สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องที่อยากจะถามและฟังความคิดเห็นหลายๆมุมและหลายๆช่วงอายุค่ะ ว่าแต่ละท่านมีความคิดเห็นอย่างไร และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำค่ะ
ส่วนแรกเราจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่จำได้นะคะ
1. ขอเกริ่นว่าเราเป็นนักศึกษาฝึกงานค่ะ สถานที่ที่เราฝึกเต็มไปด้วยรุ่นพี่ที่มีวุฒิภาวะค่ะ ทุกคนใจดีค่ะ ช่วงแรกเราแฮปปี้มากที่ได้ฝึกที่นี่ (เราไม่ขอลงรายละเอียดเกี่ยวกับหน้าที่ฝึกงานนะคะ)
2.เราค่อนข้างโก๊ะค่ะ ชอบทำตัวตลกๆให้ผู้ใหญ่หัวเราะเอ็นดู ชอบเล่นมุกตลกค่ะ เราเล่นกับทุกคนและก็รู้สึกแฮปปี้ค่ะที่เห็นทุกคนหัวเราะ
3.ตั้งแต่ฝึกงานมาเราอุ่นใจมากค่ะที่พี่ๆทุกคนคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาและแนะนำ ทำให้เรากล้าที่จะเข้าหาทุกคนค่ะ
4.ต่อมาเราจะพูดถึงพี่คนหนึ่งเราขอเรียกพี่คนนี้ว่า A นะคะ เรากับพี่Aไม่ค่อยสนิทกันค่ะแต่ต้องทำงานร่วมกันเราเลยอยากทำลายกำแพงความอึดอัดค่ะ โดยที่เราชอบถามคำถามตลกๆ หรือชอบทำอะไรขำๆเช่น เต้นท่าปลาไหลให้พี่เขาดู (อันนี้เราเต้นให้ทุกคนดูค่ะเพราะช่วงที่เป็นไวรัลเราเห็นท่ามันตลกดี) เป็นครั้งแรกค่ะที่พี่Aขำแรงมากแล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มชวนเราคุยมากขึ้นค่ะ
5.พอเวลาผ่านไปเราเริ่มรู้สึกไม่ดีกับพี่ A ค่ะ เพราะว่ารู้สึกว่าเขาเริ่มพูดจาสองแง่สองง่าม โดยมีครั้งหนึ่งพี่Aเห็นแผลที่เรารถล้ม พี่Aบอกกับเราว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองมีแผลเยอะสิเดี๋ยวก็หมดราคาหรอก ตอนนั้นเราอึ้งค่ะเรามีความคิดว่านี่มันยุคสมัยไหนแล้วพี่มาพูดแบบนี้ได้ไง
6.เหตุการณ์รถล้มผ่านไป ไม่กี่วันต่อมาเราไปทำงานแต่เช้าเจอพี่เขาหน้าตึกพอดี เลยได้เดินเข้าตึกไปด้วยกัน เราชอบพกโปรตีนมากินตอนเช้าเพราะกินข้าวไม่ทัน จังหวะที่เราเดินไปกับพี่Aเราก็เขย่าแก้วโปรตีนแต่แก้วหลุดมือ พี่Aเลยแซวว่า น้องเขินพี่หรอถือแก้วจนหลุดมือ เราได้ยินแต่ไม่อยากใส่ใจเลยหัวเราะเบาๆ พี่Aเลยกล่าวย้ำคำเดิมอยู่ 3 ครั้งจนเราอึดอัดแล้วขอเดินหนีไปก่อน
7.หลังจากที่เราพยายามปรับอารมณ์ความรู้สึกอัดได้เราก็ทำงานปกติค่ะ โดยมีช่วงใกล้เลิกงานบรรยากาศมันมืดแล้วเราถือไฟฉายในมือเราเลยแกล้งทุกคนโดยการทำผีหลอก พอพี่Aเดินเข้ามาเราเลยแกล้งเหมือนที่แกล้งทุกคน พี่Aหัวเราะแล้วเอามือมาขยี้หัวเรา
8. มีครั้งหนึ่งเราทำงานแล้วของมันหนักเราหาคนช่วยยกเลยไปเจอพี่A เราขอให้พี่Aช่วย พี่Aเลยพูดว่า เนี่ยกำลังรอเราให้เรียกไปช่วยอยู่เลย
