ยูเอ็น ห่วงคดีตากใบ ขาดอายุความ ทำ 2 ทศวรรษสูญเปล่า เอาตัวคนผิดมาลงโทษ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4864035
ประเทศไทย: “อายุความของคดีต้องไม่ปฏิเสธความยุติธรรมที่มีต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต 85 รายจากกรณีตากใบ” กลุ่มผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นกล่าว
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 นครเจนีวา – กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า มีความกังวลใจอย่างมากว่า การขาดอายุความของกรณีตากใบซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 รายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของไทยเมื่อปี 2547 นั้น จะทำให้ความพยายามเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษสูญเปล่า
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2547 หลังจากการเจรจาล้มเหลว หน่วยงานความมั่นคงได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่หน้าสถานีตำรวจตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมารวมตัวกันหลังจากมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยหกคนซึ่งถูกกล่าวหาว่า จัดหาอาวุธให้กับผู้ก่อความไม่สงบ มีรายงานว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนเจ็ดราย และมีการจับกุมตัวผู้ชุมนุม 1,370 คน จนนำไปสู่การให้ผู้ชุมนุมนอนซ้อนทับกันในรถบรรทุกเป็นเวลาห้าชั่วโมงเพื่อเดินทางไปยังค่ายทหาร ซึ่งถือเป็นกระทำทารุณกรรม และทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกจำนวน 78 คนในเวลาต่อมา ซึ่งล้วนเป็นชาวมุสลิมมาเลซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนา
“
เรายินดีที่ในที่สุดก็มีการดำเนินคดีอาญาสองคดีจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีการออกหมายจับข้าราชการทั้งปัจจุบันและเกษียณอายุราชการแล้วที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เรามีความกังวลอย่างยิ่งว่าหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อจากนี้ คดีความดังกล่าวจะจบลงเมื่ออายุความของคดีขาดไปในวันที่ 25 ตุลาคม 2567” กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าว
“
เราอยากย้ำเตือนว่า หน้าที่ในการสอบสวน กำหนดบทลงโทษ และให้การเยียวยาแก้ผู้เสียหายจากคดีดังกล่าวนั้น มิอาจยุติลงเพียงเพราะเวลาผ่านพ้นไป และความล้มเหลวของการสอบสวนและนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนี้นั้น เป็นการละเมิดพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศบัญญัติมิให้มีการกำหนดอายุความต่อการทรมาน และการกระทำทารุณกรรมอื่นๆ และหากมีการกระทำให้บุคคลสูญหาย อายุความจะเริ่มนับได้หลังจากที่ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว นั่นหมายถึงมีการระบุชะตากรรมและถิ่นที่อยู่ของผู้สูญหายได้อย่างแน่ชัดแล้ว”
“
ครอบครัวของผู้เสียหายต่างรอคอยเป็นเวลาเกือบสองทศวรรษเพื่อความยุติธรรม เราเรียกร้องให้รัฐบาลกระทำการอย่างเร่งด่วนเพื่อมิให้เกิดความล่าช้าของการรับผิดรับชอบอีกต่อไป และเพื่อให้สิทธิการรับรู้ความจริง ความยุติธรรม และการเยียวยาได้รับการเคารพ” ผู้เชี่ยวชาญยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนชะตากรรมและถิ่นที่อยู่ของผู้สูญหายเจ็ดคนจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ส่งหนังสือแสดงความห่วงกังวลต่อกรณีดังกล่าวไปยังรัฐบาลไทย
ชัยธวัช ผิดหวัง สภาคว่ำข้อสังเกตนิรโทษกรรม สะท้อนรัฐบาลขาดเอกภาพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4863808
‘ชัยธวัช’ ผิดหวังสภาฯ ตีตกข้อสังเกต กมธ.นิรโทษกรรม สะท้อนรบ.ขาดเอกภาพ ชี้แข่งกันแสดงความจงรักภักดีล้นเกินไม่เป็นผลดี
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม นำโดย นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ นาย
ชัยธวัช ตุลาธน ในฐานะกรรมาธิการฯ และ น.ส.
