Herondu World Chapter 1 ข้ารับใช้แห่งมังกรทั้งสิบ & เหล่าแบล็คพาร์ธเนอร์ (WorldBuilding Story)

ดาวเคราะห์เฮรอนดู ดาวเคราะห์ขนาดยักษ์เทียบเท่ากับขนาดดวงอาทิตย์ของโลกมนุษย์สมบูรณ์เรา ดาวเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทวยเทพแห่งนอร์สเอเธนส์ที่มีอารยธรรมอยู่ในรูปแบบของยุคกลางแฟนตาซีซึ่งมีจุดศูนย์กลางของสังคมคือเวทมนตร์เป็นหลัก ระบบการปกครองไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ ลิซาร์ดแมน หรือแม้กระทั่งภูติก็ล้วนแต่เป็นศักดินาอันแบ่งชนชั้นหน้าที่กันอย่างชัดเจนว่าใครควรทำอะไร ชนชั้นล่างและชาวนาต้องทำงานเป็นดั่งรากไม้คอยส่งผลประโยชน์ไปให้กับชนชั้นที่เหนือกว่า ชนชั้นกลางที่ทำงานหาเงินส่งไปให้กับเหล่าชนชั้นสูงที่มีหน้าที่บริหารบ้านเมืองทุกหย่อมหญ้าทั้งยังมีชีวิตที่สุขสบายกว่าชนชั้นไหนๆ ใครเป็นชนชั้นนี้และเป็นผู้ชายก็จะต้องเข้ารับการเป็นอัศวินไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามแต่หากไม่สามารถทำอะไรได้เลยก็จะถูกปล่อยละเลยราวกับว่าเด็กพวกนั้นไม่ลูกของตน หนำซ้ำจะเป็นได้แค่ชนชั้นสูงในนามเสียอีกเพราะระบบเคร่งมาก

(ต้องขอบอกก่อนว่าในยุคสมัยนี้ การต่อสู้ของทุกเผ่าพันธุ์จะเป็นการต่อสู้กับพวกภูติผีปีศาจที่บุกกันเข้ามา เหล่าสัตว์ดุร้ายจากป่าลึก หรือไม่ก็เป็นพวกสัตว์ประหลาดจากมิติอื่นซึ่งยังไม่มีสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้ง)

แต่ถึงเป็นเช่นนี้ก็ใช่ว่าโลกจะดำมืดหรือเต็มไปด้วยสีแห่งการละเลงโลหิตเพราะทุกเผ่าพันธุ์ก็ต่างอยู่ด้วยกันอย่างสันติโดยที่ไม่มีแม้แต่ความบาดหมางสักนิด ไม่มีการผลิตอาวุธหรือการเข่นฆ่าใดๆกันต่อกัน โลกแห่งสรวงสวรรค์โดยแท้ที่หาที่ใดมาเปรียบก็มิได้ ทวยเทพกับเหล่าเทพีผู้ทรงสง่ามักเข้ามาเฝ้ามองโลกของตนอันอุดมไปด้วยธัญพืชมากมายหลากหลายสายพันธุ์จนยากจะนับจำนวนไหว ป่าไม้สีเขียวชอุ่มกักเก็บเหล่าสรรพสัตว์นานาชนิด ทะเลทรายสีทองที่มีแม่น้ำหลายสายกับความอุดมสมบูรณ์เพียงแถวๆ หญิงสาวรูปร่างโค้งมนเพรียวเล็กดูสง่าผ่าเผยจนเย้ายวนใจแก่ชายแท้ด้วยเวทมนตร์ในสายเลือดของพวกเธอมาตั้งแต่กำเนิด สถาปัตยกรรมประจำอาณาจักรต่างๆนับร้อยอาณาจักรล้วนมีหน้าตาไม่ต่างจากวัฒนธรรมยุคกลางของชาวยุโรปและวัฒนธรรมของชาวอาหรับในสมัยเดียวกันแต่กลับดูยิ่งใหญ่กว่าโลกของเราอย่างเห็นได้ชัดและในไม่ช้าก็คงเหนือกว่าพวกเราในสักวันแบบไม่ต้องสงสัยหรืออิจฉาอะไร
กระทั่งทุกอย่างก็เข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง เมื่อจักรวรรดิที่มีนามว่า “เทเทรัส” ได้ถือกำเนิด จักรวรรดิแห่งแห่งโลกที่มีแต่ความมืดมิดไร้แสงตะวันของเหล่าดาร์กเอลฟ์ผิวสีเทาดูคล้ายสีปูนซีเมนต์นี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงชันอันหนาวเหน็บที่ยากต่อการรุกรานทุกรูปแบบ หากคิดว่าเป็นเรื่องตลกก็จงคิดดูเอาละกันว่าจะผ่านแนวป้องกันกำแพงหลายชั้นถึง 126 ชั้นพวกนั้นที่ต่อให้ฝ่าเข้าไปก็จะเจอกับกำแพงที่หนากว่ากำแพงที่แล้วเข้าไปอีกจะเป็นเช่นไร พวกเขามีการระดมเกณฑ์เหล่าช่างตีเหล็กมากกว่าหลายแสนมาสร้างอาวุธจำนวนมากและเป็นหน้าแรกของประวัติศาสตร์ดาวเคราะห์ที่จะมีการใช้อาวุธพวกนี้เพื่อทำสงครามกับสิ่งมีชีวิตร่วมโลก แทนที่จะใช้มันต่อสู้กับพวกสิ่งมีชีวิตจากดาวอังคารอันห่างไกลหรือไม่ก็พวกที่มาจากต่างมิติ
 
“เฟอวอฮัน”
นี่คือชื่อของสงครามและมหาสงครามครั้งแรกสุดของดาวเคราะห์หรือโลกใบนี้ มหาสงครามขนาดยักษ์ที่จะกลายเป็นรากฐานของสงครามรุ่นหลังไปตลอดกาลราวจะไม่มีวันจบสิ้น สงครามเพื่อเป้าหมายของผู้ทรงอำนาจสูงสุดจนเหล่าประชาชนซึ่งเป็นได้แค่เบี้ยหมากในกระดานกีฬาจำนวนเท่ากองภูเขาต้องล้มตายกันเป็นผักเป็นปลา จากคำบอกเล่าก็มีแต่ความสยดสยองอย่างเช่นห่าฝนธนูที่มักจะระดมยิงกันมาราวคลื่นมหาสมุทรทุกเสี้ยววิ สัตว์ร้ายจากขุมนรกถูกใช้เพื่อตามล่าเหล่าศัตรู ลูกเด็กเล็กแดงที่ต้องเอาชีวิตรอดเพื่อหวังว่าอนาคตของโลกอันแสนบิดเบี้ยวไปด้วยซากศพทั่วทุกหนแห่งจะเปล่งกระกายภายในสักวัน
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทุกค่ำคืนก็มีแต่เสียงกรีดร้องกับเหล่าเด็กๆที่ไม่สามารถนอนตาหลับได้เลยสักคืน พวกผู้ใหญ่ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ต้องออกไปรบกับพวกอสุรกายขนาดยักษ์ที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งความเมตตาปราณีใดๆทั้งนั้น ผ่านไปอีกคืนซ้ำแล้วจนเหนื่อยกว่าจะต้องนับจำนวนมันต่อ มันก็ได้กินระยะเวลาไปกว่าหลายร้อยปีแล้วที่มหาสงครามนรกบ้านี่จะจบสิ้นลงได้
ท้องฟ้าสีชาดกับดวงตะวันที่ขึ้นเฉิดฉายพร้อมกับจันทราอีกด้านได้สลายหายไปกลับเป็นวันแห่งเช้าอันสดใสเหมือนในทุกๆครั้งที่ผ่านๆมา แต่ผลกระทบกลับทำให้โลกถูกแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายตามพระคำบัญชาของเหล่าทวยเทพผู้เฝ้าดูทุกสิ่งนั่นก็คือฝ่ายที่ต้องการโลกแห่งยูโทเปียจะถูกเรียกว่า “ฝ่ายแห่งสามพันธมิตรเทพี” ส่วนฝ่ายที่ต้องการยึดครองโลกเพื่อให้ทุกประเทศปกครองในรูปแบบเผด็จการแสนเฉียบขาดและทวงคืนสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของชาติอย่าง หอกลองกีนุส อันเป็นสมบัติแห่งเทพเจ้าโอดินที่พวกดาร์กเอลฟ์นับถือก็คือ “ฝ่ายมหาอำนาจเบอเซอร์เกียร์” นำโดยผู้นำสูงสุดอย่าง “จักรวรรดิเทเทรัส ที่ถูกปกครองโดย องค์จักรพรรดิเดรัสรุ่นที่ 1 ผู้แรกเริ่มเมล็ดพันธุ์แห่งหายนะ” ส่วนผู้นำสูงสุดของเหล่าฝ่ายสามพันธมิตรเทพีก็คือ “เหล่าแม่มดขาวผู้ปกป้องโลกอันสงบสุข สตรีแห่งการถือกำเนิดใหม่”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ในช่วงสมัยแห่งสงครามที่จะเกิดสมรภูมิตรงจุดไหนก็ยังได้ เหล่าภูติผีปีศาจต่างก่อให้เกิดเรื่องราวของเหล่านักผจญภัยผู้กล้ามากมายที่ออกตามล่าหาเงินรางวัลหรือไม่ก็ได้ปกป้องผู้อ่อนแอกว่าตามบัญญัติของเหล่าอัศวิน การนองเลือดที่ถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นทำให้เหล่าประชาชนมากมายหลากหน้าหลายตาต้องสังเวยชีวิตให้กับมหาสงครามนิรันดร์นี่โดยที่ก็ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เหล่าเด็กรุ่นใหม่ตัวน้อยๆหลายแสนถูกเหล่าทหารในชุดเกราะเหล็กจนเกิดเสียงกระทบกับพื้นทุกครั้งที่ขยับตัวได้ใช้มือทมิฬคว้าตัวเหล่าเด็กน้อยออกจากพระมารดาผู้ให้กำเนิดและส่งตัวไปฝึกฝนให้กลายเป็นสุดยอดนักรบในสถานที่ลับที่ถูกจัดไว้
ต้องถูกใช้งานทั้งถูกฝึกฝนราวกับไม่ใช่มนุษย์หรือไม่ก็โดนมองเป็นอีกแบบก็คือเครื่องจักรที่ไม่มีวันดับสิ้นทั้งที่กลไกของมันจะดับสูญลงตอนไหนก็ยังมิอาจรู้ "เหล่าฮัซซาเซีย" นั่นคือชื่อของเหล่าเด็กน้อยผู้นี่
หมอกควันจากปืนใหญ่นับล้านต่างปกคลุมทั่วทั้งน่านฟ้าจนบดบังวิสัยทัศน์ มังกรกัมปนาทจากสรวงสวรรค์ถูกส่งลงมาเพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์ต่างๆฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนกลิ่นไหม้แห่งเพลิงไฟยิ่งทวีคูณความรุนแรงจนหายใจแทบสำลัก ประกายไฟจากหัวลูกศรเพลิงทะยานผ่าปราการไร้กายเนื้อพวกนี้เป็นร้อยๆและเริ่มก้าวกระโดดจำนวนเป็นแสนๆลูก ร่างอันกำยำของเหล่านักรบวิ่งระดมเข้าหาเหล่าข้าศึกอย่างไม่กลัวตายจนแผ่นดินสั่นไหวคล้ายวันสิ้นโลกได้ลงมาจุติ เรือลอยฟ้าก็ทำหน้าที่แค่ทิ้งถังบรรจุระเบิดลงสู้ภาคพื้นของสนามรบแต่กลับสร้างความเสียหายยิ่งกว่าอัคคีพินาศของเหล่ามังกรหลายสิบเท่า
 
