ผมเล่าเรื่องในวัยเด็กให้เพื่อนฟัง และเพื่อนบอกว่ามันเป็นประสบการณ์วัยเด็กที่ไม่ปกติ

สวัสดีทุกคนด้วยนะครับ กระทู้ผมเขียนขึ้นเพื่อจะบอกเล่าเรื่องราวที่ผมในวัยเด็กของผมถึงปัจจุบัน ผมไม่ได้เขียนกระทู้นี้มาเพื่อร้องเรียกความสงสารใดๆจากสังคมเพราะใครๆก็คงมีปมในเด็กกันทั้งนั้นและมันอาจจะหนักกว่าของผมด้วยซํ้า แต่กระทู้นี้ผมเขียนขึ้นเพราะอยากจะบอกเล่าเรื่องราวครอบครัวของผมที่ภายนอกอาจจะดูปกติเป็นครอบครัวที่อบอุ่นในสายตาคนอื่น แต่ความจริงแล้วนั้นไม่มีครอบครัวไหนPerfect ครอบครัวของผมก็หนึ่งในนั้น และสร้างตัวผมในวันนี้
Part 1 ปฐมบทชีวิต และรากฝังลึกจากการถูกทรยศ
     ผมเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ยากจนมากฐานนะปานกลาง พ่อมีงานที่มั่นคงเป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่น พ่อของผมนั้นทำงานหนักตลอดจนถึงปัจจุบันพ่อไม่เคยบ่นเรื่องงานให้ผมเลยซักครั้งพ่อเป็นคนเข้มแข็งมากๆ ส่วนแม่ของผมเคยเป็นแอร์โฮสเตสมาก่อนจะย้ายมาในช่วงโควิดมาเป็นนักวิเคราะห์การเงินของสายการบิน
      และผมก็มีพี่เลี้ยงอีกคนหนึ่งที่เลี้ยงผมเป็นหลักและทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนมาได้ถ้าไม่มีป้าคนนี้ผมว่าผมคงโตมาน่าจะมีปัญหาทางจิตแน่นอน
     ทั้งชีวิตของผมจนถึงตอนนี้บอกได้ว่าผมไม่เคยอดเคยอยากได้อะไรได้หมด ผมเป็นลูกคนเดียวแน่นอยว่าถูกสปอยหนักมาก
     ซึ่งทุกคนก็คงคิดว่าผมน่าจะโชคดีมากๆแล้วที่มีครอบครัวที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรเลย แต่หลังจากนี้ผมจะค่อยๆปลอกเปลือกนี้ไปทีละนิดนะครับ
     ผมกับครอบครัวอยู่บ้านหลังใหญ่สองหลังบ้านอีกหลับเป็นของพี่สาวของย่าของผมที่เขามอบให้ครอบครัวของผมอยู่แต่ตอนนี้ผม(ตอนนี้แกเสียไปตั้งแต่ผม6ขวบ) ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มา18ปีแล้ว ผมจะเข้าเรื่องเลยนะครับ
    ผมเข้าเรื่องเลยนะครับ สิ่งแรกที่ผมต้องพบในวัยเด็กส่วนใหญ่ๆเลยคือการได้พบกับการสูญเสียคนในครอบครัวครับ ซึ่งมันก็ปกติใช่ไหมครับเกิดแก่เจ็บตาย แต่ครอบครัวของผมโดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ค่อนข้างมีกรรมพันธุ์ที่มีโรคพวงมาเยอะครับ ตั้งแต่ผมอายุประมาณ6ขวบหลังนํ้าท่วมปีพ.