9. แล้วก็มีอีกครั้งที่เราเปิดประตูเครื่องไม่ได้เราเลยขอพี่Aมาทำให้ เพราะว่าวันนั้นมีพี่A คนเดียวที่ยังไม่กลับบ้าน พอพี่A มาช่วยประตูมันก็ยังเปิดไม่ออกจนเราไปเจอว่าเราผิดเองที่ลืมปลดสลักเราเลยไปปลด พี่Aเลยขำและขยี้หัวเราอีก
10. เหตุการณ์ล่าสุดคือเราจะลางานเนื่องจากมีธุระ พี่Aเค้าเลยถามเราว่าจะไปไหน นานไหม รีบกลับมานะเป็นคนสำคัญไม่อยู่ได้ไง (ปล.ประเด็นคำว่าคนสำคัญคือเราเข้าใจว่าเราทำโปรเจคนี้เราดูแลเป็นงานหลักของเราพี่Aเลยพูดแบบนี้)
11. แต่ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เล่ามารวมถึงประเด็นคนพูดเล็กๆที่เราไม่ได้เล่า มันสะสมมาจนเรารู้สึกอึดอัดกับพี่A เราเคารพพี่เขาเป็นผู้ใหญ่เหมือนลุงเหมือนพ่อ แต่ด้วยพักหลังมาเค้าชอบเข้ามาใกล้แล้วใช้คำพูดสองแง่สองง่าม ชอบเรียกเราว่าสาวๆ เราเลยเริ่มตีตัวออกห่างและเริ่มเก็บสีหน้าไม่อยู่เพราะขยะแขยงในคำพูดของพี่เขา
ค่ะส่วนด้านบนจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ ต่อมาเราอยากจะอธิบายความรู้สึกที่เราพยายามจะช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้ค่ะ
1.เราไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับใครเลยค่ะแม้แต่ครอบครัวหรือเพื่อน เราไม่กล้าค่ะเพราะตอนมัธยมมันเคยเกิดเหตุการณ์ที่มีครูผู้ชายเข้ามากอดเราจนเราเครียดบอกแม่ แม่เลยไปบอกครูแต่ครูประจำชั้นกลับบอกเราว่า เธอคิดมากไปเองเธอไม่สวยเค้าทำเพราะเอ็นดูเค้าไม่ได้พิศวาสเธอหรอก แม่โกรธมากเลยพาเราย้ายโรงเรียน ทำให้หลังจากนั้นเราไม่กล้าปรึกษาเรื่องอะไรแบบนี้กับใครเพราะไม่อยากได้ยินคำว่าคิดมาก/คิดไปเองจากคนรอบตัว
2.เพราะคำพูดที่ว่า เธอคิดไปเองมันฝังใจเราเลยพยายามคิดว่าพี่Aเขาเอ็นดูเราเพราะเราเป็นเด็ก ที่เขาขยี้หัวเพราะเอ็นดูเรา แต่พอเราพยายามบอกตัวเองแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกจะอ้วกค่ะ เหมือนมันฝืนความรู้สึกตัวเอง
3.บอกตามตรงเลยว่าเราคิดค่ะว่าเขาพยายามเข้าหา เพราะมันชัดเจนในความรู้สึกค่ะ ตั้งแต่ที่เริ่มฝึกงานพี่เขาปกติค่ะไม่เข้าใกล้และปฏิบัติกับเราเหมือนเพื่อนฝึกงานคนอื่น แต่พักหลังที่เราเริ่มรู้สึกอึดอัด เรารู้สึกว่าการกระทำมันชัดเจนค่ะพี่เขาพยายามถามนั่นนี่ซึ่งล่าสุดจะขอไปส่งที่หอในขณะที่เขายังทำตัวกับเพื่อนคนอื่นปกติเหมือนช่วงเริ่มฝึกงาน
4.ปัจจุบันเวลาเราเจอหน้าพี่Aเราจะหลบหรือไปหาอย่างอื่นทำไกลๆ เวลาพี่Aเข้ามาคุยด้วยเราจะรู้สึกอยากอ้วกทันที
5.ตอนนี้เรารู้สึกว่าเรากำลังเข้าข้างตัวเองและหลงตัวเองเพราะความคิดพวกนั้น บางทีพี่Aอาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่เป็นเราที่คิดมากและอึดอัดไปเอง
