เวลามีประเด็นอะไรให้วิจารณ์คนด่าคน โหนกระแส ปั่นกระแส มันก็อาจสนุกสะใจอารมณ์ดี แต่บางเรื่องก็ต้องเข้าใจข้อกฎหมายด้วยว่า กว่าการจะตกผลึกมาเป็นกฎหมายแต่ละอย่างที่มันนิ่งแล้ว ล้วนมีที่มาที่ไปและมีเหตุผลของมัน
. . .
ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าที่หยิบเอาข่าว “ดิไอคอน” มานี่ก็เพื่อเอาเหตุการณ์ปัจจุบันมายกตัวอย่างเท่านั้น ส่วนธุรกิจฉกฉวยฉกเงินประเภทนี้ผมต่อต้านอย่างมาก
จะมาแปะไว้เรื่อง
- “ทำไมต้องคลุมหัวปิดหน้าผู้ต้องหา” (คำถามกะโหลกกะลาที่พบบ่อย)
- วิธีการจับ/ควบคุมตัวผู้ต้องหา
รู้ไว้ใช่ว่านะ เผื่อวันนึงคุณอาจตกเป็นผู้ต้องหา ใครๆก็ตกเป็นผู้ต้องหาได้ถึงแม้อาจจะไม่ได้ทำผิดอะไร
{ไอ้ส่วนของตำรวจไม่ต้องไปพูดถึง เขารู้กฎหมายพื้นฐานดีอยู่แล้ว}
. . .
สิ่งที่เจ้าหน้ารัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กลัวที่สุดคือ คนรู้กฎหมายและอาจฟ้องร้องได้ เพราะมีมาตรา 157 ครอบจักรวาล ที่ควบคุมให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกแขนงต้องปฏิบัติอยู่ในกรอบกฎหมาย
{ซึ่งที่มาของกฎหมาย มันก็เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ; ข่มขู่ , ทำร้าย , เรียกรับ , ละเลย , ทำเกินหน้าที่}
. . .
กรณีการให้ถือว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่มีแค่กฎหมายไทย แต่เป็นกฎหมายสากล
- สำคัญคือ “ผู้ต้องหา” ไอ้ที่เราคิดว่าผิดแน่ๆแล้วเนี่ย ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ …ขนาดบางกรณี แม้แต่ตัดสินได้นอนคุกยาวแล้ว “ใครเห็นก็คิดว่าผิด” ยังกลายเป็นว่าตอนหลังพิสูจน์ได้ว่าเป็นแค่แพะ ! …ฉะนั้นอย่าเซื่อในสิ่งที่เฮ็ด อย่าเซื่อในสิ่งที่ฮู้มา
. . .
การจับกุมผู้ต้องหา ทำไมแต่ละคนไม่เหมือนกัน ?
เจตนารมณ์เป้าหมายของการจับกุมคือ การนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการศาล ส่วนวิธีการเป็นเรื่องเปิดกว้าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ไม่สามารถลงรายละเอียดได้
(ไม่ต้องงงว่า “ทำไมจับกันต์แบบนี้ จับพอลแบบนี้ จับมินแบบนี้”)
ส่วนนึงของระเบียบการจับกุม
มันไม่มีข้อบังคับว่าต้องควบคุมตัวแบบไหน เป้าหมายคือจับกุมเพื่อป้องกันผู้ต้องหาหลบหนี (หลายๆคดีอย่างยาเสพติด, ขโมย, ปล้น, ข่มขืน ผู้ต้องหามักตื่นตระหนกต้องการหลบหนี) กรณีการเข้าจับกุมแบบใช้กำลัง การใช้กุญแจมือ หรือการยกระดับการคุมเข้ม มันก็มีขั้นตอนที่ตำรวจรู้อยู่ แต่ถ้าผู้ต้องหามีวุฒิภาวะไม่มีแนวโน้มหลบหนี จะใช้การพากันไป เดินกันไป นั่งรถกันไป แบบไหนแล้วแต่เลย
. . .
อีกข้อกฎหมายนึงที่เกี่ยวข้อง คือ ว่าด้วยทรมานและอุ้มฯ
- การควบคุมผู้ต้องหาต้องระมัดระวังการละเมิดด้านสิทธิ ไม่ว่าจะเป็น เพศ(หญิง/ทรานส์ฯ) อายุ(ชรา) ความเชื่อศาสนา(พระและอื่นๆ) ร่างกาย(พิการ)
- ถ้าเจ้าหน้าที่บกพร่อง ผู้ต้องหาหลบหนีได้ เจ้าหน้าที่ก็มีความผิดโดนวินัย ถ้าเจ้าหน้าที่ทำเกินเลยละเมิดสิทธิ ก็มีความผิดเหมือนกัน กฎหมายมันแฟร์ๆกับทุกฝ่าย
การควบคุมผู้ต้องหา [ใครหิวแสงรีบโหนกระแส “ดิไอคอน” ซะช่วงนี้]
. . .
ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าที่หยิบเอาข่าว “ดิไอคอน” มานี่ก็เพื่อเอาเหตุการณ์ปัจจุบันมายกตัวอย่างเท่านั้น ส่วนธุรกิจฉกฉวยฉกเงินประเภทนี้ผมต่อต้านอย่างมาก
จะมาแปะไว้เรื่อง
- “ทำไมต้องคลุมหัวปิดหน้าผู้ต้องหา” (คำถามกะโหลกกะลาที่พบบ่อย)
- วิธีการจับ/ควบคุมตัวผู้ต้องหา
รู้ไว้ใช่ว่านะ เผื่อวันนึงคุณอาจตกเป็นผู้ต้องหา ใครๆก็ตกเป็นผู้ต้องหาได้ถึงแม้อาจจะไม่ได้ทำผิดอะไร
{ไอ้ส่วนของตำรวจไม่ต้องไปพูดถึง เขารู้กฎหมายพื้นฐานดีอยู่แล้ว}
. . .
สิ่งที่เจ้าหน้ารัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กลัวที่สุดคือ คนรู้กฎหมายและอาจฟ้องร้องได้ เพราะมีมาตรา 157 ครอบจักรวาล ที่ควบคุมให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกแขนงต้องปฏิบัติอยู่ในกรอบกฎหมาย
{ซึ่งที่มาของกฎหมาย มันก็เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ; ข่มขู่ , ทำร้าย , เรียกรับ , ละเลย , ทำเกินหน้าที่}
. . .
กรณีการให้ถือว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่มีแค่กฎหมายไทย แต่เป็นกฎหมายสากล
- สำคัญคือ “ผู้ต้องหา” ไอ้ที่เราคิดว่าผิดแน่ๆแล้วเนี่ย ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ …ขนาดบางกรณี แม้แต่ตัดสินได้นอนคุกยาวแล้ว “ใครเห็นก็คิดว่าผิด” ยังกลายเป็นว่าตอนหลังพิสูจน์ได้ว่าเป็นแค่แพะ ! …ฉะนั้นอย่าเซื่อในสิ่งที่เฮ็ด อย่าเซื่อในสิ่งที่ฮู้มา
. . .
การจับกุมผู้ต้องหา ทำไมแต่ละคนไม่เหมือนกัน ?
เจตนารมณ์เป้าหมายของการจับกุมคือ การนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการศาล ส่วนวิธีการเป็นเรื่องเปิดกว้าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ (ไม่ต้องงงว่า “ทำไมจับกันต์แบบนี้ จับพอลแบบนี้ จับมินแบบนี้”)
ส่วนนึงของระเบียบการจับกุม
มันไม่มีข้อบังคับว่าต้องควบคุมตัวแบบไหน เป้าหมายคือจับกุมเพื่อป้องกันผู้ต้องหาหลบหนี (หลายๆคดีอย่างยาเสพติด, ขโมย, ปล้น, ข่มขืน ผู้ต้องหามักตื่นตระหนกต้องการหลบหนี) กรณีการเข้าจับกุมแบบใช้กำลัง การใช้กุญแจมือ หรือการยกระดับการคุมเข้ม มันก็มีขั้นตอนที่ตำรวจรู้อยู่ แต่ถ้าผู้ต้องหามีวุฒิภาวะไม่มีแนวโน้มหลบหนี จะใช้การพากันไป เดินกันไป นั่งรถกันไป แบบไหนแล้วแต่เลย
. . .
อีกข้อกฎหมายนึงที่เกี่ยวข้อง คือ ว่าด้วยทรมานและอุ้มฯ
- การควบคุมผู้ต้องหาต้องระมัดระวังการละเมิดด้านสิทธิ ไม่ว่าจะเป็น เพศ(หญิง/ทรานส์ฯ) อายุ(ชรา) ความเชื่อศาสนา(พระและอื่นๆ) ร่างกาย(พิการ)
- ถ้าเจ้าหน้าที่บกพร่อง ผู้ต้องหาหลบหนีได้ เจ้าหน้าที่ก็มีความผิดโดนวินัย ถ้าเจ้าหน้าที่ทำเกินเลยละเมิดสิทธิ ก็มีความผิดเหมือนกัน กฎหมายมันแฟร์ๆกับทุกฝ่าย