สวัสดีครับทุกท่าน ผมเพิ่งได้รับทุนในการเข้าร่วมงานของ TEDNext 2024 ที่อเมริกามาครับ ในฐานะผู้จัดอีเว้นท์จัดอีเว้นท์ TEDx ในประเทศไทย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่ควรเก็บไว้คนเดียวจริง ๆ ครับเพราะว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ จนอยากให้มีสังคมและงานแบบนี้เกิดขึ้นจริงในไทยครับ!

ในฐานะคนจัด TEDx ที่บางขุนเทียน ผมได้รับ comment เสมอว่าหรือในไทยอาจจะไม่เหมาะกับ TEDx Talk หรือเปล่า มันเคยมีหวือหว่าอยู่ช่วงหนึ่ง และช่วงหลัง ๆ ก็เงียบ ๆ ไป แต่ผมไม่เชื่อแบบนั้นจริง ๆ ครับ เพราะประสบการณ์ครั้งนี้ที่ไปมา ยิ่งอยากทำให้ชุมชนแบบ TED เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย และผมจะเล่าถึงความต่างที่อีเวนต์ในไทยไม่เคยทำได้จากประสบการณ์ของผมนะครับ
 
เดิมทีผมทำงานสายอีเวนต์มาโดยตลอด ตั้งแต่ฝึกงานไปจนถึงการทำงานหาเงินก็เป็นออแกรไนซ์เซอร์ ทำให้ได้เข้าร่วมงานจำนวนมาก แบบมากจริง ๆ ครับ โดยรูปแบบงานอีเวนต์ในประเทศไทยก็จะเดิม ๆ Forum ทอล์ก Panel Talk บูท ๆ ตลาด นิทรรศกาล ดนตรี คอนเสิร์ต วน ๆ ไปประมาณนี้ครับ แต่ช่วงหลัง ๆ มีการหยิบเอารูปแบบของ TED Talk มาใช้มากขึ้น จัดงาน Talk บ่อยขึ้น (แต่เอาเข้าจริง ทำได้แต่เพียงรูปแบบยังไม่ค่อยเห็นที่ไหนทำถึงเลยครับ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์โอเคดีนะครับ) 

งาน TEDNext 2024 จัดขึ้นที่ Atlanta อเมริกาครับเป็นจำนวนงาน 3 วันเต็ม แต่ผมได้เข้าร่วม 4 วันเพราะก่อนหน้านั้นหนึ่งวันมีการจัดเวิร์กช็อปให้ผู้จัดงาน TEDx ทั่วโลกด้วยครับ ให้จัดงานตามแนวทางของ TED ให้ได้มากที่สุดครับ 

ถ้าจะถอดบทเรียนที่สำคัญเพียงหนึ่งข้อที่ทำให้อีเวนต์ TED 
แตกต่างจากอีเวนต์อื่นบนโลก คงหนีไม่พ้นคำว่า “คน” เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ TED มีคุณค่าที่ทำให้งานนี้พิเศษและน่าจดจำที่สุด

1. ผู้เข้าร่วมงาน
ผู้เข้าร่วมงานทุกคนยอดเยี่ยมมาก แต่ละคนมีคุณค่าและมุมมองที่แตกต่างกัน และที่สำคัญ ทุกคนยินดีที่จะเปิดใจรับเพื่อนใหม่ พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนและแบ่งปันสิ่งดี ๆ ด้วยกันอย่างเต็มใจ นี่คือจุดที่ทำให้งาน TED มีเอกลักษณ์ ความพร้อมที่ทุกคนมีต่อการเรียนรู้และแชร์เป็นตัวขับเคลื่อนให้งานนี้มีพลังมากกว่างานอื่น

ป้ายชื่อถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการ Connect ป้ายชื่อจะมี NFC เพียงแค่เอาโทรศัพท์แตะกัน ก็สามารถเชื่อมต่อเป็นเพื่อนกันคุยกันได้แล้วหลังจากงานโดยผ่านทาง App TEDConnect ที่ทำให้ทุกคนเจอกันง่ายขึ้น ในแอปนี้เป็นเฉพาะของ TED ที่ทุกคนจะดูได้ว่า ใครอยู่ที่ไหนในอีเวนต์ เช่นอยู่โซนทานข้าว หรือโซนห้องประชุม ทำให้เราเดินไปคุยกับคนที่เราอยากคุยด้วยได้อย่างง่ายดายเลยครับ ไม่เพียงแต่ผู้เข้าร่วมนะครับ รวมทั้ง Speakers ในงานด้วย!



2. ทีมงาน
ทีมของ TED เป็นหนึ่งในส่วนที่ทำให้งานนี้สำเร็จอย่างไร้ที่ติ ทีมเป็นมืออาชีพและเฟรนลี่มาก ทุกคนมีความสุภาพ ความเป็นกันเอง และความสามารถในการจัดการงานอย่างดีเยี่ยม เป็นทีมที่ทำให้อีเวนต์ไหลลื่นและเต็มไปด้วยพลังและมูดมันดีมาก ๆ เลยครับ



3. พาร์ทเนอร์
พาร์ทเนอร์ของ TED ไม่ได้มาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แต่พวกเขามาเพราะเชื่อในเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการขับเคลื่อนสังคมด้วยไอเดียที่สร้างแรงบันดาลใจ ความร่วมมือของพาร์ทเนอร์เหล่านี้เป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างอีเวนต์ที่เต็มไปด้วยพลังและแรงบันดาลใจ

4. สปอนเซอร์
สปอนเซอร์ของ TEDNext 2024 มีคุณค่ามากกว่าการตลาดทั่วไปมาก ๆ เลยครับ ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าค่อนข้างต่างกับการจัดงานในไทย(แต่มีหลาย ๆ ที่ที่เข้ามาเพื่อสร้างความฝันให้เกิดขึ้นเช่นกันนะครับ) พวกเขามาเพื่อขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงด้วยไอเดีย ไม่ได้เน้นการขายสินค้าหรือหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่เป็นการสนับสนุนสังคมและไอเดียที่สร้างสรรค์ ทีมที่เข้าร่วมจากองค์กรเหล่านี้น่าประทับใจ และการสนับสนุนของพวกเขามีความสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของอีเวนต์

5. คนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
จากการเข้าร่วมงานในหลายครั้ง ทั้งในประเทศไทยและที่อื่น ๆ รวมถึงประสบการณ์ทำงานในวงการอีเวนต์มายาวนาน ยังไม่เคยรู้สึกถึงการเจอคนที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมในการจัดงานของ TED ทุกคนที่เกี่ยวข้องต่างเต็มไปด้วยพลังบวกและความทุ่มเทในการทำให้อีเวนต์ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง


Session ของงาน
Talk การทอล์กของงาน โดยปกติของ TED จะทอล์กไม่เกิน 18 นาทีที่เป็นภาคปฎิบัติครับ แต่ปัจจุบัน สมาธิของผู้คนลดลงมาก ๆ เลยครับเท่าที่ผมจับสังเกตมาบนเวทีทอล์กจะไม่มีใครทอล์กเกินกว่า 10 นาทีเลยล่ะครับ 

โดยสปีคเกอร์เป็น line up ที่น่าสนใจมาก ๆ ไม่ได้เลือกจากคนดัง ๆ แต่เลือกจากไอเดียจริง ๆ แต่คนดังก็มีอยู่บ้างซึ่งที่เห็นที่มีแฟนคลับเยอะที่สุดในงานคือ Malcolm Gladwell นักเขียนชื่อดัง


Discovery
Session Discovery: การค้นพบและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
TEDNext ยังมี Session Discovery ซึ่งเป็นเซสชั่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และค้นพบความรู้ใหม่ ๆ ในหัวข้อต่าง ๆ ผ่านการเข้าร่วมเวิร์กช็อปและกิจกรรมที่หลากหลาย เซสชั่นเหล่านี้เป็นพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือทำและสัมผัสกับหัวข้อที่ตนเองสนใจอย่างใกล้ชิด นี่คือการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าแค่การฟัง แต่ยังเป็นการลงมือเรียนรู้แบบ Interactive และได้รับการปฏิสัมพันธ์จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

