วันนั้นเป็นช่วงกิจกรรมที่จะจัดแค่2วัน คือการสุ่มนักเรียนทุกระดับชั้นแบ่งเป็นกลุ่มและให้ตั้งเป็นหมู่บ้านและทำกิจกรรมในฐานต่างๆ ตอนแรกเราคิดว่าคงจะไม่ได้แย่มาก โรงเรียนให้จับกลุ่ม3คน พ่อแม่ลูก เราเลยเลือกน้องประถมต้นคนนึงที่ดูแล้วจะเข้ากับเราได้ และจับคู่กับรุ่นน้องlgbtที่เรารู้จัก ในหมู่บ้านนี้มีคนที่เรารู้จักแค่3คน(ไม่รวมน้องประถมต้น)
เราเป็นคนที่จะมีอาการอึดอัดและกังวลเวลาต้องอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก และนี่คือครั้งแรกที่ต้องอยู่กับหมู่มากที่ไม่รู้จักเป็นส่วนมาก8ชั่วโมง
และที่แย่ที่สุดคือมีเด็กพม่าพูดภาษาไทยไม่ได้ ฟังภาษาไทยไม่ค่อยรู้เรื่องคอยตามเราไปทุกที่ และมองเราตลอดเวลาจนทำให้เราอึดอัดยิ่งกว่าเดิม และต้องกังวลว่าเด็กพม่าคนนั้นจะทำอะไรสักอย่างผิดและเราจะถูกคิดว่าเป็นคนดูแลน้องเลยต้องถูกลงโทษไปด้วย
มันทำให้เรากลัวเด็กคนนั้นมากๆ และได้คุยกับเพื่อนร่วมชั้น เขาช่วยอะไรเรื่องที่น้องตามเราตลอดไม่ได้ เขาเลยอยู่เป็นเพื่อนคุยเราอุ่นใจขึ้นจริงๆแต่ก็ไม่นาน
จนถึงช่วงใกล้เลิกเรียนเด็กคนนั้นเริ่มเล่นเสียงดัง พูดก็ไม่ฟังเราเลยเริ่มเครียดจนจะอาเจียนออกมา แต่โชคดีที่คุณครูคุมฐานมีงานด่วนจึงถูกปล่อยออกมาไวขึ้น
เราเลยเดินหากลุ่มเพื่อนสนิทของเรา เมื่อถึงเซฟโซนน้ำตามันก็ไหลโดยอัตโนมัติ เราร้องไห้อยู่ไม่นานมาก เพื่อนสนิทเราก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นเราร้องไห้มาก่อน
เราไม่เคยร้องไห้เพราะต้องมาโรงเรียนตอนอนุบาล ตอนประถม หรือตอนเราเรียนมัธยมใหม่ๆ แต่ครั้งนี้เราไม่ไหวจริงๆ มันทำให้เรามองเด็กคนนั้นไม่ได้อีกเลยเพราะเรากลัวน้องไปแล้ว (น้องไม่ได้ผิดอะไรเลยแค่ไม่รู้เฉยๆว่าเราไม่โอเคที่น้องคอยจ้องเราตลอดเวลา)
แปลกไหมที่ร้องไห้เพราะต้องมาโรงเรียนครั้งแรกตอนม.3
เราเป็นคนที่จะมีอาการอึดอัดและกังวลเวลาต้องอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก และนี่คือครั้งแรกที่ต้องอยู่กับหมู่มากที่ไม่รู้จักเป็นส่วนมาก8ชั่วโมง
และที่แย่ที่สุดคือมีเด็กพม่าพูดภาษาไทยไม่ได้ ฟังภาษาไทยไม่ค่อยรู้เรื่องคอยตามเราไปทุกที่ และมองเราตลอดเวลาจนทำให้เราอึดอัดยิ่งกว่าเดิม และต้องกังวลว่าเด็กพม่าคนนั้นจะทำอะไรสักอย่างผิดและเราจะถูกคิดว่าเป็นคนดูแลน้องเลยต้องถูกลงโทษไปด้วย
มันทำให้เรากลัวเด็กคนนั้นมากๆ และได้คุยกับเพื่อนร่วมชั้น เขาช่วยอะไรเรื่องที่น้องตามเราตลอดไม่ได้ เขาเลยอยู่เป็นเพื่อนคุยเราอุ่นใจขึ้นจริงๆแต่ก็ไม่นาน
จนถึงช่วงใกล้เลิกเรียนเด็กคนนั้นเริ่มเล่นเสียงดัง พูดก็ไม่ฟังเราเลยเริ่มเครียดจนจะอาเจียนออกมา แต่โชคดีที่คุณครูคุมฐานมีงานด่วนจึงถูกปล่อยออกมาไวขึ้น
เราเลยเดินหากลุ่มเพื่อนสนิทของเรา เมื่อถึงเซฟโซนน้ำตามันก็ไหลโดยอัตโนมัติ เราร้องไห้อยู่ไม่นานมาก เพื่อนสนิทเราก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นเราร้องไห้มาก่อน
เราไม่เคยร้องไห้เพราะต้องมาโรงเรียนตอนอนุบาล ตอนประถม หรือตอนเราเรียนมัธยมใหม่ๆ แต่ครั้งนี้เราไม่ไหวจริงๆ มันทำให้เรามองเด็กคนนั้นไม่ได้อีกเลยเพราะเรากลัวน้องไปแล้ว (น้องไม่ได้ผิดอะไรเลยแค่ไม่รู้เฉยๆว่าเราไม่โอเคที่น้องคอยจ้องเราตลอดเวลา)