ศ.2554 พี่สาวของย่านะครับบ้านข้างของผมนั้นแหละครับ เขาเป็นมะเร็งเต้านมครับ และก็มีออกซิเจนกับเตียงนอนพยาบาลในบ้าน สมัยเด็กผมชอบไปวาดรูปข้างแกเพราะป้าน่าจะบังคับผมซักอย่างแต่พอไปเรื่อยๆก็ติดใจครับ เพราะย่าใจดีครับชอบให้เงินผมและชมผมที่วาดรูปสวยครับ(ส่งผลมาปัจจุบันผมชอบเวลาคนชมผมวาดรูปสวย) ทุกๆเช้าแกจะโบกมือหอมหัวผมก่อนไปโรงเรียนครับ และให้เงินผมประมาณ5ร้อยครับ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถือว่าค่อนข้างเยอะนะครับ จนป้าบอกว่าอย่าให้ผมเยอะเกินผมแค่เด็กประถมเอง จากนั้นย่าผมก็อาการทรุดครับย่าทำทุกวิถีทางครับไปรพ.ที่ดีที่สุด ไม่ยอมกินเนื้อเลยกินแต่ผักต้มเพราะแกไม่อยกาเอาสิ่งที่ไม่ดีเข้าร่างกายเลย พี่สาวของยายแท้ผม มีน้องสาวด้วยนะครับทุกวันนี้มีชีวิตอยู่บ้านหลังที่สามถัดไปแต่ตอนนี้ตัดขาดไปเลยเพราะเหตุการณ์ต่อไปนี้ ชีวิตผมช่วงนั้นก็มีอะไรจากๆเหมือนกันอย่างเช่นการโดนบูลลี่จากเพื่อนคนหนึ่งที่ผมเคยบูลลี่เขาตอนอนุบาลทุกวันนี้เป็นเพื่อนกันอยู่บูลลี่แบบว่าเอานํ้าหวานราดหัวผมไรแบบนั้น แต่มันไม่เท้ากับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ พี่สาวย่าเริ่มอาการเริ่มทรุดครับ หลังจากนี้ผมเรียกว่าย่า2ละกันครับ ย่า2แกรู้ว่าแกจะอยู่ได้ไม่นานแล้วแกเลยชอบเดินมาหาผมเองบ่อยๆเพราะบางทีเด็กก็ขี้เกียจไปหาเนอะติดเกมในไอแพค ทุกเสาร์อาทิตย์บ่อยๆแกชอบเดินมาหาบ้านผมและถามผมว่าให้ผมบวชให้แกได้ไหมแต่ด้วยความเด็กครับก็เลยกลัวและไม่ชอบเลยทำไมต้องไปทำแบบนั้น จากนั้นไม่กี่วันแกก็เสียครับที่รพ. จากนั้นก็มีพิธีศพใช่ไหมครับ ทุกคนก็มางานศพก็ปกติแต่หลังจากนั้นครับคือการแตกหักน้องสาวย่าที่ผมบอกว่าคอยดูแลย่าตลอดใช่ไหมครับ แกเป็นคนขี้งกมากครับ แกเอาทุกอย่างในบ้านย่าของผมไปบ้านแก ไม่ว่าจะกระทะหม้อ ไห กาลามัง น่าจะเข้าใจว่าคือทุกอย่างนะครับ ก็คือแปลว่าทั้งหมดที่แกทำเพราะหวังมรดกตกทอดจากพี่สาวครับ ร่วมถึงเรื่องที่ดินก็มีปัญหาถึงปัจจุบันแต่ไม่ขอลงรายละเอียด เอาเป็นว่าทุกวันนี้เจอหน้าก็ไม่ทักกันแล้วครับทั้งที่อยู่ข้างๆบ้าน
