พี่ๆทุกคนคะ เราอยากรู้ว่าเราควรเเก้ไขตรงไหน
ตั้งเเต่เด็กช่วงประมาณตอนป.1 เราก็โดนล้อเลยค่ะ เพราะเราเป็นคนผิวดำ เลยโดนล้อว่า'อีดำ ตอนนั้นยังเด็กเเต่ก็เเอบเสียใจค่ะเเต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่
จนกระทั่งตอนที่เราอยู่ช่วงป.4-ป.6 ตอนนั้นเป็นช่วงที่หนักมากเลยค่ะ ส่วนมากคนที่บลูลี่ก็จะเป็นผช.ค่ะ
เเล้วก็มีรุ่นพี่ที่ร.รอีกเยอะเลย ตอนนั้นเราทำได้เเค่รับฟังเท่านั้น เพราะเคยฟ้องครูเเล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ค่ะ โชคดีที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนอยู่บ้างช่วงนั้นเลยไม่ได้รู้สึกว่าเเย่เท่าไหร่ค่ะเเต่จะมาเเย่สุดก็ช่วงที่จะขึ้นป.6ตอนนั้นเรารู้สึกได้ว่ากลุ่มเพื่อนตีตัวออกห่างปกติไปไหนก็จะชวนตลอดเเต่ตอนนั้นก่ไม่เคยชวนเลยค่ะ
เเต่เราก็ไม่คิดอะไรมากไม่ชวนก็คือไม่ไปเเค่นั้นเลย ช่วงนั้นเพื่อนก็คือไม่คุยด้วยเลย กลายเป็นหลังจากที่มีเพื่อนก็กลายเป็นอยู่คนเดียว จนเรามารู้ว่าหลับหลังเพื่อนเเอบบลูลี่เราค่ะ ที่ตีตัวออกห่างก็เพราะไม่อยากคบกับเราค่ะ พวกเขาก็รังเกียจเเละคอยหาเรื่องมาบลูลี่เราอยู่ตลอดค่ะ นอกจากบลูลี่เเล้วยังเเกล้งเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้รุ่นเเรงมากเเต่ก็ทำร้ายจิตใจเรามากค่ะ ตอนนั้นคือไม่อยากไปร.รเลยสักนิด จากเพื่อนที่โตมาด้วยกันเเต่กลับทำเเบบนี้ ตอนนั้นเรากลับไม่โกรรษค่ะ เเต่ดันโทษตัวเองที่ดีไม่พอสวยไม่พอ ตอนนั้นปิดเทอมภาคเรียนที่1เลยหาครีมทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ตัวเองผิวขาว ผลลัพธ์ก็ดีค่ะจากที่ผิวดำมากๆผิวก็เริ่มดีขึ้น เเต่ไม่ถึงว่าขาวค่ะ ช่วงนั้นเราเก็บตัวอยู่บ้านอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเพียงเท่านั้น เพราะถ้าออกไปก็จะเจอเเต่สังคมเเย่ๆเจอเพื่อนที่คอยบลูลี่เราได้ทุกเวลา เจอเเต่คำพูดลบๆ ที่ฟังเเล้วต้องกลั้นน้ำตาตลอด พอเปิดเทอมเราก็เจอกลับเพื่อนที่ย้ายมาใหม่ค่ะ เพื่อนคนนั้นก็โดนบลูลี่เพราะค่อนข้างจะเกเรเเต่ว่าเค้าเข้มเเข็งมากเค้าไม่เก็บคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจเลยทุกครั้งที่เราเจอคำพูดลบๆเพื่อนคนนั้นก็จะคอยพูดให้กำลังใจอยู่เสมอ ตอนนั้นในห้องคือคบกันเเค่2คนค่ะเเต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไีรไปเลย เเต่เพื่อนคนนี้ไม่ค่อยมาร.