เครดิตบูโร เปิดหนี้เสีย 8 เดือนทะลัก 1.18 ล้านล้าน ค้างจ่ายพุ่ง 6.4 แสนล้าน ‘บ้าน-รถ’ ยังวิกฤต
https://www.matichon.co.th/economy/news_4855174
เครดิตบูโรเปิดหนี้เสีย 8 เดือนทะลัก 1.18 ล้านล้าน ค้างจ่ายพุ่ง 6.4 แสนล้าน ”บ้าน-รถ” ยังวิกฤต
วันที่ 19 ตุลาคม นาย
สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมสินเชื่อผู้บริโภคทั้งระบบในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ณ เดือนสิงหาคม อยู่ที่ 13.63 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่อยู่ที่ 13.51 ล้านล้านบาท โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 3.2% สินเชื่อรถยนต์ลดลด 4.6% สินเชื่อบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 0.3% สินเชื่อส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 2.3%
นาย
สุรพลกล่าวว่า สถานะหนี้เสีย (NPL) ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน ในไตรมาส 3 อยู่ที่กว่า 1.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% เทียบกับปีก่อน เป็นหนี้เสียบ้านกว่า 230,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% รถยนต์กว่า 259,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.6% บัตรเครดิตกว่า 69,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.9% ทั้งนี้เทียบกับเดือนกรกฎาคมหนี้เสียเพิ่มขึ้น 0.4%
นาย
สุรพลกล่าวว่า ส่วนหนี้ที่ค้างชำระ 31-90 วัน ซึ่งเป็นหนี้ที่กำลังจะเสีย (SM) ในไตรมาส3 ภาพรวมอยู่ที่กว่า 641,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า โดยมีหนี้บ้านกว่า 187,199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% รถยนต์กว่า 187,386 ล้านบาท ลดลง 12.9% หนี้บัตรเครดิตกว่า 10,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% อย่างไรก็ตามเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาลดลง 4.4%
“
ภาพรวมของหนี้เสียยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะแตะไปสู่ระดับ 1.2 ล้านล้านบาทได้ภายในไตรมาสที่3 นี้ เป็นผลจากที่การปรับโครงสร้างหนี้ทำได้ยาก คนยังมีรายได้ไม่เพียงพอ ลูกค้าหนี้ยังมีรายได้ไม่มากพอและบางส่วนรายได้ยังไม่กลับมาระดับก่อนโควิดปี 2562“ นาย
สุรพลกล่าว
ผลโพลคดีตากใบ ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม มอง นำผู้ต้องหามาขึ้นศาลไม่ได้
https://www.thairath.co.th/news/politic/2820966
เปิดผลสำรวจ “คดีตากใบ” ส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม มอง ควบคุมตัวผู้ต้องหามาขึ้นศาลไม่ได้ เชื่อ คดีมักสิ้นสุดโดยไม่มีการลงโทษ
วันที่ 20 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
แฟนเพจเฟซบุ๊ก Projek Sama Sama ซึ่งเป็นการรวมตัวนักกิจกรรมทางการเมืองชายแดนใต้/ปาตานี เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนปาตานี/ชายแดนใต้ “คดีตากใบ” เพื่อสอบถามความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมไทยของคนในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ กรณีที่ครอบครัวเหยื่อตากใบเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในขณะที่คดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจทางออนไลน์ทั้งสิ้น 4,232 ราย ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา ช่วงระหว่างวันที่ 15-19 ตุลาคม 2567 ผลสำรวจเป็นดังนี้
1. ทราบหรือไม่ว่าครอบครัวผู้เสียหายและญาติจากเหตุการณ์ตากใบเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ
• ร้อยละ 87.2 ระบุว่า ทราบ
• ร้อยละ 12.8 ระบุว่า ไม่ทราบ
2. เชื่อมั่นในความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมไทยในกรณีคดีตากใบแค่ไหน
• ร้อยละ 54.6 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย
• ร้อยละ 22.4 ระบุว่า เชื่อมั่นน้อย
• ร้อยละ 14.2 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก
• ร้อยละ 8.8 ระบุว่า เชื่อมั่นปานกลาง
3. คิดว่าตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาและจำเลยในคดีตากใบมาขึ้นศาลได้หรือไม่
• ร้อยละ 76.1 ระบุว่า ควบคุมไม่ได้
• ร้อยละ 23.9 ระบุว่า ควบคุมได้
4. คิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจในสังคมไทย ได้รับการคุ้มครองปกป้องจากการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายมากแค่ไหน
• ร้อยละ 63.8 ระบุว่า ได้รับความคุ้มครองมาก
• ร้อยละ 18.9 ระบุว่า ได้รับการคุ้มครองปานกลาง
• ร้อยละ 17.3 ระบุว่า ไม่ได้รับการคุ้มครอง
5. เชื่อหรือไม่ว่าการสอบสวนและการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ มักจะสิ้นสุดโดยไม่มีการลงโทษ
• ร้อยละ 63.2 ระบุว่า เชื่อว่าไม่มีการลงโทษ
• ร้อยละ 27.8 ระบุว่า เชื่อแต่ยังไม่เพียงพอ
• ร้อยละ 9 ระบุว่า มีการลงโทษที่เป็นธรรมแล้ว
6. การลอยนวลพ้นผิดของผู้มีอำนาจ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมไทย อย่างไร
• ร้อยละ 87.7 ระบุว่า ความเชื่อมั่นลดลงอย่างมาก
• ร้อยละ 6.3 ระบุว่า ความเชื่อมั่นลดลงเล็กน้อย
• ร้อยละ 6 ระบุว่า ไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น
7. รัฐควรมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้หรือไม่
• ร้อยละ 94.1 ระบุว่า ควรปฏิรูป
• ร้อยละ 5.9 ระบุว่า ไม่จำเป็น
‘อุทัยธานี’ ชาวบ้านยังผวาเร่งฟื้นฟู หลังถูก ‘นํ้าป่า’ ซัดถล่มหนีตายโกลาหล
https://www.dailynews.co.th/news/3992001/
ชาวบ้าน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เร่งทำความสะอาดฟื้นฟูบ้านเรือนและร้านค้า หลังถูกน้ำป่าซัดถล่มกลางดึก ยังผวาหวั่นเกิดเหตุซ้ำเพราะฝนยังเตกลงมาอยู่
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย กรณีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าต่างๆในตัว อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (19 ต.ค.) โดยขณะนี้ ตัวอำเภอบ้านไร่ ยังคงปกคุลมไปด้วยเมฆฝนและตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนในพื้นที่หวั่นว่าจะเกิดน้ำท่วมซ้ำรอยเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง
นอกจากนี้ที่บริเวณจุดกางเต้นท์ที่สวนร่มรื่นตรงข้ามกับทางเข้าต้นไม่ยักษ์บ้านสะนำ พบว่ามีนักท่องเที่ยว มานอนพักค้างแรมอยู่ 16 คน โดยนํ้าป่าทิ้งร่องรอยความเสียหายจากน้ำกัดเซาะทาง จนต้องนำเชือกผูกรถกระบะมัดไว้กับเสา
ระทึก! น้ำป่าหลากทะลักเข้าอ.บ้านไร่ อุทัยธานี กู้ภัยเร่งช่วยผู้ป่วย-คนติดในบ้าน
อย่างไรก็ตามวันนี้พบว่า น้ำป่ายังคงไหลมาเชี่ยวอยู่ ทางพนักงานคาเฟ่กำลังเร่งตักโคลนออกจากร้าน เพื่อทำความสะอาด หลังจากที่เมื่อคืนนี้ที่ร้านถูกน้ำป่าทะลักเข้าท่วมในร้านจนคนในร้าน 7 ชีวิต ต้องติดอยู่ภายในร้าน และพบว่ามี 2 ชีวิต ที่ถูกน้ำซัดลอยออกไป ก่อนได้รับความช่วยเหลือได้ปลอดภัย
นาย
ณัฐพล เพชรกันหา อายุ 36 ปี เจ้าของร้านสะนำคาเฟ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ฝนตกลงอย่างหนักตั้งแต่ช่วงบ่าย จนระดับน้ำในคลองส่งน้ำกระเวนที่อยู่หลังร้านนั้นขึ้นมาเรื่อยๆพอในช่วงหัวค่ำ ฝนได้ตกอย่างหนักอีกครั้งจนน้ำนั้นไหลเข้าท่วมเข้ามาในร้าน ตอนนั้นตกใจกลัว จึงตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย โดยคาดว่าความเสียหายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังกันอีก เพราะตอนนี้ท้องฟ้านั้นมืดมิดไปด้วยเมฆฝนจนดำปกคลุมไปทั่ว.
JJNY : เปิดหนี้เสีย 8 เดือนทะลัก│โพลตากใบ ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม│‘อุทัยธานี’ ยังผวาเร่งฟื้นฟู│อิสราเอลยิงใส่รพ.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4855174
เครดิตบูโรเปิดหนี้เสีย 8 เดือนทะลัก 1.18 ล้านล้าน ค้างจ่ายพุ่ง 6.4 แสนล้าน ”บ้าน-รถ” ยังวิกฤต
วันที่ 19 ตุลาคม นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมสินเชื่อผู้บริโภคทั้งระบบในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ณ เดือนสิงหาคม อยู่ที่ 13.63 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่อยู่ที่ 13.51 ล้านล้านบาท โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 3.2% สินเชื่อรถยนต์ลดลด 4.6% สินเชื่อบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 0.3% สินเชื่อส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 2.3%
นายสุรพลกล่าวว่า สถานะหนี้เสีย (NPL) ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน ในไตรมาส 3 อยู่ที่กว่า 1.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% เทียบกับปีก่อน เป็นหนี้เสียบ้านกว่า 230,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% รถยนต์กว่า 259,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.6% บัตรเครดิตกว่า 69,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.9% ทั้งนี้เทียบกับเดือนกรกฎาคมหนี้เสียเพิ่มขึ้น 0.4%
นายสุรพลกล่าวว่า ส่วนหนี้ที่ค้างชำระ 31-90 วัน ซึ่งเป็นหนี้ที่กำลังจะเสีย (SM) ในไตรมาส3 ภาพรวมอยู่ที่กว่า 641,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า โดยมีหนี้บ้านกว่า 187,199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% รถยนต์กว่า 187,386 ล้านบาท ลดลง 12.9% หนี้บัตรเครดิตกว่า 10,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% อย่างไรก็ตามเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาลดลง 4.4%
“ภาพรวมของหนี้เสียยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะแตะไปสู่ระดับ 1.2 ล้านล้านบาทได้ภายในไตรมาสที่3 นี้ เป็นผลจากที่การปรับโครงสร้างหนี้ทำได้ยาก คนยังมีรายได้ไม่เพียงพอ ลูกค้าหนี้ยังมีรายได้ไม่มากพอและบางส่วนรายได้ยังไม่กลับมาระดับก่อนโควิดปี 2562“ นายสุรพลกล่าว
ผลโพลคดีตากใบ ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม มอง นำผู้ต้องหามาขึ้นศาลไม่ได้
https://www.thairath.co.th/news/politic/2820966
เปิดผลสำรวจ “คดีตากใบ” ส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม มอง ควบคุมตัวผู้ต้องหามาขึ้นศาลไม่ได้ เชื่อ คดีมักสิ้นสุดโดยไม่มีการลงโทษ
วันที่ 20 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก Projek Sama Sama ซึ่งเป็นการรวมตัวนักกิจกรรมทางการเมืองชายแดนใต้/ปาตานี เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนปาตานี/ชายแดนใต้ “คดีตากใบ” เพื่อสอบถามความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมไทยของคนในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ กรณีที่ครอบครัวเหยื่อตากใบเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในขณะที่คดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจทางออนไลน์ทั้งสิ้น 4,232 ราย ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา ช่วงระหว่างวันที่ 15-19 ตุลาคม 2567 ผลสำรวจเป็นดังนี้
1. ทราบหรือไม่ว่าครอบครัวผู้เสียหายและญาติจากเหตุการณ์ตากใบเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ
• ร้อยละ 87.2 ระบุว่า ทราบ
• ร้อยละ 12.8 ระบุว่า ไม่ทราบ