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ แถลงภายหลังที่ประชุมสภาฯ มีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมการธิการฯ
นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้จะเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าพรรคร่วมรัฐบาลเองไม่มีเอกภาพในเรื่องการนิรโทษกรรม ซึ่งเมื่อช่วงเช้าของวันนี้พรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะมีมติให้เห็นชอบกับข้อสังเกต แต่สุดท้ายเมื่อผลโหวตออกมา เสียงที่เห็นชอบจำนวน 140 กว่าเสียง น่าจะมาจากพรรคฝ่ายค้านเกือบทั้งหมด เท่ากับว่าสภาฯ จะไม่ส่งข้อสังเกตในรายงานไปให้รัฐบาล ซึ่งข้อเสนอหลายเรื่องมีความสำคัญ สามารถนำไปใช้ในร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของรัฐบาลเองได้
ซึ่งผลจากมติวันนี้ ในทางการเมืองสะท้อนว่ามีความไม่แน่นอนอย่างสูง ว่ารัฐบาลนี้จะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองฉบับของรัฐบาลก่อนการเปิดสมัยประชุมหน้าเองหรือไม่ รวมถึงอาจจะไม่มีมาตรการใดๆ มาคลี่คลายปัญหาความรุนแรงของคดีทางการเมืองในปัจจุบัน และอนาคต อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะกรรมาธิการฯ รวมถึง ส.ส.พรรคประชาชนก็ยังหวังจะเห็นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเสนอเข้าสู่สภาฯ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะจากรัฐบาลเองหรือจากพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่าสาเหตุของการลงมติไม่เห็นชอบในครั้งนี้ มาจากการนิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า สาเหตุหลักไม่ได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้น เพราะรายงานไม่ได้เป็นการผูกมัดว่าคณะรัฐมนตรีต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบใด เพียงแต่เป็นข้อสังเกตให้รับไปพิจารณา ซึ่งมีหลายทางเลือก ส่วนตัวมองว่าสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาเอกภาพภายในคณะรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนว่ามีแนวโน้มที่รัฐบาลจะไม่มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาลยื่นเข้ามา โดยเมื่อไม่กี่วันก่อนนายกฯ ก็พูดในทำนองว่า เรื่องนิรโทษกรรมให้เป็นเรื่องของสภาฯ
“
ผมคิดว่ามีนักการเมืองจำนวนหนึ่ง หากอ้างคำพูดของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ว่าแข่งกันแสดงความจงรักภักดี ผมขอเติมไปด้วยว่าแข่งกันแสดงความจงรักภักดีแบบล้นเกินในทางที่ผิด ผมอยากให้นักการเมืองรวมถึงประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่จงรักภักดี และปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ลองพิจารณาอีกมุมหนึ่งว่าควรใช้โอกาสในการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งรวมมาตรา 112 เข้ามาด้วย แต่จะเป็นแบบมีเงื่อนไขหรือไม่อย่างไร ก็แล้วแต่ จะเป็นโอกาสคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา” นาย
ชัยธวัช กล่าว
ด้านนาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าไล่เรียงกันชัด ๆ การเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ นี้ขึ้นมา ก็เป็นญัตติของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเอง ทั้ง ๆ ที่อดีตพรรคก้าวไกลในเวลานั้น มีความเห็นว่าการนิรโทษกรรมสามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องศึกษาแนวทางด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเป็นแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการศึกษาก่อน สุดท้ายพวกเราก็เข้าร่วม ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในปัญหาว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้จะเอาอย่างไรต่อการนิรโทษกรรม เพราะรัฐบาลเคยพูดว่าต้องการแก้ไขปัญหาจากนิติสงครามรูปแบบต่าง ๆ แต่ตกลงแล้วสถานะของคำพูดที่เคยพูดเอาไว้จะเป็นอย่างไร เพราะความเชื่อมั่นของประชาชนจะเหลือน้อย เราเองในฐานะพรรคประชาชนยังยืนยันจะเดินหน้าผลักดันให้เกิดการนิรโทษกรรม เพื่อเป็นทางออกไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพราะตอนนี้ก็มีร่างที่นายชัยธวัชเคยได้เสนอไว้