รสักเท่าไหร่ค่ะ ขาดเรียนบ่อยจนครูไปตามคนที่ร.รก็ว่าให้เพื่อนเราต่างๆนาๆค่ะ มีช่วงนึงที่เราไปตามเพื่อนมาเรียนค่ะ เค้าก็มาเรียนนะค่ะ เเต่อาทิตย์นึงก็ต้องได้ขาดค่ะ เราก็พยามช่วยทุกอย่างค่ะ ทั้งมาร.รด้วยกัน
ทำทุกอย่างจริงๆค่ะตอนนั้นคือเราไม่เเค์สายตาใครเลยค่ะ เวลาที่เพื่อนคนนี้เราไม่มาเรียนก็คือว่างเปล่ามากค่ะ เราต้องอยู่คนเดียว คำพูดลบๆก็ได้ยินอยู่ทุกวันค่ะ ช่วงนั้นก็คือเหมือนชินเเล้ว เเละอีกอย่างก็ทำได้เพียงเเค่ฟังเท่านั้น ถึงเเม้จะพยามเปลี่ยนเเปลงตัวเองเเค่ไหนก็โดนบลูลี่เหมือนเดิมค่ะ เราไม่เคยมั่นใจในตัวเองเลยค่ะตั้งเเต่เรียนมา ตอนนั้นรู้เเค่ว่าตั้งใจเรียนอย่างเดียวค่ะ กลับบ้านก็หมกตัวอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น จนวันนึงเราฟิวขาดค่ะ วันนั้นคือวันที่ต้องไปร.รปกติ วันนั้นเพื่อนเราไม่มาค่ะ เราก็อยู่คนเดียวปกกติ เเต่พวกบลูลี่พวกนั้น(กลุ่มเพื่อนเก่าเรา)ก็คือเเซะฉ่ำ เเซะทั้งเราเเละเพื่อนคนนั้นจนเราทนไม่ไหวค่ะ คือความอดทนมันเหมือนระเบิดออกมา เราก็เลยพูดเรื่องที่ค้างใจมาทั้งหมด ทั้งที่โดนว่าลับหลัง โดนหักหลัง เราเคลียร์ทุกเรื่องค่ะน้ำตาก็คือไหลไม่หยุดเลย ตอนนั้นคือเราเคลียร์คนเดียวเดี่ยวๆกับพวกนั้นเลยค่ะคือเราไม่กลัวอะไรเเล้วอ่ะค่ะในตอนนั้น เเล้วพวกนั้นก็คือเเก้ตัวเก่งมาก ทั้งบอกว่าว่าไม่ได้พูด ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งที่ก็รู้อยู่เเก่ใจดีค่ะ จนครูมาเคลียร์ให้ พออีกวันเพื่อนเราก็มาเรียนสักที พวกนั้นก็คือเหมือนจะไม่มายุ่งค่ะ เเต่พวกผช.รุ่นพี่ก็ยังบลูลี่เหมือนเดิมค่ะ เราก็ไม่ได้เเคร์เเล้ว วันนั้นพวกกลุ่มเพื่อนเก่าก็มาขอโทษเรากับเพื่อนคนนั้นค่ะ เราก็ยกโทษให้ค่ะ เเต่ความไว้ใจไม่มีให้เเล้วค่ะ มันกลายเป็นปนฝั่งในใจไปเเล้ว พอจบป.6 เราก็ต่อมัธยมที่ร.รเดิมค่ะ เพราะสอบร.รอื่นไม่ติดด้วย จำใจได้เข้าร.รเดิมค่ะ เเต่ก็ดีที่มีเพื่อนคนนั้นเข้าด้วยค่ะ ส่วนพวกผช.ในห้องที่ชอบบลูลี่ก็ย้ายร.รไปเกือบหมดเเล้วค่ะ
