บ้านสีสดบนเนินหญ้าเขียว ทางเดินคดโค้งโรยกรวดก้อนใหญ่สีขาว ทอดไปยังประตูหน้าบ้านที่ถูกบดบังด้วยซุ้มไม้เลื้อยดอกขาว ส่งกลิ่นหอมอบอวล
มองผ่านหน้าต่างกระจกใสเข้าไป หญิงสาวผมดัดหยิกเป็นลอนสีสันสดใส ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง สีที่เธอหยิบยืมมาจากสายรุ้งบนท้องฟ้ายามฝนซาเม็ด นั่งอยู่หน้าเฟรมผ้าใบผืนใหญ่ กำลังแต่งแต้มสีลงไปด้วยพู่กันขนนุ่ม สีที่ใช้ช่างหม่นมัว ผิดกับสีของเรือนผมและบ้านของเธอยิ่งนัก
กวาดสายตาไปรอบๆ ยังคงเห็นเฟรมผ้าใบอีกหลายชิ้น วางอยู่รายรอบถูกแต่งแต้มสีลงไปจนเต็ม แต่โทนสีล้วนหม่นมัว แสดงถึงการถ่ายทอดอารมณ์หม่นเศร้าลงไป
หยดน้ำใสๆ ไหลรินจากดวงตาของจิตรกรสาว ผ่านร่องแก้มและริมฝีปากที่เม้มสนิท หยดลงบนกระโปรงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อน กระจายตัวเป็นวงตามการซึมซับของเส้นใยผ้า
หญิงสาวใช้มือปาดหยาดน้ำตาออกจากใบหน้า ทำให้เกิดเสียงเกรียวกราวของกำไลข้อมือมากมายที่เธอสวมใส่ ยันกายลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อคลุมลายดอกไม้สีครีมที่ถูกโยนไว้บนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ ขึ้นมาสวม เดินตรงไปเปิดประตูหน้าบ้าน ทันทีที่ก้าวออกมาสัมผัสไอเย็นชื้นของอากาศภายนอกที่ฝนเพิ่งจะซาเม็ดไปได้ไม่นาน
หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมเพิ่มความอบอุ่น เงยหน้ามองท้องฟ้าใสปราศจากมวลเมฆ เนื่องจากพายุฝนเพิ่งผ่านพ้นไป แต่ดวงหน้าของเธอหม่นเศร้า ผิดกับอากาศสดชื่นรอบกาย เสียงนกร้องเพลง ดังมาจากซุ้มไม้เลี้อย ยังไม่มากพอที่จะสร้างอารมณ์แจ่มใสให้เธอได้
สิ่งใดหนอทำเธอเศร้าหนักหนา ไม่อาจรู้ได้
...จิตรกรสาวกับความเศร้า...
หญิงสาวเดินก้มหน้าไปตามทางเดินโรยกรวดอย่างเงียบๆ ไม่สนใจหยดน้ำจากพื้นที่กระเด็นขึ้นมาเกาะบนรองเท้ายามเธอก้าวย่าง เธอเดินไปตามทางเดินที่คุ้นเคย ถนนสายนี้ใช้สัญจรมาเนิ่นนาน เป็นหนทางพาเธอไปสู่โลกภายนอก โลกที่ไม่ได้มีเพียงแค่เธอ สีน้ำและเฟรมผ้าใบ
โลกที่ยังมีผู้คนมากมายเดินสวนกันขวักไขว่ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์หลากรูปทรงและสีสันยังวิ่งวนอยู่บนพื้นถนน
จิตรกรสาวก้าวเท้าออกจากทางเดินโรยกรวด ขึ้นเหยียบฟุตบาทสีเทาที่ยังคงชื้นแฉะ ด้านข้างคือร้านรวงมากมายเปิดประตูรอ พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกเพศทุกวัยที่ผ่านเข้ามา
แต่รอก่อน จุดหมายของเธอในวันนี้คือ ร้านเครื่องเขียนของคุณยาย ร้านประจำที่จิตรกรสาวรู้สึกเหมือนบ้านของตน ยามผลักประตูกระจก เสียงกระดิ่ง กรุ๋งกริ๋ง สัญญาณบอกถึงการเข้ามาของลูกค้าดังขึ้น
คุณยายหน้าเคาน์เตอร์คิดเงินเงยหน้าขึ้นมอง สายตาสบกัน คุณยายส่งยิ้มทักทาย แล้วก้มหน้าลงง่วนกันงานตรงหน้าต่อไป โดยไม่รอการตอบกลับของหญิงสาว การกระทำเช่นนี้ถูกใจเธอยิ่งนัก ในยามนี้เธอไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับใคร
จิตรกรสาวเดินตรงไปยังมุมที่คุ้นชิน สีน้ำและเฟรมผ้าใบ ขณะกำลังจะเอื้อมหยิบสินค้าตามตั้งใจ สายตาพลันเหลือบเห็นปากกาขนนกสีขาวด้ามหนึ่ง วางอย่างโดดเดี่ยวและแปลกแยก แต่กลับมีแรงดึงดูดให้เธอเอื้อมมือหยิบขึ้นมา
ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน คุณยายหยิบของทั้งหมดใส่ถุงส่งให้หญิงสาว เว้นไว้เพียงปากกาขนนก คุณยายหยิบขึ้นมา เอื้อมมืออันสั่นเทาเสียบปากกาไว้ตรงกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของจิตรกรสาว
"เก็บไว้ใกล้ๆ หัวใจ ส่งยิ้มกว้างๆ แล้วความสุขจะเกิดขึ้นเอง เก็บรักษาไว้ให้ดี ปากกาด้ามนี้ไม่ได้หาได้ง่ายนะจ๊ะ"
คุณยายพูดพร้อมสบตาส่งกำลังใจมาให้
จิตรกรสาวได้แต่ฝืนยิ้มตอบกลับไป มือหนึ่งยังกุมปากกาขนนกตรงกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายเอาไว้ ตลอดทางเดินกลับบ้าน
ยามนี้...หากมองลอดหน้าต่างกระจกของบ้านสีสดบนเนินหญ้าเขียวเข้าไป จะเห็นจิตรกรสาวผมดัดหยิกสีสายรุ้ง นั่งอยู่หน้าเฟรมผ้าใบ กำลังแต่งแต้มสีด้วยพู่กันขนนุ่ม สีที่ใช้ช่างสว่างสดใส ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มกว้าง มือซ้ายกุมกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายที่มีปากกาขนนกขาวสะอาดเสียบอยู่
รอบๆ กายล้วนเป็นเฟรมผ้าใบที่แต่งแต้มสีสันสดใส บ่งบอกถึงการถ่ายทอดอารมณ์แสนสุข...
เรื่องสั้นวันละเรื่อง : ปากกาขนนก
มองผ่านหน้าต่างกระจกใสเข้าไป หญิงสาวผมดัดหยิกเป็นลอนสีสันสดใส ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง สีที่เธอหยิบยืมมาจากสายรุ้งบนท้องฟ้ายามฝนซาเม็ด นั่งอยู่หน้าเฟรมผ้าใบผืนใหญ่ กำลังแต่งแต้มสีลงไปด้วยพู่กันขนนุ่ม สีที่ใช้ช่างหม่นมัว ผิดกับสีของเรือนผมและบ้านของเธอยิ่งนัก
กวาดสายตาไปรอบๆ ยังคงเห็นเฟรมผ้าใบอีกหลายชิ้น วางอยู่รายรอบถูกแต่งแต้มสีลงไปจนเต็ม แต่โทนสีล้วนหม่นมัว แสดงถึงการถ่ายทอดอารมณ์หม่นเศร้าลงไป
หยดน้ำใสๆ ไหลรินจากดวงตาของจิตรกรสาว ผ่านร่องแก้มและริมฝีปากที่เม้มสนิท หยดลงบนกระโปรงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อน กระจายตัวเป็นวงตามการซึมซับของเส้นใยผ้า
หญิงสาวใช้มือปาดหยาดน้ำตาออกจากใบหน้า ทำให้เกิดเสียงเกรียวกราวของกำไลข้อมือมากมายที่เธอสวมใส่ ยันกายลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อคลุมลายดอกไม้สีครีมที่ถูกโยนไว้บนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ ขึ้นมาสวม เดินตรงไปเปิดประตูหน้าบ้าน ทันทีที่ก้าวออกมาสัมผัสไอเย็นชื้นของอากาศภายนอกที่ฝนเพิ่งจะซาเม็ดไปได้ไม่นาน
หญิงสาวกระชับเสื้อคลุมเพิ่มความอบอุ่น เงยหน้ามองท้องฟ้าใสปราศจากมวลเมฆ เนื่องจากพายุฝนเพิ่งผ่านพ้นไป แต่ดวงหน้าของเธอหม่นเศร้า ผิดกับอากาศสดชื่นรอบกาย เสียงนกร้องเพลง ดังมาจากซุ้มไม้เลี้อย ยังไม่มากพอที่จะสร้างอารมณ์แจ่มใสให้เธอได้
สิ่งใดหนอทำเธอเศร้าหนักหนา ไม่อาจรู้ได้
...จิตรกรสาวกับความเศร้า...
