ขอเล่าก่อนนะคะเรากับแฟนเกิดมาในสภาพแวดล้อมครอบครัวไม่เหมือนกันกับเราค่ะ ทางบ้านของเขาคุณพ่อกับคุณแม่หย่ากัน พอเขาฝึกงานตอนปวช.2คุณพ่อก็ไม่ส่งเงินเรียนให้อีกเลย ส่วนคุณแม่เขาสุขภาพไม่แข็งแรงมีหลายโรคทำให้ทำงานส่งลูกเรียนไม่ไหวและอาการอาจกำเริบได้ทำงานหนัก แต่คุณแม่ก็ช่วยอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วยอมขายรถขายทอง มีเงินเก็บก้อนนึงใช้ตอนจำเป็นให้อยู่แต่แฟนเราต้องดิ้นรนเอาเองก่อน ต้องส่งตัวเองเรียนทำงานวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จันทร์-ศุกร์ไปเรียน เดือนไหนช็อตมากก็ทำหลังเลิกเรียน ทั้งเดือนมีเงินกินใช้อยู่2-3พัน
ส่วนทางบ้านเราต่างกันลิบลับพ่อแม่อยู่ด้วยกันดีมีทะเลาะกันหนักบ้างแต่ก็ยังคงอยู่ด้วยกันช่วยกันเลี้ยงลูก แม่เป็นเสาหลักของบ้านมาเงินเลี้ยงคนทั้งครอบครัวให้อยู่กินสบาย เราสบายมากค่ะไปเรียนก็มีคุณพ่อไปส่งมีเงินค่าขนมจากคุณแม่จนเรียนจบปวช.3 เวลาเราไปเที่ยวไปกินข้าวนอกบ้านกับแฟนแล้วเงินไม่พอเราก็จะโทรไปขอแม่เป็นปกติ100-300 แฟนเราก็ชอบบอกสงสารแม่เราจังแรกๆเราก็ขำๆไปแต่พอหลังๆมามันก็เริ่มบ่อยขึ้นเริ่มบอกเราฟุ่มเฟือยบ้างใช้เงินเก่งบ้างจนเราเริ่มรู้สึกอัดอัดแล้วก็เริ่มรู้สึกผิดกับแม่ แต่แม่เราบอกตลอดว่าอยากให้ลูกได้กินได้ใช้แบบไม่อดไม่อยากได้ไปเที่ยวในช่วงวัยรุ่นแต่ก็อยากให้ช่วยกันประหยัด เราไม่เคยไปซื้อของแบรนด์เนมหรืออะไรเกินตัวเลยแค่ต้องการเงินกินข้าวเพราะอาหารที่ห้างก็สูงเป็นปกติ อาจมีช้อปปิ้งออนไลน์บ้างอาทิตย์ละ1-2ครั้งเสื้อผ้า2-3ร้อย พอตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีคุณแม่ทำงานได้กำไรน้อยลงกว่าทุกๆปีจนแทบไม่พอใช้สำหรับครอบครัว เราจึงตัดสินใจหารายได้เองโดยเปิดร้านอาหารเดริเวอรี่ช่วยเพื่อจะได้แบ่งเบาค่าใช้จ่ายในส่วนของเราซึ่งแม่ก็ยินดีมากและลงทุนเงินให้ไปเปิดร้านของตัวเอง ซึ่งเราเคยทำฟรีแลนซ์รับวาดภาพมาก่อนกำไรดีมากแต่เราเริ่มเบื่อหมดไฟไม่มีความสุขกับจุดนั้นเลยหันมาลองประสบการณ์อื่นแทนบ้าง เดือนแรกเราขายได้4-5พันก็เอาไปกินเที่ยวใช้ปกติ พอร้านเข้าเดือนที่2วันแรกๆขายดีมากเราคำนวณและหักต้นทุนวัตถุดิบที่ต้องเตรียมไว้ทั้งหมดแล้วเห็นว่ามีกำไรเหลือสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวเราเลยไปสั่งอาหารมากินเป็นปกติ และเรามีแพลนไปทะเลกับแฟนเราจึงเช่าชุดในไอจีมาเกือบ400บาท