     นั้นก็คือการสูญเสียครั้งแรก ซึ่งมันส่งผลอย่างไร ผมชอบวาดรูปครับและชอบที่คนมาชมครับ เพราะมันอาจจะทำให้ผมนึกถึงย่า2ที่เคยชมผมครับ และ ถึงแม้ตอนนั้นจะเด็กแน่นอนผมก็รู้เรื่องนะครับ ใครว่าเด็กไม่รู้ผมบอกเลยว่าคุณไม่ควรจะเป็นพ่อแม่ครับ เด็กก็เหมือนพวกคุณเนี่ยแหละครับ ผมชอบแอบร้องไห้บนเตียงบ่อยๆเพราะคิดถึงย่า2ครับ สำหรับเด็ก6-7ขวบ ผมก็อยากให้ย่า2 หอมหัวผมก่อนจะออกจากบ้านนะครับ และทุกที่ผมไปบ้านข้างๆย่า ข้างติดกับบ้านผมเลยนะครับ การที่บ้านว่างเปล่ามันเหงานะครับแต่ผมจำได้หมดนะครับ
    เรื่องแรกผ่านไปแต่ว่ามันก็เหมือนการสูญเสียทั่วไปๆแค่มีปัญหาเรื่องมรดกร่วมด้วย แต่ต่อจากนี้จะค่อยแย่ๆลงไปเรื่อยๆเลยละครับ
     หลังจากนั้นผมก็เรียนชั้นประถมครับผมเป็นเด็กหัวอ่อนเพราะการอ่านเขียนของผมช้ากว่าเพื่อนร่วมชั้น แต่มันเกิดเรื่องขึ้นครับของเช้าวันหนึ่ง ช่วงประถมปลายวันนั้นเป็นวันที่โรงเรียนผมหยุดเพราะไรบางอย่างและพ่อผมถึงโทรศัพท์ไว้ครับ และผมกับป้าก็เป็นคนเปิดเจอครับ เป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันให้อภัยเลย พ่อของผมแอบคบลับๆกับมือที่3ครับ โดยที่แม่ผมไม่รู้เลยนะครับ นามสมมติว่าจิ๋มนะครับ เพราะป้าผมตั้งให้แบบนั้น จิ๋มนะครับเคยโทรไปบ้านตายายครับเพราะน่าจะโกรธงอนพ่อผมไรซักอย่าง ถามว่าแม่ผมอยู่ไหม แต่ตอนนั้นไม่ใครรู้ว่าคือใครจนมาประติประต่อเรื่องนี้ เรื่องเลยแดงครับ แชทยาวๆชัดเจน ที่โกรธที่สุดคือการที่พ่อผมให้เงินจิ๋มและพาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันครับ ทั้งๆที่ครอบครัวก็มีอยู่บ้านกันงกๆครับ ตอนแรกพ่อกับปฏิเสธหน้าด้านๆครับ สมัยนั้นเด็กเขารู้นะครับว่าการนอกใจคืออะไร การที่พ่อไปมีคนอื่นคือยังไง และSensitive มาด้วย แน่นอนครับพ่อแม่ทะเลาะกันเสียงดัง จำได้ว่ามีเสียงดังมากๆ ผมกลัวมากๆครับตอนนั้นพ่อผมเป็นคนละคนที่ผมรู้จัก สมัยก่อนผมรักพ่อมากๆนะครับ เพราะพ่อผมสปอยผมทุกอย่าง แบบว่าไปร้านสะดวกซื้อ ร้านของเล่นไรผมชี้อะไร พ่อผมซื้อให้ทุกอย่าง แน่นอนครับว่าโดนทำแบบนี้เหมือนโดนทรยศครับ คนที่เรารักที่สุดกลับทรยศผมครับ พ่อแม่ทะเลาะกันเป็นเดือนครับ และแม่ป้ามาเล่าผมฟังหมดเลยนะครับ ว่าถ้าไม่ยอมเลิกกับจิ๋มจะตัดขาดและแม่ผมจะเอาบ้านไปครับ แน่นอนว่าหลังจากนั้นทุกอย่างมันเหมือนเข็มที่แทงใจผมตลอดครับ การที่โดนแม่โดนพ่อว่าแรงๆมันเหมือนการที่เอาเข็มทิ่มหัวใจและทำให้ผมมีอาการเหงื่อออก หายใจเร็ว(เป็นถึงปัจจุบัน) แล้วรู้ไหมครับสิ่งที่พ่อผมทำคืออะไร ผมจำได้คือผมหลบอยู่ในห้องครับแล้วพ่อผมเปิดประตูมา ทะเลาะกับแม่ผมครับ ให้ผมดูเพราะพ่อบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ผมมีส่วนด้วยครับ Toxicขั้นนั้นแหละครับ จากคนที่ผมรักที่สุดกลายเป็นคนที่ผมเกลียดที่สุดในทันที หลังจากนั้นความรู้สึกที่มีต่อพ่อผมไม่ว่าจะผ่านมา10กว่าปีไม่เหมือนเดิมเลยครับ
     สิ่งนี้ส่งผลยังไงกับผมบ้าง ตั้งแต่ตอนนั้นถึงปัจจุบันผมเป็นคนกลัวคนที่เรารักถูกว่าครับ โดยเฉพาะลับหลังผมจะเริ่มวิตกกังวลและพยายามจะเข้าไปให้ทุกคนรักเหมือนเดิม ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีใช่ไหมครับแต่ทุกคนก็รู้ว่ากระจกที่แตกมันทำให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ แล้วคนที่จะประกอบมันกลับคนนั้นๆก็จะโดนกระจกบาดมือแทน
เข้าใจที่ผมจะสื่อนะครับ ก็คือผมโดนด่าผมจะไม่รู้สึกไรครับ แต่ถ้ามีคนมาด่าคนที่เป็นเพื่อนเรา แล้วถ้าเพื่อนรักเราด่ากันละ นั้นแหละครับผมรับไว้ทั้งหมด ผมวิตกกังวลยิ่งกว่าคนที่โดนอีกครับ มันอาจจะเพราะว่าในตอนเด็กผมกลัวพ่อจะทิ้งผมไปหาหญิงคนอื่นแล้วไม่รักผมอีกแล้วซึ่งตอนเด็กผมตัดใจเลยครับ ถ้าพ่อจะไปก็ไปให้พ้น
     แต่รู้ไรไหมครับเขากลับมาครับ และจากนั้นก็ดิ่งลงเหวเลยครับ ทุกคนน่าจะเข้าใจว่าพ่อที่ไม่รักแม่แล้วมันเป็นยังไงที่ต้องทนอยู่ด้วยกัน แม่ผมเป็นคนเข้มแข็งครับไม่ว่าจะถูกพ่อแซะหรืออะไรทนได้หมดครับ พ่อผมเป็นคนแซะรุนแรงมากนะครับ และผมก็ยังกลัวถึงปัจจุบันการที่พ่อผมจะพูดเสียงดังอะไร ถึงผมจะโตเป็นควายแล้วเนี่ยก็ยังกลัวนะครับ
     ก่อนจะไปเรื่องต่อไปนะครับขอแวะพักซักหน่อย ระหว่างนั้นผมก็เล่นเปียโนเพราะผมกลัวพ่อผมครับ ผมเป็นคนที่ยอมพ่อทุกอย่างเพราะกลัวพ่อจะไปหาผู้หญิงคนนั้น ยอมกระทั่งทำสิ่งที่ไม่ชอบอย่างเล่นเปียโนเพราะพ่อผมขะยักขย้อนครับ ผมทำหมดครับว่าไม่จะเรียนพิเศษที่ผมไม่อยากเรียนเสาร์อาทิตย์ สอบเข้าโรงเรียนดังทั้งๆที่ผมไม่ได้อยากเข้าเลย ผมก็เข้าไม่ได้นะครับเพราะคนมันไม่อยากเข้าอะเนอะ ทุกคนอาจจะแบบว่ามันก็ปกติไม่ครับไม่เพียงเท่านั้น พ่อผมชอบสั่งให้ผมทำนั้นทำนี้แบบว่าถ้าผมไม่ทำแกก็จะทำเสียงดังใส่ เจ้ากี้เจ้าการณ์ ซึ่งมันทำให้ผมกลัวครับ มันมีงานแบบว่าให้ผมปลูกต้นไม้1000ต้นผมก็ปลูกครับ ทำโรงเห็ดในบ้านผมก็ทำนะครับ ทำโรงเห็ดเนี่ยต้องคอยแบกก้อนเห็ดหลายๆอย่างทุกคนก็น่าจะรู้ ผมเคยไปขายของในตลาดกับพ่อด้วย