กระผมนั่งสมาธิครั้งแรกตอนอายุ 8 ขวบ ตอนนั้นไม่รู้จักคำภาวนา พุทโธ หรือ การกำหนดดูลมหายใจเข้า-ออกจึงใช้วิธีดูความคิด เมื่อมีความคิดเกิดขึ้นก็มีสติรู้และหยุดความคิดนั้นทันที ความคิดเกิดขึ้นนิดนึงเกิดขึ้นก็ไม่เอา แม้แต่คำบริกรรมและลมหายใจก็ไม่กำหนดรู้
“ใช้ความไม่มีอะไรเลย อากาศความว่างก็ไม่มี ความรู้สึกรู้ของจิตหรือวิญญาณก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลยจริงๆ” เป็นอารมณ์สมาธิ
เมื่อกำหนดดับความคิดไปเรื่อยๆ ความคิดค่อยๆดับลงจนหมด เหลือแต่ความว่าง สว่าง (ขาวนวล) เบาสบาย ร่างกายและลมหายใจหายไปหมดสิ้น แม้แต่ดวงจิตเป็นรูปก็ไม่มี มีแต่ความว่างไม่มีอะไรเลย ระยะเวลาผ่านไป 2-3 ชม. เหมือนแปปเดียว
เมื่อจิตออกจากสมาธิ จึงปรากฏกายและลมหายใจอีกครั้ง ปีติสุขจึงแผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย ร่างกายเบาสบายเหมือนไม่มีร่างกาย เมื่อจิตถอนลงสู่อุปจารสมาธิ บังเกิดนิมิต การเวียนว่ายตายเกิดของตนเอง ประมาณ 1,000 ชาติ เป็นพ่อค้า นักบวช กษัตริย์ ยาจก คนพิการ สัตว์เดรัจฉาน สลับกันจนเบื่อหน่ายการเกิด และพบว่าตนเองเกิดมาบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณ แต่ละชาติที่เกิดมานั้นสั้นมากๆ เหมือนเป็นจุดเล็กๆ เมื่อเทียบกับการบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณ จิตบอกว่า เราเวียนว่ายตายเกิด แบบนี้ไปเรื่อยๆ นับชาติไม่ถ้วน
แต่ทุกครั้งที่จะเกิดในแต่ละชาติ จะเห็นนิมิตดวงจิตพุ่งเป็นแสงขาว แข่งกับดวงจิตมากมายไปถึงจุดๆหนึ่งแล้วสว่างวาบ จึงเกิดเป็นมนุษย์และสัตว์ เป็นสภาวะที่ทั้งลุ้นและเหนื่อยมากๆ ต้องแข่งขันกันจึงจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในแต่ละชาติ จนน่าเบื่อหน่าย
เหตุการณ์สภาวะที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิ และการเห็นนิมิตเวียน ว่าย ตาย เกิด การปฏิสนธิของวิญญาณ ที่เห็นตอน 8 ขวบ ยังติดอยู่ในความทรงจำจนถึงปัจจุบัน (30 ปี)
วันนี้ 23 ต.ค.67 มาฟังธรรม และหยิบหนังสือ ธาตุรู้กับขันธ์ 5 ของพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต มาอ่าน คำนำเขียนว่า ขณะที่สเปิร์มเจาะเข้าไปในไข่ จะมีแสงสว่างวาบขึ้นชัดเจน คือ การที่ “ธาตุรู้” ปฏิสนธิวิญญาณ เข้าเชื่อมกับ “ร่างกาย” ผ่านไป 30 ปี ภาพที่เห็นในนิมิตเพิ่งได้คำตอบวันนี้ สาธุๆ ธรรมขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พระอาจารย์สุชาติครับ
“ธาตุรู้” ปฏิสนธิวิญญาณ เข้าเชื่อมกับ “ร่างกาย”
“ใช้ความไม่มีอะไรเลย อากาศความว่างก็ไม่มี ความรู้สึกรู้ของจิตหรือวิญญาณก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลยจริงๆ” เป็นอารมณ์สมาธิ
เมื่อกำหนดดับความคิดไปเรื่อยๆ ความคิดค่อยๆดับลงจนหมด เหลือแต่ความว่าง สว่าง (ขาวนวล) เบาสบาย ร่างกายและลมหายใจหายไปหมดสิ้น แม้แต่ดวงจิตเป็นรูปก็ไม่มี มีแต่ความว่างไม่มีอะไรเลย ระยะเวลาผ่านไป 2-3 ชม. เหมือนแปปเดียว
เมื่อจิตออกจากสมาธิ จึงปรากฏกายและลมหายใจอีกครั้ง ปีติสุขจึงแผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย ร่างกายเบาสบายเหมือนไม่มีร่างกาย เมื่อจิตถอนลงสู่อุปจารสมาธิ บังเกิดนิมิต การเวียนว่ายตายเกิดของตนเอง ประมาณ 1,000 ชาติ เป็นพ่อค้า นักบวช กษัตริย์ ยาจก คนพิการ สัตว์เดรัจฉาน สลับกันจนเบื่อหน่ายการเกิด และพบว่าตนเองเกิดมาบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณ แต่ละชาติที่เกิดมานั้นสั้นมากๆ เหมือนเป็นจุดเล็กๆ เมื่อเทียบกับการบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณ จิตบอกว่า เราเวียนว่ายตายเกิด แบบนี้ไปเรื่อยๆ นับชาติไม่ถ้วน
แต่ทุกครั้งที่จะเกิดในแต่ละชาติ จะเห็นนิมิตดวงจิตพุ่งเป็นแสงขาว แข่งกับดวงจิตมากมายไปถึงจุดๆหนึ่งแล้วสว่างวาบ จึงเกิดเป็นมนุษย์และสัตว์ เป็นสภาวะที่ทั้งลุ้นและเหนื่อยมากๆ ต้องแข่งขันกันจึงจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในแต่ละชาติ จนน่าเบื่อหน่าย
เหตุการณ์สภาวะที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิ และการเห็นนิมิตเวียน ว่าย ตาย เกิด การปฏิสนธิของวิญญาณ ที่เห็นตอน 8 ขวบ ยังติดอยู่ในความทรงจำจนถึงปัจจุบัน (30 ปี)
วันนี้ 23 ต.ค.67 มาฟังธรรม และหยิบหนังสือ ธาตุรู้กับขันธ์ 5 ของพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต มาอ่าน คำนำเขียนว่า ขณะที่สเปิร์มเจาะเข้าไปในไข่ จะมีแสงสว่างวาบขึ้นชัดเจน คือ การที่ “ธาตุรู้” ปฏิสนธิวิญญาณ เข้าเชื่อมกับ “ร่างกาย” ผ่านไป 30 ปี ภาพที่เห็นในนิมิตเพิ่งได้คำตอบวันนี้ สาธุๆ ธรรมขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พระอาจารย์สุชาติครับ