เช็กเสียงโหวต ข้อสังเกตรายงานนิรโทษ ‘ขัตติยา’ เจ้าของญัตติงดออกเสียง พท.ไม่เห็นด้วย 115
https://www.matichon.co.th/politics/news_4863857
เปิดผลลงมติข้อสังเกตรายงานนิรโทษ พบ ‘เพื่อไทย’ ไม่เห็นด้วย 115 เสียง ด้าน ‘ก๊วนเสื้อแดง’ โหวตเห็นชอบ ขณะที่ ‘เดียร์ ขัตติยา’ เจ้าของญัตติงดออกเสียง
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าผลการลงมติข้อสังเกตในรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ปรากฏว่า มีเสียงเห็นด้วย 152 ไม่เห็นด้วย 270 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ซึ่งเป็นเสียงของ นาย
ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2
สำหรับในฝั่งที่ เห็นด้วยกับข้อสังเกต แบ่งเป็นเสียงของพรรคประชาชน (ปชน.) 138 คน ไม่อยู่ 7 คน นอกจากนั้นยังมี นาย
ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า, นาย
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม (ปธ.) และสุดท้ายคือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) 11 คน อาทิ นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นาย
ชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงยังมีอดีตก๊วนเสื้อแดงเก่า เช่น นาย
สุธรรม แสงประทุม, นาย
อดิศร เพียงเกษ, นาย
ก่อแก้ว พิกุลทอง, นพ.
เชิดชัย ตันติศิรินทร์ เป็นต้น
ส่วน น.ส.
ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลูกสาวพล.อ.
ขัตติยะ สวัสดิผล และเจ้าของญัตติ กลับโหวต งดออกเสียง
เป็นที่สังเกตว่า ก่อนการลงมติในช่วงเย็น พรรค พท.มีการประชุม ส.ส.และมีมติว่าจะ “
เห็นด้วย” กับข้อสังเกตรายงาน แต่ปรากฏว่าเมื่อลงมติจริงกลับโหวตในลักษณะ “
ฟรีโหวต” โดยส่วนใหญ่โหวตไม่เห็นด้วย 115 เห็นด้วย 11 งดออกเสียง 4 ไม่อยู่ 12 คน
สำหรับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ยังคงลงมติเช่นเดิม แบ่งออกเป็น กลุ่มงูเห่า 3 คน และกลุ่มที่ยังคงอยู่กับพรรคอีก 3 คน รอบนี้กลับไม่ปรากฏว่าลงมติใดๆ
ส่วนในฝั่ง ไม่เห็นด้วย นั้น เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่โหวตไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น 65 คน ไม่อยู่ 4 คน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่เห็นด้วย 26 คน สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ยังคงไม่ปรากฏว่าลงมติใดๆ รวมถึงยังมีกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพปชร. 13 คน ทั้งนี้ พรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นพรรคในเครือข่ายของ ร.อ.ธรรมนัส ที่มี ส.ส. 3 คน ลงมติไม่เห็นด้วยทั้งหมด
ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โหวตไปในทิศทางเดียวกัน ไม่อยู่ 9 คน นอกจากนี้ ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โหวตไม่เห็นด้วย 13 คน ไม่อยู่ 12 คน พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ไม่เห็นด้วย 5 คน ไม่อยู่ 5 คน พรรคประชาชาติ (ปช.) ไม่เห็นด้วย 6 คน งดออกเสียง 1 คน ไม่อยู่ 2 คน ขณะที่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) 3 เสียง ก็ลงมติไม่เห็นด้วยเช่นกัน
JJNY : ยูเอ็นห่วงคดีตากใบ│ชัยธวัชผิดหวังสภาคว่ำข้อสังเกต│เช็กเสียงโหวต ข้อสังเกตรายงานนิรโทษ│กทม.อ่วม! ค่าฝุ่น PM2.5
