่เข้าใจในความยากลำบากของคนทำอาชีพนี้ โดยเล่าเรื่องของความฝันในวัยเยาว์ มิตรภาพ การสู้เพื่อฝัน มาจนถึงชีวิตของการเป็นผู้ใหญ่ที่ขมขื่น 

หนังมีบทสรุปที่เป็นปลายเปิดอย่างการตั้งคำถามถึงชีวิต เช่น "ความยากลำบากและเหนื่อยล้าในวันนี้" หรือ "หากวันนั้นเราตัดสินใจอีกอย่าง เส้นทางชีวิตเราจะเปลี่ยนไปเช่นไร"

รวมถึงแสดงภาพการเหลียวหลังย้อนกลับไปมองตนเองในอดีตว่า  "ความสุขความทรงจำในวันนั้น งดงามมากแค่ไหน" เปรียบเทียบกับเราในวันนี้ที่ต้องเดินหน้าชีวิตต่อไป


- ชอบการใช้ภาพในหลาย ๆ ซีน 

ซีนที่ชอบที่สุด ขอยกให้ "ฉากฟูจิโนะวิ่งกระโดดบนทุ่งหญ้าท่ามกลางฝนที่โปรยปราย"

รู้สึกว่าแม้หนังไม่มีคำพูดอะไร แต่เป็นซีนที่ไทม์มมิ่ง จังหวะภาพ ดนตรีประกอบ สื่อความรู้สึกได้มีความหมายยิ่งกว่าใช้คำพูด

บรรยากาศทุกอย่างทำได้อย่างลงตัวหมดจด สะท้อน "ความเป็นภาพยนตร์ " (Cinematic) ออกมาได้เยี่ยม

- หนังมีเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวจากมุมมองของอ.ฟูจิโมโตะ

ด้วยระยะเวลา 60 นาที ประเด็นต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาใช้ได้เลย แต่ถ้าขยายเรื่องเป็นสัก 90 นาที หรือ 120 นาที หนังจะพอดีกว่านี้ ความสับสนและความห้วนน้อยลง

สรุป

เป็นแอนิเมชัน 60 นาทีที่มีคอนเซปต์แข็งแรงเกรดภาพยนตร์ ตัวแอนิเมชันทำได้ไม่เลว จัดว่าไม่ควรพลาดรับชม

รอบหนังยังมีอยู่บ้างที่ House Samyan 

ส่วนใครที่สนใจช่องทางสตรีมมิ่ง ได้ข่าวว่าจะเข้าฉายผ่านทาง Prime Video ในวันที่ 8 พฤศจิกายน นี้ ใครสนใจแนะนำเลย

____________________________________

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ

       
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่