Session Discovery ได้รวมความหลากหลายของหัวข้อต่าง ๆ ตั้งแต่เทคโนโลยี ศิลปะ การพัฒนาส่วนบุคคล จนถึงประเด็นสังคม ทุกเซสชั่นถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมได้คิดและเรียนรู้จากมุมมองใหม่ ๆ ทำให้การเรียนรู้ในงานนี้เป็นประสบการณ์ที่ครบถ้วนและมีความลึกซึ้ง


Next Stage
Next Stage: สเตจที่สร้างการเชื่อมโยงระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง
ใน TEDNext 2024 หนึ่งในสเตจที่โดดเด่นและสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมก็คือ Next Stage สเตจนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความใกล้ชิดระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง ไม่ใช่แค่การฟังแบบห่างไกลแต่เป็นการสร้างการเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งมากขึ้น ด้วยรูปแบบการจัดที่ทำให้ผู้ฟังกับผู้พูดใกล้ชิดกันมากขึ้น ผู้เข้าร่วมสามารถสัมผัสถึงพลังของการเล่าเรื่องได้ในอีกมิติหนึ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเรื่องราวที่ถูกเล่ากำลังถูกบอกเล่าตรงมาถึงเราโดยตรง
บรรยากาศใน Next Stage มีความอบอุ่นและเป็นกันเอง ผู้ฟังสามารถรับรู้ถึงความเป็นมนุษย์ของผู้พูดอย่างชัดเจน การเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นทำให้การสื่อสารของผู้พูดมีผลกระทบทางอารมณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงบันดาลใจ ประสบการณ์ชีวิต หรือแนวคิดใหม่ ๆ ที่ถูกส่งผ่านสเตจนี้ ล้วนแล้วแต่เข้าถึงใจของผู้ฟังได้มากขึ้น


กิน ของทุกอย่างใน TEDNext กินฟรีชอบมากกกกกก ผมยังจำที่ทีมงานของ TED ประกาศแนะนำได้อยู่เลยครับ เขาบอกว่า "โซนอาหาร ทุกอย่างกินฟรีไม่มีชาร์จเพิ่ม เพราะนี่คือ TED!" และของกินเยอะมาก ๆ เลยครับ



ปิดท้ายส่วนที่ชอบอีกอย่างคือ ปีนี้ TED ค่อนข้าง Adapt ใช้ AI ค่อนข้างเยอะ อย่างโซนถ่ายภาพ แค่เราไปถ่ายภาพและแสกนให้ AI จับหน้าเรา รูปภาพก็จะถูกส่งมาทาง Email ของเราเลยล่ะครับ เจ๋งสุด ๆ 


สำหรับวันนี้คงเพียงเท่านี้ก่อนละกันนะครับ ไม่รู้จะเล่าอะไรแล้ว 5555
แต่หากสมาชิก พันทิป ท่านไหนอยากทราบประเด็นไหนเพิ่มเติม สามารถคอมเมนต์ทิ้งไว้และผมยินดีอย่างมากที่จะแชร์เรื่องราวที่ได้ไปมา ทั้งการจัดงาน การเตรียม Talk หรืออะไรที่เกี่ยวข้อง เข้าใจว่าผมเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้ไปงานนี้ครับ จึงอยากให้คนไทยได้เห็นภาพว่ามันมีชุมชนแบบนี้อยู่จริง ๆ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะเกิดชุมชนแบบนี้บ้างในประเทศไทย สิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ครับ คือการแชร์สิ่งที่ได้เรียนรู้มากับทุกคน

ต้องขอบคุณทุกคนอีกครั้ง และขอบคุณ TED ที่ทำให้ผมได้ไปงานนี้ด้วยครับ!