หญิงสาวเดินก้มหน้าไปตามทางเดินโรยกรวดอย่างเงียบๆ ไม่สนใจหยดน้ำจากพื้นที่กระเด็นขึ้นมาเกาะบนรองเท้ายามเธอก้าวย่าง เธอเดินไปตามทางเดินที่คุ้นเคย ถนนสายนี้ใช้สัญจรมาเนิ่นนาน เป็นหนทางพาเธอไปสู่โลกภายนอก โลกที่ไม่ได้มีเพียงแค่เธอ สีน้ำและเฟรมผ้าใบ
โลกที่ยังมีผู้คนมากมายเดินสวนกันขวักไขว่ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์หลากรูปทรงและสีสันยังวิ่งวนอยู่บนพื้นถนน
จิตรกรสาวก้าวเท้าออกจากทางเดินโรยกรวด ขึ้นเหยียบฟุตบาทสีเทาที่ยังคงชื้นแฉะ ด้านข้างคือร้านรวงมากมายเปิดประตูรอ พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกเพศทุกวัยที่ผ่านเข้ามา
แต่รอก่อน จุดหมายของเธอในวันนี้คือ ร้านเครื่องเขียนของคุณยาย ร้านประจำที่จิตรกรสาวรู้สึกเหมือนบ้านของตน ยามผลักประตูกระจก เสียงกระดิ่ง กรุ๋งกริ๋ง สัญญาณบอกถึงการเข้ามาของลูกค้าดังขึ้น
คุณยายหน้าเคาน์เตอร์คิดเงินเงยหน้าขึ้นมอง สายตาสบกัน คุณยายส่งยิ้มทักทาย แล้วก้มหน้าลงง่วนกันงานตรงหน้าต่อไป โดยไม่รอการตอบกลับของหญิงสาว การกระทำเช่นนี้ถูกใจเธอยิ่งนัก ในยามนี้เธอไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับใคร
จิตรกรสาวเดินตรงไปยังมุมที่คุ้นชิน สีน้ำและเฟรมผ้าใบ ขณะกำลังจะเอื้อมหยิบสินค้าตามตั้งใจ สายตาพลันเหลือบเห็นปากกาขนนกสีขาวด้ามหนึ่ง วางอย่างโดดเดี่ยวและแปลกแยก แต่กลับมีแรงดึงดูดให้เธอเอื้อมมือหยิบขึ้นมา
ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน คุณยายหยิบของทั้งหมดใส่ถุงส่งให้หญิงสาว เว้นไว้เพียงปากกาขนนก คุณยายหยิบขึ้นมา เอื้อมมืออันสั่นเทาเสียบปากกาไว้ตรงกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของจิตรกรสาว
"เก็บไว้ใกล้ๆ หัวใจ ส่งยิ้มกว้างๆ แล้วความสุขจะเกิดขึ้นเอง เก็บรักษาไว้ให้ดี ปากกาด้ามนี้ไม่ได้หาได้ง่ายนะจ๊ะ"
คุณยายพูดพร้อมสบตาส่งกำลังใจมาให้
จิตรกรสาวได้แต่ฝืนยิ้มตอบกลับไป มือหนึ่งยังกุมปากกาขนนกตรงกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายเอาไว้ ตลอดทางเดินกลับบ้าน
ยามนี้...หากมองลอดหน้าต่างกระจกของบ้านสีสดบนเนินหญ้าเขียวเข้าไป จะเห็นจิตรกรสาวผมดัดหยิกสีสายรุ้ง นั่งอยู่หน้าเฟรมผ้าใบ กำลังแต่งแต้มสีด้วยพู่กันขนนุ่ม สีที่ใช้ช่างสว่างสดใส ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มกว้าง มือซ้ายกุมกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายที่มีปากกาขนนกขาวสะอาดเสียบอยู่
รอบๆ กายล้วนเป็นเฟรมผ้าใบที่แต่งแต้มสีสันสดใส บ่งบอกถึงการถ่ายทอดอารมณ์แสนสุข...