https://www.matichon.co.th/politics/news_4864035
ประเทศไทย: “อายุความของคดีต้องไม่ปฏิเสธความยุติธรรมที่มีต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต 85 รายจากกรณีตากใบ” กลุ่มผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นกล่าว
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 นครเจนีวา – กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า มีความกังวลใจอย่างมากว่า การขาดอายุความของกรณีตากใบซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 รายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของไทยเมื่อปี 2547 นั้น จะทำให้ความพยายามเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษสูญเปล่า
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2547 หลังจากการเจรจาล้มเหลว หน่วยงานความมั่นคงได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่หน้าสถานีตำรวจตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมารวมตัวกันหลังจากมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยหกคนซึ่งถูกกล่าวหาว่า จัดหาอาวุธให้กับผู้ก่อความไม่สงบ มีรายงานว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนเจ็ดราย และมีการจับกุมตัวผู้ชุมนุม 1,370 คน จนนำไปสู่การให้ผู้ชุมนุมนอนซ้อนทับกันในรถบรรทุกเป็นเวลาห้าชั่วโมงเพื่อเดินทางไปยังค่ายทหาร ซึ่งถือเป็นกระทำทารุณกรรม และทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกจำนวน 78 คนในเวลาต่อมา ซึ่งล้วนเป็นชาวมุสลิมมาเลซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนา
“เรายินดีที่ในที่สุดก็มีการดำเนินคดีอาญาสองคดีจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีการออกหมายจับข้าราชการทั้งปัจจุบันและเกษียณอายุราชการแล้วที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เรามีความกังวลอย่างยิ่งว่าหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อจากนี้ คดีความดังกล่าวจะจบลงเมื่ออายุความของคดีขาดไปในวันที่ 25 ตุลาคม 2567” กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าว
“เราอยากย้ำเตือนว่า หน้าที่ในการสอบสวน กำหนดบทลงโทษ และให้การเยียวยาแก้ผู้เสียหายจากคดีดังกล่าวนั้น มิอาจยุติลงเพียงเพราะเวลาผ่านพ้นไป และความล้มเหลวของการสอบสวนและนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนี้นั้น เป็นการละเมิดพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศบัญญัติมิให้มีการกำหนดอายุความต่อการทรมาน และการกระทำทารุณกรรมอื่นๆ และหากมีการกระทำให้บุคคลสูญหาย อายุความจะเริ่มนับได้หลังจากที่ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว นั่นหมายถึงมีการระบุชะตากรรมและถิ่นที่อยู่ของผู้สูญหายได้อย่างแน่ชัดแล้ว”
“ครอบครัวของผู้เสียหายต่างรอคอยเป็นเวลาเกือบสองทศวรรษเพื่อความยุติธรรม เราเรียกร้องให้รัฐบาลกระทำการอย่างเร่งด่วนเพื่อมิให้เกิดความล่าช้าของการรับผิดรับชอบอีกต่อไป และเพื่อให้สิทธิการรับรู้ความจริง ความยุติธรรม และการเยียวยาได้รับการเคารพ” ผู้เชี่ยวชาญยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนชะตากรรมและถิ่นที่อยู่ของผู้สูญหายเจ็ดคนจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ส่งหนังสือแสดงความห่วงกังวลต่อกรณีดังกล่าวไปยังรัฐบาลไทย
ชัยธวัช ผิดหวัง สภาคว่ำข้อสังเกตนิรโทษกรรม สะท้อนรัฐบาลขาดเอกภาพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4863808
‘ชัยธวัช’ ผิดหวังสภาฯ ตีตกข้อสังเกต กมธ.นิรโทษกรรม สะท้อนรบ.ขาดเอกภาพ ชี้แข่งกันแสดงความจงรักภักดีล้นเกินไม่เป็นผลดี