ทุกประเทศต่างคิดค้นอาวุธของตนเพื่อจะเอาชนะอีกฝ่ายและกลายเป็นการพัฒนาประเทศในอีกรูปแบบหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ตอนนั้นที่ประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดแห่ง ทวีปมิดการ์ด "ราชอาณาจักรเฮโมโดรตุส" ประเทศแห่งทวีปผู้สนับสนุนฝ่ายสามพันธมิตรเทพีที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งด้วยกำลังทางทหารกับสุดยอดกำแพงเมืองนาม คอนสแตนติโนเปิล จากการที่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยว่าฝ่ายเบอเซอร์เกียร์จะบุกเข้าไปได้สำเร็จ ได้ก่อให้เกิดกลุ่มที่เรียกตัวเองในนามของ เหล่าข้ารับใช้แห่งมังกรทั้งสิบ (Servants Of Dragon) ขึ้น นักรบเหล่านี้ต่างใช้พลังความสามารถจากมังกรที่ตนเองคู่ครองเพื่อพิชิตอีกฝ่ายจนวีรกรรมนับครั้งไม่ถ้วนก็ได้เลื่อนยศกลายเป็น เหล่าผู้กล้า ไปโดยปริยาย
แต่การปรากฏตัวของเหล่าข้ารับใช้แห่งมังกรทั้งสิบก็ได้ทำให้เกิดกลุ่มที่เรียกตัวเองเหมือนกันว่า “แบล็คพาร์ธเนอร์” คนพวกนี้คือศัตรูตลอดกาลของเหล่านักรบผู้รับใช้มังกรที่สร้างความปั่นป่วนตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรกสุดก็คือเหตุการณ์ไฟนรกคลั่ง ที่เจ้าพวกนั้นทั้ง 7 ได้ทำการเผาอาณาจักรซึ่งขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในเรื่องของการป้องกันการโจมตีทุกรูปแบบทิ้งจนเหลือเพียงแค่เศษซากธุลีดิน
 