เหลือเเค่คนสองคนเท่านั้นส่วนเราก็ไม่ได้เเคร์อะไรเเล้วค่ะ ช่วงนั้นเราถูกบลูลี่น้อยลงมากค่ะบางวันก็ไม่มีเลย เเต่ก็จะมีรุ่นพี่บางคน เเล้วก็เพื่อนในห้องบางคนเท่านั้นค่ะที่ยังบลูลี่อยู่ ช่วงนั้นเรามีเพื่อนมากมายเลยค่ะไม่ต้องคบกันเเค่2คนเเล้วเเต่ว่าตอนที่จะจบม.1 เพื่อนเราคนนั้นก็ลาออกค่ะ นางบอกว่าจะย้ายไปเรียนกับเเม่ ตอนนั้นเราเข้าใจเพื่อนค่ะ ก็ทำได้บอกว่าโชคดี เพื่อนคนนี้มาเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตจริงๆค่ะ ทำให้เรากล้าที่จะเเสดงจุดยืน กล้าที่จะเผชิญหน้ากล้าที่จะพูด หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ เเต่เราก็มีเพื่อนใหม่เเละเพื่อนเเก็งเก่าค่ะ ในตอนนี้ไม่ทะเลาะกันเเล้ว เเต่บางครั้งเรากลับกลัวว่า ประวัติจะซ้ำรอยอีกครั้งเรากลัวการถูกหักหลังอีกครั้ง พอขึ้นม.2ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ การบลูลี่ก็มีอยู่บ้างเเต่ก็ไม่รุ่นเเรงขนาดที่จะรับมือไม่ได้ จนกระทั่งล่าสุด ไม่นานมานี้ตอนนี้เราอยู่ม.2เทอม2ค่ะพึ่งเปิดเทอมมาไม่นาน คือเพื่อนเรานามสมมุติว่า เอนะค่ะ คือโดนรุ่นพี่ม.3เเกล้ง เราก็เเค่หวังดีไปช่วยเพื่อนคนนั้นค่ะ เเต่กลับโดนบลูลี่กลับด้วยคำลบๆอีกครั้งรอบนี้ทำให้เรารู้สึกกลัวอีกเเล้วค่ะเพราะมันเเรงมากๆ อีกอย่างตอนนี้รุ่นพี่คนนั้นเดิมทีก็บลูลี่เราอยู่เเล้วค่ะ ทำให้เราคิดมาก กลัวว่าเราจะโดนอีกครั้ง จนวันนี้ ตอนที่คนทั้งร.ร รวมกันทำกิจกรรมจับสีเพราะจะมีกีฬาค่ะ เราดันได้อยู่กับรุ่นพี่คนนั้น รุ่นพี่คนนั้นตะโกนต่อหน้าคนทั้งร.รเลยว่าไม่อยากอยู่กับเรามันเสียงดังมากๆเเถมยังมีคำพูดลบๆพวกนั้นออกมามากมาย ตอนนั้นเราใจเสียมาก เเต่ว่าก็ทำเป็นเหมือนปกติจนกลับบ้าน เรามานั่งคิดว่าเราผิดตรงไหนเเละคิดถึงอดีตที่ผ่านมาว่ามันเลวร้ายขนาดไหน
ตอนนี้เรากลัวมากว่าเราจะสามารถผ่านไปได้ไหม
เราเลยอยากจะถามว่า เราควรปรับตรงไหนคะ หรือว่าเราผิดตรงไหน เราเเค่อยากจะใชชีวิตวัยรุ่นในร.รให้มีความาุขเพียงเท่านั้น ไม่ได้อยากต้องการอะไรเลยค่ะ (เอาตามตรงเราไม่อยากให้การบลูลี่ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา หรือฐานะ หรืออะไรก็ตามไม่ควรจะเอามาบลูลี่ค่ะ คนที่บลูลี่ไม่รู้สึกอะไีหรอกอาจจะเป็นเรื่องขำๆเเต่คนโดนมันจำไปทั้งชีวิตนะค่ะ คือมันตัดความมั่นใจของคนที่โดนไปเลย บางทีการบลูลี่มันสามารถทำร้ายชีวิตของคนคนนึงได้เลยนะ)