เพราะไม่มีงบซื้อชุดราคาเต็ม(2พันบาท) เราชอบชุดนี้มากและอยากอวดแฟนเพียวเพราะหวังคำชมว่า"เราใส่ต้องสวยแน่"เลยไปแกล้งๆปรึกษาแฟนว่าแบบนี้มันคุ้มมั้ยดีกว่าซื้อราคาเต็มมั้ยพอเราเฉลยว่าเราเช่ามาใส่ราคาเท่านี้ใส่ได้กี่วัน แฟนเราก็โกรธขึ้นมาทันทีว่าฟุ่มเฟือยมากแล้วก็เริ่มขุดรายจ่ายก่อนๆที่เราใช้รวมถึงค่าอาหารด้วย จนเราแทบปรี๊ดว่าแม้กระทั่งเงินของเราเองทำไมเราไม่มีสิทธิ์ใช้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราคำนวณไว้แล้วก่อนจะนำมาช็อปปิ้งใช้ส่วนตัว และเคยทะเลาะกันครั้งนึงที่แฟนเหมือนจะเหยียดเราที่มีแม่เลี้ยงให้กินให้ใช้วันๆไม่ต้องทำอะไรแค่แบมือขอแม่ก็พอ คือเราพยายามเข้าใจเขามากที่สุดแล้วว่าเราเกิดมาสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน ที่เขาลำบากแต่เราสบาย เราพยายามไม่ถือสาเขาทุกรอบและมันก็อดอึดอัดใจไม่ได้ ทำไมเราถึงผิดที่พ่อแม่เลี้ยงให้เราสบายในสายตาเขา แล้วทำไมเราต้องพยายามไปลำบากกับเขาทั้งที่พ่อแม่อุส่าเลี้ยงเรามาเพื่อให้เราอยู่อย่างสบายที่สุด ในฐานะแฟนเขาเป็นแฟนที่ดีมากดูแลเราดีมากเอาใจใส่ไม่สนใจสาวอื่นไม่มีเรื่องนอกใจให้กังวลดูแลเราได้อยู่ด้วยแล้วสบายใจแต่ติดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย เราควรรับมือกับทัศนคตินี้ยังไงหรือควรพูดยังไงให้แฟนเรามีความคิดที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่านี้บ้างมั้ยคะ เรารักเขามากและเบื่อความรักที่จะต้องไปเริ่มต้นใหม่กับใครแล้ว
แฟนบอกว่าเราฟุ่มเฟือย
ส่วนทางบ้านเราต่างกันลิบลับพ่อแม่อยู่ด้วยกันดีมีทะเลาะกันหนักบ้างแต่ก็ยังคงอยู่ด้วยกันช่วยกันเลี้ยงลูก แม่เป็นเสาหลักของบ้านมาเงินเลี้ยงคนทั้งครอบครัวให้อยู่กินสบาย เราสบายมากค่ะไปเรียนก็มีคุณพ่อไปส่งมีเงินค่าขนมจากคุณแม่จนเรียนจบปวช.3 เวลาเราไปเที่ยวไปกินข้าวนอกบ้านกับแฟนแล้วเงินไม่พอเราก็จะโทรไปขอแม่เป็นปกติ100-300 แฟนเราก็ชอบบอกสงสารแม่เราจังแรกๆเราก็ขำๆไปแต่พอหลังๆมามันก็เริ่มบ่อยขึ้นเริ่มบอกเราฟุ่มเฟือยบ้างใช้เงินเก่งบ้างจนเราเริ่มรู้สึกอัดอัดแล้วก็เริ่มรู้สึกผิดกับแม่ แต่แม่เราบอกตลอดว่าอยากให้ลูกได้กินได้ใช้แบบไม่อดไม่อยากได้ไปเที่ยวในช่วงวัยรุ่นแต่ก็อยากให้ช่วยกันประหยัด เราไม่เคยไปซื้อของแบรนด์เนมหรืออะไรเกินตัวเลยแค่ต้องการเงินกินข้าวเพราะอาหารที่ห้างก็สูงเป็นปกติ อาจมีช้อปปิ้งออนไลน์บ้างอาทิตย์ละ1-2ครั้งเสื้อผ้า2-3ร้อย พอตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีคุณแม่ทำงานได้กำไรน้อยลงกว่าทุกๆปีจนแทบไม่พอใช้สำหรับครอบครัว เราจึงตัดสินใจหารายได้เองโดยเปิดร้านอาหารเดริเวอรี่ช่วยเพื่อจะได้แบ่งเบาค่าใช้จ่ายในส่วนของเราซึ่งแม่ก็ยินดีมากและลงทุนเงินให้ไปเปิดร้านของตัวเอง ซึ่งเราเคยทำฟรีแลนซ์รับวาดภาพมาก่อนกำไรดีมากแต่เราเริ่มเบื่อหมดไฟไม่มีความสุขกับจุดนั้นเลยหันมาลองประสบการณ์อื่นแทนบ้าง เดือนแรกเราขายได้4-5พันก็เอาไปกินเที่ยวใช้ปกติ พอร้านเข้าเดือนที่2วันแรกๆขายดีมากเราคำนวณและหักต้นทุนวัตถุดิบที่ต้องเตรียมไว้ทั้งหมดแล้วเห็นว่ามีกำไรเหลือสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวเราเลยไปสั่งอาหารมากินเป็นปกติ และเรามีแพลนไปทะเลกับแฟนเราจึงเช่าชุดในไอจีมาเกือบ400บาท เพราะไม่มีงบซื้อชุดราคาเต็ม(2พันบาท) เราชอบชุดนี้มากและอยากอวดแฟนเพียวเพราะหวังคำชมว่า"เราใส่ต้องสวยแน่"เลยไปแกล้งๆปรึกษาแฟนว่าแบบนี้มันคุ้มมั้ยดีกว่าซื้อราคาเต็มมั้ยพอเราเฉลยว่าเราเช่ามาใส่ราคาเท่านี้ใส่ได้กี่วัน แฟนเราก็โกรธขึ้นมาทันทีว่าฟุ่มเฟือยมากแล้วก็เริ่มขุดรายจ่ายก่อนๆที่เราใช้รวมถึงค่าอาหารด้วย จนเราแทบปรี๊ดว่าแม้กระทั่งเงินของเราเองทำไมเราไม่มีสิทธิ์ใช้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราคำนวณไว้แล้วก่อนจะนำมาช็อปปิ้งใช้ส่วนตัว และเคยทะเลาะกันครั้งนึงที่แฟนเหมือนจะเหยียดเราที่มีแม่เลี้ยงให้กินให้ใช้วันๆไม่ต้องทำอะไรแค่แบมือขอแม่ก็พอ คือเราพยายามเข้าใจเขามากที่สุดแล้วว่าเราเกิดมาสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน ที่เขาลำบากแต่เราสบาย เราพยายามไม่ถือสาเขาทุกรอบและมันก็อดอึดอัดใจไม่ได้ ทำไมเราถึงผิดที่พ่อแม่เลี้ยงให้เราสบายในสายตาเขา แล้วทำไมเราต้องพยายามไปลำบากกับเขาทั้งที่พ่อแม่อุส่าเลี้ยงเรามาเพื่อให้เราอยู่อย่างสบายที่สุด ในฐานะแฟนเขาเป็นแฟนที่ดีมากดูแลเราดีมากเอาใจใส่ไม่สนใจสาวอื่นไม่มีเรื่องนอกใจให้กังวลดูแลเราได้อยู่ด้วยแล้วสบายใจแต่ติดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย เราควรรับมือกับทัศนคตินี้ยังไงหรือควรพูดยังไงให้แฟนเรามีความคิดที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่านี้บ้างมั้ยคะ เรารักเขามากและเบื่อความรักที่จะต้องไปเริ่มต้นใหม่กับใครแล้ว