ในปัจจุบัน เป็นยุคที่นักลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่สนใจลงทุนใน Forex หุ้น และทองคำ การพัฒนาทางเทคโนโลยีทำให้การเข้าถึงแหล่งลงทุนและความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเป็นเรื่องง่ายขึ้น ในบทความนี้จะกล่าวถึงการเริ่มต้นลงทุนใน Forex โดยการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมผ่านขั้นตอนง่ายๆ 4 ขั้นตอน ได้แก่ :
1. ตรวจสอบใบอนุญาต :
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่มีใบอนุญาตเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น FCA ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงในการขอใบอนุญาต เช่น ค่าธรรมเนียมการสมัครและหลักประกันการซื้อขายที่สูงถึง 2 ล้านปอนด์ การได้รับใบอนุญาตนั้นไม่เพียงพอ เพราะต้องมีการขออนุญาตในการดำเนินธุรกิจประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึงการชำระค่าธรรมเนียมรายปี
2. ตรวจสอบคุณภาพของธนาคารที่รับฝากเงิน :
ในยุคที่การกำกับดูแลทางการเงินเข้มงวดขึ้น การเลือกธนาคารรับฝากเงินอิสระที่มีความน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ธนาคารทั่วไป, ธนาคารระดับภูมิภาค, และธนาคารระดับโลก ซึ่งมีการจัดอันดับความปลอดภัยเป็น 0-A, AA, และ AAA โดยธนาคารที่ได้รับการจัดอันดับ AAA จะถือว่ามีความน่าเชื่อถือสูงสุด
ธนาคารระดับโลก เช่น JPMorgan Chase อยู่ในระดับสูงสุด (ระดับ 4) และมีเพียง 28 แห่งที่ถูกจัดในระดับ 3 และ 4 ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูง
ดังนั้น คุณภาพของธนาคารรับฝากเงินอิสระสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงในการลงทุน
3. ตรวจสอบการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ :
การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์มีความสำคัญต่อการเทรด โดยหลักการคือ ยิ่งเซิร์ฟเวอร์ครอบคลุมพื้นที่มากเท่าไร การเทรดก็จะยิ่งลื่นไหลมากขึ้น ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งเซิร์ฟเวอร์คือ 5 ศูนย์การเงินหลักของโลก ได้แก่ ลอนดอน นิวยอร์ก ฮ่องกง สิงคโปร์ และโตเกียว ซึ่งเป็นจุดที่มีสภาพคล่องสูง ทำให้การดำเนินคำสั่งซื้อขายและการรวมข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ EBC ได้ตั้งเซิร์ฟเวอร์ในทั้ง 5 ศูนย์การเงินนี้ และมีศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 30 แห่งเพื่อให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วและครอบคลุมทุกจุดการซื้อขาย ทำให้การดำเนินคำสั่งในสามารถทำได้เร็วถึง 20 มิลลิวินาที รองรับคำสั่งได้สูงสุด 1,000 คำสั่งต่อวินาที และมีเสถียรภาพถึง 98.75% ซึ่งเกิดจากการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างระบบที่มีคุณภาพ
4. ตรวจสอบราคาจริงแบบเรียลไทม์ :
การแสดงราคาจริงแบบเรียลไทม์มีความสำคัญในการสะท้อนความโปร่งใสของโบรกเกอร์ โดยโบรกเกอร์ที่แสดงราคาจริงแสดงถึงความมั่นใจในตัวเองและความโปร่งใสในการดำเนินงาน ในทางกลับกัน โบรกเกอร์ที่แสดงราคาคงที่หรืออัปเดตเพียงวันละครั้งอาจทำให้การเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่นเป็นจุดอ่อน
สรุป : การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดีควรพิจารณาจากใบอนุญาต คุณภาพของธนาคาร เซิร์ฟเวอร์ และราคาจริง หากทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือในการลงทุน
ยุคแห่งการลงทุนและการเลือกโบรกเกอร์ Forex
1. ตรวจสอบใบอนุญาต :
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่มีใบอนุญาตเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น FCA ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงในการขอใบอนุญาต เช่น ค่าธรรมเนียมการสมัครและหลักประกันการซื้อขายที่สูงถึง 2 ล้านปอนด์ การได้รับใบอนุญาตนั้นไม่เพียงพอ เพราะต้องมีการขออนุญาตในการดำเนินธุรกิจประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึงการชำระค่าธรรมเนียมรายปี
2. ตรวจสอบคุณภาพของธนาคารที่รับฝากเงิน :
ในยุคที่การกำกับดูแลทางการเงินเข้มงวดขึ้น การเลือกธนาคารรับฝากเงินอิสระที่มีความน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ธนาคารทั่วไป, ธนาคารระดับภูมิภาค, และธนาคารระดับโลก ซึ่งมีการจัดอันดับความปลอดภัยเป็น 0-A, AA, และ AAA โดยธนาคารที่ได้รับการจัดอันดับ AAA จะถือว่ามีความน่าเชื่อถือสูงสุด
ธนาคารระดับโลก เช่น JPMorgan Chase อยู่ในระดับสูงสุด (ระดับ 4) และมีเพียง 28 แห่งที่ถูกจัดในระดับ 3 และ 4 ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูง
ดังนั้น คุณภาพของธนาคารรับฝากเงินอิสระสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงในการลงทุน
3. ตรวจสอบการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ :
การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์มีความสำคัญต่อการเทรด โดยหลักการคือ ยิ่งเซิร์ฟเวอร์ครอบคลุมพื้นที่มากเท่าไร การเทรดก็จะยิ่งลื่นไหลมากขึ้น ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งเซิร์ฟเวอร์คือ 5 ศูนย์การเงินหลักของโลก ได้แก่ ลอนดอน นิวยอร์ก ฮ่องกง สิงคโปร์ และโตเกียว ซึ่งเป็นจุดที่มีสภาพคล่องสูง ทำให้การดำเนินคำสั่งซื้อขายและการรวมข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ EBC ได้ตั้งเซิร์ฟเวอร์ในทั้ง 5 ศูนย์การเงินนี้ และมีศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 30 แห่งเพื่อให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วและครอบคลุมทุกจุดการซื้อขาย ทำให้การดำเนินคำสั่งในสามารถทำได้เร็วถึง 20 มิลลิวินาที รองรับคำสั่งได้สูงสุด 1,000 คำสั่งต่อวินาที และมีเสถียรภาพถึง 98.75% ซึ่งเกิดจากการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างระบบที่มีคุณภาพ
4. ตรวจสอบราคาจริงแบบเรียลไทม์ :
การแสดงราคาจริงแบบเรียลไทม์มีความสำคัญในการสะท้อนความโปร่งใสของโบรกเกอร์ โดยโบรกเกอร์ที่แสดงราคาจริงแสดงถึงความมั่นใจในตัวเองและความโปร่งใสในการดำเนินงาน ในทางกลับกัน โบรกเกอร์ที่แสดงราคาคงที่หรืออัปเดตเพียงวันละครั้งอาจทำให้การเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่นเป็นจุดอ่อน
สรุป : การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ดีควรพิจารณาจากใบอนุญาต คุณภาพของธนาคาร เซิร์ฟเวอร์ และราคาจริง หากทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือในการลงทุน