วันนี้เคลียร์งานเสร็จตอนบ่ายๆ ผมได้ไปเดินดูในสวนผักในโรงเรือนที่ปลูกไว้
จริงๆผมปลูกไว้นานแล้วแต่ไม่เคยตั้งกระทู้ถาม เพราะได้ข้อมูลในการดูแล และการใช้งานมาพอสมควร
เนื่องจากมีเพื่อนเป็นนักเกษตรเคมี คอยให้คำแนะนำในการปลูกพืช และดูแลมาตลอด
จะปลูกผักอะไรในโรงเรือน ก็จะปรึกษาเพื่อนคนนี้ตลอด
ตั้งแต่ปลูกผักกินเองมาจะ 3 ปี ผมกินผักสบายใจมากกกกกกกกก แบบมากๆ กินสดๆยังได้เลย ล้างๆแล้วยัดใส่ปาก555
แต่ก็ยังติดนิสัยล้างผักด้วยผงไบคาร์ทุกครั้ง เฉพาะเวลาจะเอาไปทำอาหารให้ลูกค้ากินครับ
เนื่องจากที่บ้าน แม่ผมเปิดร้านอาหารตามสั่ง ล้างๆแช่ผัก 20นาที ด้วยผงไบคาร์
ผึ่งลมไว้ 5 นาที เป็นอันใช้ได้ ใส่ตระกร้าเดินเอาไห้แม่ที่หน้าร้าน 10 ก้าวถึง
ในโรงเรือนผมไม่ได้ใช้ยาอะไรสักอย่าง แต่เปลืองน้ำนิดนึง สปิงเกอร์ฉีด
ตั้งเวลาทำงานไว้ พอถึงเวลาสปิงเกอร์ก็ทำงาน ค่าน้ำต่อเดือนก็ไม่เคยเกิน 500
ทุกวันนี้ผมไปห้างแค่ซื้อเนื้อหมูไก่ปลา หรือพวกอาหารแห้ง ข้าวสาร เครื่องปรุงอาหาร/น้ำมัน แค่นั้นจริงๆครับ
ลดค่าใช้จ่ายเรื่องพืชผักไปได้เยอะมาก
ผักที่ผมปลูกเอง โดยใช้พื้นที่ประมาณ 2 งานกว่าๆ
ผักที่ปลูกมี กระหล่ำปี คะน้า ผักชี ต้นหอม กระเทียม กะเพรา ผักชีลาว ผักบุ้งไทย/จีน ปลูกใกล้ๆกัน แต่จะไม่ให้มันผสมพันธ์ุกัน
ผักเคลใบหยิก ผักสลัด ตำลึง มะเขือส้ม มะเขือเทศ บล็อคโคลี่
คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ ทั้งหมดนี้อยู่ในโรงเรือนหลังบ้านผม
ส่วนผักอื่นๆเช่น ชะอม กระถิน ที่คิดว่าแมลงมันไม่ชอบกิน ก็จะปลูกข้างนอกแทน
ในโรงเรือนจะปลูกเฉพาะผักที่เสี่ยงโดนแดร๊กง่าย5555
ผลพลอยได้คือ ลูกค้าที่ร้านอาหารเยอะทุกวัน โดยเฉพาะกลางวันที่เต็มทุกโต๊ะจนไม่พอนั่ง สี่โมงเย็นลูกค้ายังเยอะอยู่เลย
ทั้งคนทั่วไป ลูกค้าประจำแถวบ้าน ลูกค้าขาจรก็มี ไม่รู้ว่าแวะเพราะป้ายร้านมันสะดุดตารึเปล่าเลยแวะ5555
ลูกค้าประจำที่ซื้อที 20 กล่อง+ คือพนักงานจากโรงบาลใกล้ๆ อนามัย และ พนักงานราชการ
เวลามีงานราชงานหลวง แม่ผมก็รับทำข้าวกล่อง คือไม่เหงา จนตอนนี้ที่ร้านแม่ยอมจ้างคนมาช่วยแล้ว
ซึ่งก็คือหลานผมเอง ให้วันละ 300 ทำคนเดียวไม่ไหว
ร้านผมขายถูกกว่าร้านระแวกใกล้ๆด้วย ร้านอื่นจานละเริ่มต้น 50-60
ส่วนที่แม่ผมขายคือธรรมดา 40 พิเศษ 45 เป็นราคาที่พอขายให้น้องๆเด็กๆวัยรุ่นมีตังค์มากินกันได้
และเนื่องจากผมก็ทำงาน ถึงจะ work from home แต่ก็คือไม่ว่างเลย ทำโอทีโอฟรีผสมกันไป
ออกไปเจอหน้าแม่แค่ตอนพักเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ยุ่งทุกวัน
บางวันว่างๆงานไม่เร่งหรือไม่มีไรต้องทำก็ไปช่วยงานที่ร้านแปบๆ