ไทแรนต์ พ่อมดดาร์กเอลฟ์ร่างสูงยักษ์ดั่งภูผาผู้เป็นผู้นำของกลุ่มแบล็คพาร์ธเนอร์ อดีตอาชญากรตั้งแต่เด็กในย่านสลัมตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องความไร้เมตตาต่อผู้อ่อนแอกว่าทุกวิธีโดยเฉพาะการที่เขามักมีคำสั่งให้ศัตรูทุกคนที่ไม่ทำการ ฮาราคีรี (Hara-Kiri) ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนด้วยการใช้ไม้แหลมเสียบร่างประจานไปตามเส้นทางที่เคยมาเยือนก่อนหน้าจนถูกเล่าขานกลายเป็นตำนานสืบต่อกันมา โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกเชลยศึกแทบทั้งสิ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเหล่ากองกำลังของกลุ่มนี้จะไม่ปราณีต่อใครที่ไม่ทำตามกฏสงครามทั้งนั้น
(รูปร่างหน้าตาของ ไทแรนต์)

จากบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของไทแรนต์ในหลายๆที่ต่างก็กล่าวขานเป็นเสียงเดียวกันว่าได้มีการเรียกระดมพลช่างตีเหล็กไม่ต่างอะไรจากยุคกำเนิดสงครามแรกสุดมาให้สร้างปืนใหญ่จำนวนกว่าหลายแสนกระบอกเพื่อใช้ในการรบทุกกรณีจนเหมือนกับไม่ว่าผู้นำแห่งกลุ่มแบล็คพาร์ธเนอร์จะไปที่ไหน ที่นั่นย่อมต้องมีเสียงปืนใหญ่ดังกัมปนาทราวค้อนสายฟ้าของเทพธอร์อยู่ทุกหนแห่ง มีเยอะราวคิดจะถล่มกำแพงเมืองสักประเทศให้พินาศสิ้น ไทแรนต์เป็นผู้ซึ่งชื่นชอบในเรื่องของปืนใหญ่อย่างมากและเขาก็มีแผนสร้างปืนใหญ่ขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นเพื่อถล่มปราการศิลาพวกนั้นโดยเฉพาะ ปืนใหญ่นั่นถูกเรียกด้วยนามของผู้เป็นพ่ออย่าง “บาซิลิสต้า” ปืนใหญ่สามหัวที่จะทำการยิงลูกปืนขนาดยักษ์ไปถล่มป้อมปราการแห่งราชอาณาจักรเฮโมโดรตุส กำแพงเมืองคอนสแตนติโนเปิลที่ทุกคนต่างกล่าวขาน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่