2. เชื่อมั่นในความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมไทยในกรณีคดีตากใบแค่ไหน
• ร้อยละ 54.6 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย
• ร้อยละ 22.4 ระบุว่า เชื่อมั่นน้อย
• ร้อยละ 14.2 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก
• ร้อยละ 8.8 ระบุว่า เชื่อมั่นปานกลาง
3. คิดว่าตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาและจำเลยในคดีตากใบมาขึ้นศาลได้หรือไม่
• ร้อยละ 76.1 ระบุว่า ควบคุมไม่ได้
• ร้อยละ 23.9 ระบุว่า ควบคุมได้
4. คิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจในสังคมไทย ได้รับการคุ้มครองปกป้องจากการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายมากแค่ไหน
• ร้อยละ 63.8 ระบุว่า ได้รับความคุ้มครองมาก
• ร้อยละ 18.9 ระบุว่า ได้รับการคุ้มครองปานกลาง
• ร้อยละ 17.3 ระบุว่า ไม่ได้รับการคุ้มครอง
5. เชื่อหรือไม่ว่าการสอบสวนและการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ มักจะสิ้นสุดโดยไม่มีการลงโทษ
• ร้อยละ 63.2 ระบุว่า เชื่อว่าไม่มีการลงโทษ
• ร้อยละ 27.8 ระบุว่า เชื่อแต่ยังไม่เพียงพอ
• ร้อยละ 9 ระบุว่า มีการลงโทษที่เป็นธรรมแล้ว
6. การลอยนวลพ้นผิดของผู้มีอำนาจ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมไทย อย่างไร
• ร้อยละ 87.7 ระบุว่า ความเชื่อมั่นลดลงอย่างมาก
• ร้อยละ 6.3 ระบุว่า ความเชื่อมั่นลดลงเล็กน้อย
• ร้อยละ 6 ระบุว่า ไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น
7. รัฐควรมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้หรือไม่
• ร้อยละ 94.1 ระบุว่า ควรปฏิรูป
• ร้อยละ 5.9 ระบุว่า ไม่จำเป็น
‘อุทัยธานี’ ชาวบ้านยังผวาเร่งฟื้นฟู หลังถูก ‘นํ้าป่า’ ซัดถล่มหนีตายโกลาหล
https://www.dailynews.co.th/news/3992001/
ชาวบ้าน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เร่งทำความสะอาดฟื้นฟูบ้านเรือนและร้านค้า หลังถูกน้ำป่าซัดถล่มกลางดึก ยังผวาหวั่นเกิดเหตุซ้ำเพราะฝนยังเตกลงมาอยู่
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย กรณีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าต่างๆในตัว อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (19 ต.ค.) โดยขณะนี้ ตัวอำเภอบ้านไร่ ยังคงปกคุลมไปด้วยเมฆฝนและตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนในพื้นที่หวั่นว่าจะเกิดน้ำท่วมซ้ำรอยเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง
นอกจากนี้ที่บริเวณจุดกางเต้นท์ที่สวนร่มรื่นตรงข้ามกับทางเข้าต้นไม่ยักษ์บ้านสะนำ พบว่ามีนักท่องเที่ยว มานอนพักค้างแรมอยู่ 16 คน โดยนํ้าป่าทิ้งร่องรอยความเสียหายจากน้ำกัดเซาะทาง จนต้องนำเชือกผูกรถกระบะมัดไว้กับเสา
ระทึก! น้ำป่าหลากทะลักเข้าอ.บ้านไร่ อุทัยธานี กู้ภัยเร่งช่วยผู้ป่วย-คนติดในบ้าน
อย่างไรก็ตามวันนี้พบว่า น้ำป่ายังคงไหลมาเชี่ยวอยู่ ทางพนักงานคาเฟ่กำลังเร่งตักโคลนออกจากร้าน เพื่อทำความสะอาด หลังจากที่เมื่อคืนนี้ที่ร้านถูกน้ำป่าทะลักเข้าท่วมในร้านจนคนในร้าน 7 ชีวิต ต้องติดอยู่ภายในร้าน และพบว่ามี 2 ชีวิต ที่ถูกน้ำซัดลอยออกไป ก่อนได้รับความช่วยเหลือได้ปลอดภัย
นายณัฐพล เพชรกันหา อายุ 36 ปี เจ้าของร้านสะนำคาเฟ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ฝนตกลงอย่างหนักตั้งแต่ช่วงบ่าย จนระดับน้ำในคลองส่งน้ำกระเวนที่อยู่หลังร้านนั้นขึ้นมาเรื่อยๆพอในช่วงหัวค่ำ ฝนได้ตกอย่างหนักอีกครั้งจนน้ำนั้นไหลเข้าท่วมเข้ามาในร้าน ตอนนั้นตกใจกลัว จึงตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย โดยคาดว่าความเสียหายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังกันอีก เพราะตอนนี้ท้องฟ้านั้นมืดมิดไปด้วยเมฆฝนจนดำปกคลุมไปทั่ว.