การที่ตื่นเช้าไปเสนอขายเห็ดให้แม่ค้า ทุกคนก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีฝึกฝนไว้ มันก็ดีแหละครับแต่จนถึงปัจจุบันนี้ผมยังไม่กลัาจัดคำสั่งพ่อเลยครับ ล่าสุดพึ่งขัดคำสั่งไปเพราะผมพึ่งคิดได้ครับ มันแย่มากๆครับมันทำให้ผมคิดเองไม่เป็นและถูกว่าบ่อยๆด้วย ผมวางแผนชีวิตตัวเองไม่ได้เลยถ้าไม่มีพ่อมาบอกให้ทำอะไร มันส่งผลมาปัจจุบันคือผมชอบตัดสินใจผิดพลาดอย่างเช่นการไม่สอบTcasเพราะคิดเองไม่เป็น การที่ไม่รู้ว่าจะจัดการชีวิตตัวเองยังไง ชอบตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆเช่นการซื้อของผิดไซส์เป็นบ่อยมากครับ แต่ตอนนี้ก็เริ่มเรียนรู้เองแล้วครับ การที่ผมโดนพ่อบังคับให้ทำอะไรนะครับผมจะข่มอารมณ์ตัวเองไว้ก้มหัวไว้แล้วหลอกตัวเองว่ามันมีความสุขแล้วผมก็มีความสุขจริงๆ จนกระทั่งล่าสุดพึ่งมีปัญหาว่าพ่อสงสัยว่าทำไมผมไม่เถียงพ่อบ้างเลย เขาไม่รู้นะครับ แต่ผมตอบให้ ว่า ผมกลัว ตัวสั่น เหงื่อออกตอนเขาพูดเสียงดังใส่หรือทำหน้าหงุดหงิด กลัวการที่พ่อจะทิ้งไปหาผู้หญิงคนนั้นไงละ
      เรื่องการสูญเสียต่อไปนะครับ ผมสูญเสียตายายครับ
ซึ่งมันก็ปกติใช่ไหมครับ แต่รอบนี้หนักโดยเฉพาะยายครับ ผมไปตายายบ่อยๆช่วงซัมเมอร์ สงกรานต์นั้นแหละครับทางภาคเหนือ ก่อนวันที่ตาเสียสองวันเป็นวันที่ผมจำได้จนถึงทุกวันนี้ ก่อนแกเสียวันสองวันผมไปอยู่บ้านแกครับ เล่นไอแพคนั้นเป็นสิ่งเดียวตอนนั้นที่ผมทำและมีความสุข ตาเขาเดินไปมาทั่วบ้านเลยนะครับตา ผมว่ารู้ภายหลังว่าตาเป็นพากินสันครับ ตาผมชอบเดินหลงออกไปล้มนอกบ้านบ่อยๆเพราะโรคนี้ เพื่อนบ้านต้องมาช่วยส่งกลับบ่อยๆ วันนั้นตามานั่งที่ผมเล่นไอแพคและกอดตัวผมและถามผมว่าแม่ผมอยู่ไหน แม่ผมตอนนั้นไปบินอยู่นะครับ ผมบอกว่าแม่ไปบินต่างประเทศ ตาเศร้าๆเล็กน้อยและกอดผมแบบนั้นครับผมก็เล่นไอแพคไป แล้วคืนนั้นรู้สึกผิดมากๆคือตาขอผมกินเค้กS&Pอะครับชิ้นเล็กๆแต่ผมไม่ยอมให้ และเช้าอีกวันผมจะออกไปบ้านนอก(บ้านป้า)เพราะที่นั้นมีเพื่อนผมอยู่แล้วมันสนุกครับเล่นสงกรานต์เด็กๆนะครับ เอาเป็นว่าถามคำถามสุดท้ายว่าจะไปแล้วเหรอ ผมก็ตอบว่าไปแล้วเบื่อประมาณนี้ครับ แล้ววันต่อมาตาผมเสียเลย แม่ผมยายผมเสียใจมากครับ และการที่ตาเสียจะส่งผลต่อยายมาในเรื่องต่อมาครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่