โดนคนที่ร.รบลูลี่ตั้งเเต่เด็กจนตอนนี้ม.2เเล้วก็ยังโดนอยู่
ตั้งเเต่เด็กช่วงประมาณตอนป.1 เราก็โดนล้อเลยค่ะ เพราะเราเป็นคนผิวดำ เลยโดนล้อว่า'อีดำ ตอนนั้นยังเด็กเเต่ก็เเอบเสียใจค่ะเเต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่
จนกระทั่งตอนที่เราอยู่ช่วงป.4-ป.6 ตอนนั้นเป็นช่วงที่หนักมากเลยค่ะ ส่วนมากคนที่บลูลี่ก็จะเป็นผช.ค่ะ
เเล้วก็มีรุ่นพี่ที่ร.รอีกเยอะเลย ตอนนั้นเราทำได้เเค่รับฟังเท่านั้น เพราะเคยฟ้องครูเเล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ค่ะ โชคดีที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนอยู่บ้างช่วงนั้นเลยไม่ได้รู้สึกว่าเเย่เท่าไหร่ค่ะเเต่จะมาเเย่สุดก็ช่วงที่จะขึ้นป.6ตอนนั้นเรารู้สึกได้ว่ากลุ่มเพื่อนตีตัวออกห่างปกติไปไหนก็จะชวนตลอดเเต่ตอนนั้นก่ไม่เคยชวนเลยค่ะ
เเต่เราก็ไม่คิดอะไรมากไม่ชวนก็คือไม่ไปเเค่นั้นเลย ช่วงนั้นเพื่อนก็คือไม่คุยด้วยเลย กลายเป็นหลังจากที่มีเพื่อนก็กลายเป็นอยู่คนเดียว จนเรามารู้ว่าหลับหลังเพื่อนเเอบบลูลี่เราค่ะ ที่ตีตัวออกห่างก็เพราะไม่อยากคบกับเราค่ะ พวกเขาก็รังเกียจเเละคอยหาเรื่องมาบลูลี่เราอยู่ตลอดค่ะ นอกจากบลูลี่เเล้วยังเเกล้งเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้รุ่นเเรงมากเเต่ก็ทำร้ายจิตใจเรามากค่ะ ตอนนั้นคือไม่อยากไปร.รเลยสักนิด จากเพื่อนที่โตมาด้วยกันเเต่กลับทำเเบบนี้ ตอนนั้นเรากลับไม่โกรรษค่ะ เเต่ดันโทษตัวเองที่ดีไม่พอสวยไม่พอ ตอนนั้นปิดเทอมภาคเรียนที่1เลยหาครีมทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ตัวเองผิวขาว ผลลัพธ์ก็ดีค่ะจากที่ผิวดำมากๆผิวก็เริ่มดีขึ้น เเต่ไม่ถึงว่าขาวค่ะ ช่วงนั้นเราเก็บตัวอยู่บ้านอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเพียงเท่านั้น เพราะถ้าออกไปก็จะเจอเเต่สังคมเเย่ๆเจอเพื่อนที่คอยบลูลี่เราได้ทุกเวลา เจอเเต่คำพูดลบๆ ที่ฟังเเล้วต้องกลั้นน้ำตาตลอด พอเปิดเทอมเราก็เจอกลับเพื่อนที่ย้ายมาใหม่ค่ะ เพื่อนคนนั้นก็โดนบลูลี่เพราะค่อนข้างจะเกเรเเต่ว่าเค้าเข้มเเข็งมากเค้าไม่เก็บคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจเลยทุกครั้งที่เราเจอคำพูดลบๆเพื่อนคนนั้นก็จะคอยพูดให้กำลังใจอยู่เสมอ ตอนนั้นในห้องคือคบกันเเค่2คนค่ะเเต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไีรไปเลย เเต่เพื่อนคนนี้ไม่ค่อยมาร.