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม นำโดย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ นายชัยธวัช ตุลาธน ในฐานะกรรมาธิการฯ และ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ แถลงภายหลังที่ประชุมสภาฯ มีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมการธิการฯ
นายชัยธวัช กล่าวว่า ค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้จะเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าพรรคร่วมรัฐบาลเองไม่มีเอกภาพในเรื่องการนิรโทษกรรม ซึ่งเมื่อช่วงเช้าของวันนี้พรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะมีมติให้เห็นชอบกับข้อสังเกต แต่สุดท้ายเมื่อผลโหวตออกมา เสียงที่เห็นชอบจำนวน 140 กว่าเสียง น่าจะมาจากพรรคฝ่ายค้านเกือบทั้งหมด เท่ากับว่าสภาฯ จะไม่ส่งข้อสังเกตในรายงานไปให้รัฐบาล ซึ่งข้อเสนอหลายเรื่องมีความสำคัญ สามารถนำไปใช้ในร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของรัฐบาลเองได้
ซึ่งผลจากมติวันนี้ ในทางการเมืองสะท้อนว่ามีความไม่แน่นอนอย่างสูง ว่ารัฐบาลนี้จะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองฉบับของรัฐบาลก่อนการเปิดสมัยประชุมหน้าเองหรือไม่ รวมถึงอาจจะไม่มีมาตรการใดๆ มาคลี่คลายปัญหาความรุนแรงของคดีทางการเมืองในปัจจุบัน และอนาคต อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะกรรมาธิการฯ รวมถึง ส.ส.พรรคประชาชนก็ยังหวังจะเห็นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเสนอเข้าสู่สภาฯ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะจากรัฐบาลเองหรือจากพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่าสาเหตุของการลงมติไม่เห็นชอบในครั้งนี้ มาจากการนิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า สาเหตุหลักไม่ได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้น เพราะรายงานไม่ได้เป็นการผูกมัดว่าคณะรัฐมนตรีต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบใด เพียงแต่เป็นข้อสังเกตให้รับไปพิจารณา ซึ่งมีหลายทางเลือก ส่วนตัวมองว่าสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาเอกภาพภายในคณะรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนว่ามีแนวโน้มที่รัฐบาลจะไม่มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของรัฐบาลยื่นเข้ามา โดยเมื่อไม่กี่วันก่อนนายกฯ ก็พูดในทำนองว่า เรื่องนิรโทษกรรมให้เป็นเรื่องของสภาฯ
“ผมคิดว่ามีนักการเมืองจำนวนหนึ่ง หากอ้างคำพูดของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ว่าแข่งกันแสดงความจงรักภักดี ผมขอเติมไปด้วยว่าแข่งกันแสดงความจงรักภักดีแบบล้นเกินในทางที่ผิด ผมอยากให้นักการเมืองรวมถึงประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่จงรักภักดี และปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ลองพิจารณาอีกมุมหนึ่งว่าควรใช้โอกาสในการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งรวมมาตรา 112 เข้ามาด้วย แต่จะเป็นแบบมีเงื่อนไขหรือไม่อย่างไร ก็แล้วแต่ จะเป็นโอกาสคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา” นายชัยธวัช กล่าว