ปล.ที่เราบอกว่าเราชอบเล่นมุกตลก เราเล่นเป็นเวลาค่ะ เรารู้ทุกอย่างก่อนจะทำอะไร ยกเว้นตอนเล่นไฟฉายตอนนั้นงานมันใกล้เสร็จแล้วค่ะเราเลยเล่น
ปล.พี่เขาอายุ 40+ เรา 21ค่ะ พี่เขามีภรรยาและลูกแล้วค่ะ
ส่วนของคำถาม
1.เราอยากทราบในมุมมองของคนนอกที่มีต่อเหตุการณ์ข้างต้นค่ะ
2.ในส่วนของการกระทำเราอยากถามพี่ๆที่อายุมากกว่าเราค่ะ ว่าการกระทำเหล่านั้นทำเพราะรู้สึกอย่างไร เป็นพวกพี่ๆจะทำไหมคะ หรือมีใครเคยทำ
3.เรามีความทุกข์ใจไม่อยากไปทำงาน อยากได้คำแนะนำว่าควรปรึกษาจิตแพทย์ไหมคะ หากควรเราควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี
ใช้เวลากว่าสัปดาห์ค่ะที่เราตัดสินใจว่าจะพิมพ์ลงในนี้ดีไหม เราค่อนข้างกลัวคำพูดที่รุนแรงค่ะ แต่อย่างน้อยก็เหมือนได้ระบายความอึดอัดที่มีอยู่ตอนนี้และอาจจะได้ฟังความคิดเห็นมุมมอง และคำแนะนำที่หลากหลาย และต่อให้ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่ใช้คำพูดรุนแรงทำร้ายจิตใจอย่างน้อยก็มาจากคนที่ไม่รู้จักค่ะ ซึ่งเราจะไม่ถามว่าควรทำอย่างไรดีเพราะว่าเราใกล้จะฝึกจบแล้ว ตอนนี้มันไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยมันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกอึดอัดและสับสน
สุดท้ายนี้เรากำลังพยายามปรับปรุงตัวเองค่ะ เพราะอายุ21แล้วก็ไม่เด็กแล้วควรวางตัวใหม่ให้พร้อมเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงานค่ะ
รู้สึกไม่ชอบพี่ในที่ทำงาน เขาเป็นแบบที่เราคิดจริงไหม?
ส่วนแรกเราจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่จำได้นะคะ
1. ขอเกริ่นว่าเราเป็นนักศึกษาฝึกงานค่ะ สถานที่ที่เราฝึกเต็มไปด้วยรุ่นพี่ที่มีวุฒิภาวะค่ะ ทุกคนใจดีค่ะ ช่วงแรกเราแฮปปี้มากที่ได้ฝึกที่นี่ (เราไม่ขอลงรายละเอียดเกี่ยวกับหน้าที่ฝึกงานนะคะ)
2.เราค่อนข้างโก๊ะค่ะ ชอบทำตัวตลกๆให้ผู้ใหญ่หัวเราะเอ็นดู ชอบเล่นมุกตลกค่ะ เราเล่นกับทุกคนและก็รู้สึกแฮปปี้ค่ะที่เห็นทุกคนหัวเราะ
3.ตั้งแต่ฝึกงานมาเราอุ่นใจมากค่ะที่พี่ๆทุกคนคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาและแนะนำ ทำให้เรากล้าที่จะเข้าหาทุกคนค่ะ
4.ต่อมาเราจะพูดถึงพี่คนหนึ่งเราขอเรียกพี่คนนี้ว่า A นะคะ เรากับพี่Aไม่ค่อยสนิทกันค่ะแต่ต้องทำงานร่วมกันเราเลยอยากทำลายกำแพงความอึดอัดค่ะ โดยที่เราชอบถามคำถามตลกๆ หรือชอบทำอะไรขำๆเช่น เต้นท่าปลาไหลให้พี่เขาดู (อันนี้เราเต้นให้ทุกคนดูค่ะเพราะช่วงที่เป็นไวรัลเราเห็นท่ามันตลกดี) เป็นครั้งแรกค่ะที่พี่Aขำแรงมากแล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มชวนเราคุยมากขึ้นค่ะ