รสักเท่าไหร่ค่ะ ขาดเรียนบ่อยจนครูไปตามคนที่ร.รก็ว่าให้เพื่อนเราต่างๆนาๆค่ะ มีช่วงนึงที่เราไปตามเพื่อนมาเรียนค่ะ เค้าก็มาเรียนนะค่ะ เเต่อาทิตย์นึงก็ต้องได้ขาดค่ะ เราก็พยามช่วยทุกอย่างค่ะ ทั้งมาร.รด้วยกัน
ทำทุกอย่างจริงๆค่ะตอนนั้นคือเราไม่เเค์สายตาใครเลยค่ะ เวลาที่เพื่อนคนนี้เราไม่มาเรียนก็คือว่างเปล่ามากค่ะ เราต้องอยู่คนเดียว คำพูดลบๆก็ได้ยินอยู่ทุกวันค่ะ ช่วงนั้นก็คือเหมือนชินเเล้ว เเละอีกอย่างก็ทำได้เพียงเเค่ฟังเท่านั้น ถึงเเม้จะพยามเปลี่ยนเเปลงตัวเองเเค่ไหนก็โดนบลูลี่เหมือนเดิมค่ะ เราไม่เคยมั่นใจในตัวเองเลยค่ะตั้งเเต่เรียนมา ตอนนั้นรู้เเค่ว่าตั้งใจเรียนอย่างเดียวค่ะ กลับบ้านก็หมกตัวอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น จนวันนึงเราฟิวขาดค่ะ วันนั้นคือวันที่ต้องไปร.รปกติ วันนั้นเพื่อนเราไม่มาค่ะ เราก็อยู่คนเดียวปกกติ เเต่พวกบลูลี่พวกนั้น(กลุ่มเพื่อนเก่าเรา)ก็คือเเซะฉ่ำ เเซะทั้งเราเเละเพื่อนคนนั้นจนเราทนไม่ไหวค่ะ คือความอดทนมันเหมือนระเบิดออกมา เราก็เลยพูดเรื่องที่ค้างใจมาทั้งหมด ทั้งที่โดนว่าลับหลัง โดนหักหลัง เราเคลียร์ทุกเรื่องค่ะน้ำตาก็คือไหลไม่หยุดเลย ตอนนั้นคือเราเคลียร์คนเดียวเดี่ยวๆกับพวกนั้นเลยค่ะคือเราไม่กลัวอะไรเเล้วอ่ะค่ะในตอนนั้น เเล้วพวกนั้นก็คือเเก้ตัวเก่งมาก ทั้งบอกว่าว่าไม่ได้พูด ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งที่ก็รู้อยู่เเก่ใจดีค่ะ จนครูมาเคลียร์ให้ พออีกวันเพื่อนเราก็มาเรียนสักที พวกนั้นก็คือเหมือนจะไม่มายุ่งค่ะ เเต่พวกผช.รุ่นพี่ก็ยังบลูลี่เหมือนเดิมค่ะ เราก็ไม่ได้เเคร์เเล้ว วันนั้นพวกกลุ่มเพื่อนเก่าก็มาขอโทษเรากับเพื่อนคนนั้นค่ะ เราก็ยกโทษให้ค่ะ เเต่ความไว้ใจไม่มีให้เเล้วค่ะ มันกลายเป็นปนฝั่งในใจไปเเล้ว พอจบป.6 เราก็ต่อมัธยมที่ร.รเดิมค่ะ เพราะสอบร.รอื่นไม่ติดด้วย จำใจได้เข้าร.รเดิมค่ะ เเต่ก็ดีที่มีเพื่อนคนนั้นเข้าด้วยค่ะ ส่วนพวกผช.ในห้องที่ชอบบลูลี่ก็ย้ายร.รไปเกือบหมดเเล้วค่ะ