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าไล่เรียงกันชัด ๆ การเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ นี้ขึ้นมา ก็เป็นญัตติของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเอง ทั้ง ๆ ที่อดีตพรรคก้าวไกลในเวลานั้น มีความเห็นว่าการนิรโทษกรรมสามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องศึกษาแนวทางด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเป็นแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการศึกษาก่อน สุดท้ายพวกเราก็เข้าร่วม ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในปัญหาว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้จะเอาอย่างไรต่อการนิรโทษกรรม เพราะรัฐบาลเคยพูดว่าต้องการแก้ไขปัญหาจากนิติสงครามรูปแบบต่าง ๆ แต่ตกลงแล้วสถานะของคำพูดที่เคยพูดเอาไว้จะเป็นอย่างไร เพราะความเชื่อมั่นของประชาชนจะเหลือน้อย เราเองในฐานะพรรคประชาชนยังยืนยันจะเดินหน้าผลักดันให้เกิดการนิรโทษกรรม เพื่อเป็นทางออกไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพราะตอนนี้ก็มีร่างที่นายชัยธวัชเคยได้เสนอไว้
เช็กเสียงโหวต ข้อสังเกตรายงานนิรโทษ ‘ขัตติยา’ เจ้าของญัตติงดออกเสียง พท.ไม่เห็นด้วย 115
https://www.matichon.co.th/politics/news_4863857
เปิดผลลงมติข้อสังเกตรายงานนิรโทษ พบ ‘เพื่อไทย’ ไม่เห็นด้วย 115 เสียง ด้าน ‘ก๊วนเสื้อแดง’ โหวตเห็นชอบ ขณะที่ ‘เดียร์ ขัตติยา’ เจ้าของญัตติงดออกเสียง
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าผลการลงมติข้อสังเกตในรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ปรากฏว่า มีเสียงเห็นด้วย 152 ไม่เห็นด้วย 270 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ซึ่งเป็นเสียงของ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2
สำหรับในฝั่งที่ เห็นด้วยกับข้อสังเกต แบ่งเป็นเสียงของพรรคประชาชน (ปชน.) 138 คน ไม่อยู่ 7 คน นอกจากนั้นยังมี นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า, นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม (ปธ.) และสุดท้ายคือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) 11 คน อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงยังมีอดีตก๊วนเสื้อแดงเก่า เช่น นายสุธรรม แสงประทุม, นายอดิศร เพียงเกษ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ เป็นต้น
ส่วน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลูกสาวพล.อ.ขัตติยะ สวัสดิผล และเจ้าของญัตติ กลับโหวต งดออกเสียง
เป็นที่สังเกตว่า ก่อนการลงมติในช่วงเย็น พรรค พท.มีการประชุม ส.ส.และมีมติว่าจะ “เห็นด้วย” กับข้อสังเกตรายงาน แต่ปรากฏว่าเมื่อลงมติจริงกลับโหวตในลักษณะ “ฟรีโหวต” โดยส่วนใหญ่โหวตไม่เห็นด้วย 115 เห็นด้วย 11 งดออกเสียง 4 ไม่อยู่ 12 คน
สำหรับพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ยังคงลงมติเช่นเดิม แบ่งออกเป็น กลุ่มงูเห่า 3 คน และกลุ่มที่ยังคงอยู่กับพรรคอีก 3 คน รอบนี้กลับไม่ปรากฏว่าลงมติใดๆ
ส่วนในฝั่ง ไม่เห็นด้วย นั้น เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่โหวตไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น 65 คน ไม่อยู่ 4 คน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่เห็นด้วย 26 คน สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ยังคงไม่ปรากฏว่าลงมติใดๆ รวมถึงยังมีกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพปชร. 13 คน ทั้งนี้ พรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นพรรคในเครือข่ายของ ร.อ.ธรรมนัส ที่มี ส.ส. 3 คน ลงมติไม่เห็นด้วยทั้งหมด
ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โหวตไปในทิศทางเดียวกัน ไม่อยู่ 9 คน นอกจากนี้ ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โหวตไม่เห็นด้วย 13 คน ไม่อยู่ 12 คน พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ไม่เห็นด้วย 5 คน ไม่อยู่ 5 คน พรรคประชาชาติ (ปช.) ไม่เห็นด้วย 6 คน งดออกเสียง 1 คน ไม่อยู่ 2 คน ขณะที่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) 3 เสียง ก็ลงมติไม่เห็นด้วยเช่นกัน