5.พอเวลาผ่านไปเราเริ่มรู้สึกไม่ดีกับพี่ A ค่ะ เพราะว่ารู้สึกว่าเขาเริ่มพูดจาสองแง่สองง่าม โดยมีครั้งหนึ่งพี่Aเห็นแผลที่เรารถล้ม พี่Aบอกกับเราว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองมีแผลเยอะสิเดี๋ยวก็หมดราคาหรอก ตอนนั้นเราอึ้งค่ะเรามีความคิดว่านี่มันยุคสมัยไหนแล้วพี่มาพูดแบบนี้ได้ไง
6.เหตุการณ์รถล้มผ่านไป ไม่กี่วันต่อมาเราไปทำงานแต่เช้าเจอพี่เขาหน้าตึกพอดี เลยได้เดินเข้าตึกไปด้วยกัน เราชอบพกโปรตีนมากินตอนเช้าเพราะกินข้าวไม่ทัน จังหวะที่เราเดินไปกับพี่Aเราก็เขย่าแก้วโปรตีนแต่แก้วหลุดมือ พี่Aเลยแซวว่า น้องเขินพี่หรอถือแก้วจนหลุดมือ เราได้ยินแต่ไม่อยากใส่ใจเลยหัวเราะเบาๆ พี่Aเลยกล่าวย้ำคำเดิมอยู่ 3 ครั้งจนเราอึดอัดแล้วขอเดินหนีไปก่อน
7.หลังจากที่เราพยายามปรับอารมณ์ความรู้สึกอัดได้เราก็ทำงานปกติค่ะ โดยมีช่วงใกล้เลิกงานบรรยากาศมันมืดแล้วเราถือไฟฉายในมือเราเลยแกล้งทุกคนโดยการทำผีหลอก พอพี่Aเดินเข้ามาเราเลยแกล้งเหมือนที่แกล้งทุกคน พี่Aหัวเราะแล้วเอามือมาขยี้หัวเรา
8. มีครั้งหนึ่งเราทำงานแล้วของมันหนักเราหาคนช่วยยกเลยไปเจอพี่A เราขอให้พี่Aช่วย พี่Aเลยพูดว่า เนี่ยกำลังรอเราให้เรียกไปช่วยอยู่เลย
9. แล้วก็มีอีกครั้งที่เราเปิดประตูเครื่องไม่ได้เราเลยขอพี่Aมาทำให้ เพราะว่าวันนั้นมีพี่A คนเดียวที่ยังไม่กลับบ้าน พอพี่A มาช่วยประตูมันก็ยังเปิดไม่ออกจนเราไปเจอว่าเราผิดเองที่ลืมปลดสลักเราเลยไปปลด พี่Aเลยขำและขยี้หัวเราอีก
10. เหตุการณ์ล่าสุดคือเราจะลางานเนื่องจากมีธุระ พี่Aเค้าเลยถามเราว่าจะไปไหน นานไหม รีบกลับมานะเป็นคนสำคัญไม่อยู่ได้ไง (ปล.ประเด็นคำว่าคนสำคัญคือเราเข้าใจว่าเราทำโปรเจคนี้เราดูแลเป็นงานหลักของเราพี่Aเลยพูดแบบนี้)
11. แต่ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เล่ามารวมถึงประเด็นคนพูดเล็กๆที่เราไม่ได้เล่า มันสะสมมาจนเรารู้สึกอึดอัดกับพี่A เราเคารพพี่เขาเป็นผู้ใหญ่เหมือนลุงเหมือนพ่อ แต่ด้วยพักหลังมาเค้าชอบเข้ามาใกล้แล้วใช้คำพูดสองแง่สองง่าม ชอบเรียกเราว่าสาวๆ เราเลยเริ่มตีตัวออกห่างและเริ่มเก็บสีหน้าไม่อยู่เพราะขยะแขยงในคำพูดของพี่เขา
ค่ะส่วนด้านบนจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ ต่อมาเราอยากจะอธิบายความรู้สึกที่เราพยายามจะช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้ค่ะ
1.เราไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับใครเลยค่ะแม้แต่ครอบครัวหรือเพื่อน เราไม่กล้าค่ะเพราะตอนมัธยมมันเคยเกิดเหตุการณ์ที่มีครูผู้ชายเข้ามากอดเราจนเราเครียดบอกแม่ แม่เลยไปบอกครูแต่ครูประจำชั้นกลับบอกเราว่า เธอคิดมากไปเองเธอไม่สวยเค้าทำเพราะเอ็นดูเค้าไม่ได้พิศวาสเธอหรอก แม่โกรธมากเลยพาเราย้ายโรงเรียน ทำให้หลังจากนั้นเราไม่กล้าปรึกษาเรื่องอะไรแบบนี้กับใครเพราะไม่อยากได้ยินคำว่าคิดมาก/คิดไปเองจากคนรอบตัว
2.เพราะคำพูดที่ว่า เธอคิดไปเองมันฝังใจเราเลยพยายามคิดว่าพี่Aเขาเอ็นดูเราเพราะเราเป็นเด็ก ที่เขาขยี้หัวเพราะเอ็นดูเรา แต่พอเราพยายามบอกตัวเองแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกจะอ้วกค่ะ เหมือนมันฝืนความรู้สึกตัวเอง
3.บอกตามตรงเลยว่าเราคิดค่ะว่าเขาพยายามเข้าหา เพราะมันชัดเจนในความรู้สึกค่ะ ตั้งแต่ที่เริ่มฝึกงานพี่เขาปกติค่ะไม่เข้าใกล้และปฏิบัติกับเราเหมือนเพื่อนฝึกงานคนอื่น แต่พักหลังที่เราเริ่มรู้สึกอึดอัด เรารู้สึกว่าการกระทำมันชัดเจนค่ะพี่เขาพยายามถามนั่นนี่ซึ่งล่าสุดจะขอไปส่งที่หอในขณะที่เขายังทำตัวกับเพื่อนคนอื่นปกติเหมือนช่วงเริ่มฝึกงาน
4.ปัจจุบันเวลาเราเจอหน้าพี่Aเราจะหลบหรือไปหาอย่างอื่นทำไกลๆ เวลาพี่Aเข้ามาคุยด้วยเราจะรู้สึกอยากอ้วกทันที
5.ตอนนี้เรารู้สึกว่าเรากำลังเข้าข้างตัวเองและหลงตัวเองเพราะความคิดพวกนั้น บางทีพี่Aอาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่เป็นเราที่คิดมากและอึดอัดไปเอง
ปล.ที่เราบอกว่าเราชอบเล่นมุกตลก เราเล่นเป็นเวลาค่ะ เรารู้ทุกอย่างก่อนจะทำอะไร ยกเว้นตอนเล่นไฟฉายตอนนั้นงานมันใกล้เสร็จแล้วค่ะเราเลยเล่น
ปล.พี่เขาอายุ 40+ เรา 21ค่ะ พี่เขามีภรรยาและลูกแล้วค่ะ
ส่วนของคำถาม
1.เราอยากทราบในมุมมองของคนนอกที่มีต่อเหตุการณ์ข้างต้นค่ะ
2.ในส่วนของการกระทำเราอยากถามพี่ๆที่อายุมากกว่าเราค่ะ ว่าการกระทำเหล่านั้นทำเพราะรู้สึกอย่างไร เป็นพวกพี่ๆจะทำไหมคะ หรือมีใครเคยทำ
3.เรามีความทุกข์ใจไม่อยากไปทำงาน อยากได้คำแนะนำว่าควรปรึกษาจิตแพทย์ไหมคะ หากควรเราควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี
ใช้เวลากว่าสัปดาห์ค่ะที่เราตัดสินใจว่าจะพิมพ์ลงในนี้ดีไหม เราค่อนข้างกลัวคำพูดที่รุนแรงค่ะ แต่อย่างน้อยก็เหมือนได้ระบายความอึดอัดที่มีอยู่ตอนนี้และอาจจะได้ฟังความคิดเห็นมุมมอง และคำแนะนำที่หลากหลาย และต่อให้ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่ใช้คำพูดรุนแรงทำร้ายจิตใจอย่างน้อยก็มาจากคนที่ไม่รู้จักค่ะ ซึ่งเราจะไม่ถามว่าควรทำอย่างไรดีเพราะว่าเราใกล้จะฝึกจบแล้ว ตอนนี้มันไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยมันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกอึดอัดและสับสน
สุดท้ายนี้เรากำลังพยายามปรับปรุงตัวเองค่ะ เพราะอายุ21แล้วก็ไม่เด็กแล้วควรวางตัวใหม่ให้พร้อมเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงานค่ะ