เหลือเเค่คนสองคนเท่านั้นส่วนเราก็ไม่ได้เเคร์อะไรเเล้วค่ะ ช่วงนั้นเราถูกบลูลี่น้อยลงมากค่ะบางวันก็ไม่มีเลย เเต่ก็จะมีรุ่นพี่บางคน เเล้วก็เพื่อนในห้องบางคนเท่านั้นค่ะที่ยังบลูลี่อยู่ ช่วงนั้นเรามีเพื่อนมากมายเลยค่ะไม่ต้องคบกันเเค่2คนเเล้วเเต่ว่าตอนที่จะจบม.1 เพื่อนเราคนนั้นก็ลาออกค่ะ นางบอกว่าจะย้ายไปเรียนกับเเม่ ตอนนั้นเราเข้าใจเพื่อนค่ะ ก็ทำได้บอกว่าโชคดี เพื่อนคนนี้มาเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในชีวิตจริงๆค่ะ ทำให้เรากล้าที่จะเเสดงจุดยืน กล้าที่จะเผชิญหน้ากล้าที่จะพูด หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ เเต่เราก็มีเพื่อนใหม่เเละเพื่อนเเก็งเก่าค่ะ ในตอนนี้ไม่ทะเลาะกันเเล้ว เเต่บางครั้งเรากลับกลัวว่า ประวัติจะซ้ำรอยอีกครั้งเรากลัวการถูกหักหลังอีกครั้ง พอขึ้นม.2ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ การบลูลี่ก็มีอยู่บ้างเเต่ก็ไม่รุ่นเเรงขนาดที่จะรับมือไม่ได้ จนกระทั่งล่าสุด ไม่นานมานี้ตอนนี้เราอยู่ม.2เทอม2ค่ะพึ่งเปิดเทอมมาไม่นาน คือเพื่อนเรานามสมมุติว่า เอนะค่ะ คือโดนรุ่นพี่ม.3เเกล้ง เราก็เเค่หวังดีไปช่วยเพื่อนคนนั้นค่ะ เเต่กลับโดนบลูลี่กลับด้วยคำลบๆอีกครั้งรอบนี้ทำให้เรารู้สึกกลัวอีกเเล้วค่ะเพราะมันเเรงมากๆ อีกอย่างตอนนี้รุ่นพี่คนนั้นเดิมทีก็บลูลี่เราอยู่เเล้วค่ะ ทำให้เราคิดมาก กลัวว่าเราจะโดนอีกครั้ง จนวันนี้ ตอนที่คนทั้งร.ร รวมกันทำกิจกรรมจับสีเพราะจะมีกีฬาค่ะ เราดันได้อยู่กับรุ่นพี่คนนั้น รุ่นพี่คนนั้นตะโกนต่อหน้าคนทั้งร.รเลยว่าไม่อยากอยู่กับเรามันเสียงดังมากๆเเถมยังมีคำพูดลบๆพวกนั้นออกมามากมาย ตอนนั้นเราใจเสียมาก เเต่ว่าก็ทำเป็นเหมือนปกติจนกลับบ้าน เรามานั่งคิดว่าเราผิดตรงไหนเเละคิดถึงอดีตที่ผ่านมาว่ามันเลวร้ายขนาดไหน
ตอนนี้เรากลัวมากว่าเราจะสามารถผ่านไปได้ไหม
เราเลยอยากจะถามว่า เราควรปรับตรงไหนคะ หรือว่าเราผิดตรงไหน เราเเค่อยากจะใชชีวิตวัยรุ่นในร.รให้มีความาุขเพียงเท่านั้น ไม่ได้อยากต้องการอะไรเลยค่ะ (เอาตามตรงเราไม่อยากให้การบลูลี่ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา หรือฐานะ หรืออะไรก็ตามไม่ควรจะเอามาบลูลี่ค่ะ คนที่บลูลี่ไม่รู้สึกอะไีหรอกอาจจะเป็นเรื่องขำๆเเต่คนโดนมันจำไปทั้งชีวิตนะค่ะ คือมันตัดความมั่นใจของคนที่โดนไปเลย บางทีการบลูลี่มันสามารถทำร้ายชีวิตของคนคนนึงได้เลยนะ)