Gundam: Requiem for Vengeance (2024) - บทสวดส่งวิญญาณแห่งความอาฆาต

Gundam: Requiem for Vengeance


กำกับโดย Erasmus Brosdau

ออกตัวก่อนว่า ไม่เคยดูกันดั้มมาก่อนเลยสักภาค (แต่มีความฝันอยากได้หุ่นกันดั้มมาประดับไว้ที่ห้องมาก 😂)

เนื่องจากเห็นกระแสใน Netflix ค่อนข้างดี เลยลองเปิดดู 

ปรากฏว่าติดหนึบดูรวดเดียวจนจบ 🤣

เรื่องย่อ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กันดั้ม: บทสวดส่งวิญญาณแห่งความอาฆาต

ในปี 0079 "จักรวรรดิซีออน" (Principality of Zeon rebels) เริ่มทำทำสงครามกับฝ่าย "สหพันธ์โลก" (Earth Federation)

ในภาคพื้นทวีปยุโรป ทั้งสองฝ่ายต่างทำสงครามกันอย่างหนักหน่วง "อิเรีย โซราลี" (Celia Massingham) นักบินผู้ขับหุ่นซาคุและเป็นผู้นำของหน่วยหมาป่าแดง ได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมในสมรภูมิเพื่อต่อต้านกองกำลังของสหพันธ์โลกที่รุกคืบเข้ามายึดเขตแดนของซีออน

ทว่าโฉมหน้าในสมรภูมิเปลี่ยนไป เมื่อโมบินสูท "กันดั้ม" หุ่นรบรุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงของสหพันธ์โลกก้าวเข้ามา ส่งผลให้กองกำลังของซีออนเสียเปรียบมากขึ้นทุกที

ความรู้สึกหลังชม

- ส่วนแรกที่ต้องชมเลย คือ "มุมมองที่แปลกใหม่" จากกันดั้ม

ซีรีส์ชุดนี้ฉายเรื่องราวของ "กันดั้ม" ในมิติที่แปลกใหม่ขึ้น เรื่องราวทั้งหมดที่เราเห็นถูกเล่าผ่านสายตาของ "อิเรีย" ทหารของฝ่ายซีออน

นั่นทำให้ "กันดั้ม" ในเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้ดูดี แต่เป็นอาวุธทำลายล้างสูงที่มีหน้าที่ไม่ต่างกับ "ยมทูต" ผู้สวดส่งวิญญาณแห่งความอาฆาต และเป็น "ปีศาจแห่งสงคราม" ที่เผาผลาญฝ่ายซีออนให้มอดไหม้

นี่จึงเป็นเรื่องราวของเหล่าทหารซีออนที่ต้องตั้งรับและถอยหนีจาก "มัจจุราชสงคราม" อย่างกันดั้ม รวมถึงหาทางตอบโต้เพื่อปกป้องตนเอง

ดังนั้นภาพ "กันดั้ม" ในมุมนี้ถือว่าใหม่ทีเดียว แถมขยายมุมมองของกันดั้มในภาพอาวุธสงครามอันน่าสะพรึงไม่ต่างกับภาพสงครามจริงที่เราได้เห็นกันตามข่าว


- ส่วนที่สอง "เรื่องราวที่เข้มข้น"

สเกลความเข้มข้นของ Gundam: Requiem for Vengeance ดาร์กไม่ต่างจากสเกลหนังสงครามคนแสดง

เรื่องราวที่ฉายออกมาเต็มไปด้วยความเทา ไม่มีขาวดำชัดเจน ต่างฝ่ายต่างดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากความรุนแรงของสงครามได้นำไปสู่ความสูญเสียและความบอบช้ำของจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ต้องชมว่า Gundam: Requiem for Vengeance เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในฐานะ "ภาพยนตร์สงคราม" ได้ค่อนข้างครบครัน ตั้งแต่ความเข้มข้นของสงคราม ภาพทหารระดับล่างที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ตนเองได้กลับบ้าน จุดหักมุมของเรื่อง ราคาที่ต้องจ่ายในสงคราม ประเด็นมนุษยธรรมและเด็ก

แม้กระทั่งบทสรุปของเรื่องยังสมจริงจนน่าเจ็บปวด ที่ท้ายที่สุด ทุกฝ่ายต่างต้องดำเนินสงครามต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันก่อนหน้า และรอวันที่สงครามยุติเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะ


- ตัวละครแต่ละตัวเกลี่ยบทบาทกันได้ดี น่าสนใจทุกตัวละคร

- ชอบงานภาพที่เป็นแนวแอนิเมชั่น 3D สมจริง อาจจะมีติดเรื่องกล้ามเนื้อบนใบหน้าตัวละครที่ดูแข็งไปนิดหนึ่ง แต่ส่วนอื่น ๆ ค่อนข้างโอเค

- ซีรีส์ตั้งชื่อเรื่องได้ดีมาก ส่วนชื่อไทยก็เพราะ ตรงกับคอนเซปต์เรื่องสุด ๆ

- ส่วนตัวคิดว่าซีรีส์ชุดนี้เป็นต้นแบบให้กับการสร้างภาพยนตร์คนแสดงจริงในอนาคตได้

หากจะทำเป็นภาพยนตร์คนแสดงก็ควรทำในสเกลหนังสงครามสมจริงแบบนี้แหละ ถึงจะทำให้หนังสร้างอิมแพคกับผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจ


สรุป

จัดเป็นซีรีส์สงครามที่ดีและสนุกเรื่องหนึ่ง พร้อมกับขยายมุมมองของ "กันดั้ม" ในภาพที่ต่างออกไป

ตัวซีรีส์มีทั้งหมด 6 ตอน ตอนละ 20 นาที เรื่องราวในซีรีส์ค่อนข้างกระชับ ดำเนินเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ

ใครสนใจแนะนำเลย ดูได้บน Netflix!
____________________________________

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ

     
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่