รู้สึกว่าคิดถูกมากที่ปลูกผักทานเองครับ
ทั้งทานเอง ทั้งเอาไปทำอาหารขายลูกค้าด้วย
ฉะนั้นผมเดินทางมาถึงจุดนี้ ที่เสริมชื่อเสียงให้ร้านอาหารของแม่ ผมก็ยิ่งมีความสุข
เพราะลูกค้าเชื่อใจว่าอาหารที่แม่ผมทำคือปลอดภัย
ตอนแรกแม่ผมก็คัดค้านว่าจะปลูกทำไมเปลืองเงิน ดูแลคงลำบาก ซื้อที่ตลาดเอาก็ได้
แต่ผมอยากลองดู เริ่มทีละน้อย ภายใน 1 เดือน ตัดสินใจทำโรงเรือน โดยปรึกษาเพื่อนๆที่มีความรู้ไปด้วย
ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้คำแนะนำจนการปลูกผักของผมประสบผลสำเร็จครับ
มีเพือนๆคนไหนปลูกผักทานเองบ้างครับ
ถ้ายัง ต้องลองปลูกแล้วนะครับ แล้วคุณจะไม่เสียใจหรือเหนื่อยฟรี
การปลูกผักทานเองมันดีกว่าซื้อกินมาก เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าผักนั้นเจออะไรมาบ้าง
ส่วนตัวผม
รู้สึกว่าคิดถูกมาก ที่ปลูกผักทานเอง
ได้ประโยชน์ทั้งธุรกิจที่บ้าน มีคนมากินข้าวฝีมือแม่ผมเยอะขึ้น
และผมก็ทานผักทุกอย่างที่ปลูกเองด้วย ปลูกผักกินเองนี่ได้ทั้งตังค์ได้ทั้งสุขภาพอีก ได้สองเด้ง
คิดถูกมากที่สละที่ดินข้างๆบ้านประมาณเกือบ 2 งานเพื่อใช้ปลูกผักทานเองและใช้ในร้านอาหารที่บ้าน
จริงๆผมปลูกไว้นานแล้วแต่ไม่เคยตั้งกระทู้ถาม เพราะได้ข้อมูลในการดูแล และการใช้งานมาพอสมควร
เนื่องจากมีเพื่อนเป็นนักเกษตรเคมี คอยให้คำแนะนำในการปลูกพืช และดูแลมาตลอด
จะปลูกผักอะไรในโรงเรือน ก็จะปรึกษาเพื่อนคนนี้ตลอด
ตั้งแต่ปลูกผักกินเองมาจะ 3 ปี ผมกินผักสบายใจมากกกกกกกกก แบบมากๆ กินสดๆยังได้เลย ล้างๆแล้วยัดใส่ปาก555
แต่ก็ยังติดนิสัยล้างผักด้วยผงไบคาร์ทุกครั้ง เฉพาะเวลาจะเอาไปทำอาหารให้ลูกค้ากินครับ
เนื่องจากที่บ้าน แม่ผมเปิดร้านอาหารตามสั่ง ล้างๆแช่ผัก 20นาที ด้วยผงไบคาร์
ผึ่งลมไว้ 5 นาที เป็นอันใช้ได้ ใส่ตระกร้าเดินเอาไห้แม่ที่หน้าร้าน 10 ก้าวถึง
ในโรงเรือนผมไม่ได้ใช้ยาอะไรสักอย่าง แต่เปลืองน้ำนิดนึง สปิงเกอร์ฉีด
ตั้งเวลาทำงานไว้ พอถึงเวลาสปิงเกอร์ก็ทำงาน ค่าน้ำต่อเดือนก็ไม่เคยเกิน 500
ทุกวันนี้ผมไปห้างแค่ซื้อเนื้อหมูไก่ปลา หรือพวกอาหารแห้ง ข้าวสาร เครื่องปรุงอาหาร/น้ำมัน แค่นั้นจริงๆครับ
ลดค่าใช้จ่ายเรื่องพืชผักไปได้เยอะมาก
ผักที่ผมปลูกเอง โดยใช้พื้นที่ประมาณ 2 งานกว่าๆ
ผักที่ปลูกมี กระหล่ำปี คะน้า ผักชี ต้นหอม กระเทียม กะเพรา ผักชีลาว ผักบุ้งไทย/จีน ปลูกใกล้ๆกัน แต่จะไม่ให้มันผสมพันธ์ุกัน
ผักเคลใบหยิก ผักสลัด ตำลึง มะเขือส้ม มะเขือเทศ บล็อคโคลี่
คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ ทั้งหมดนี้อยู่ในโรงเรือนหลังบ้านผม
ส่วนผักอื่นๆเช่น ชะอม กระถิน ที่คิดว่าแมลงมันไม่ชอบกิน ก็จะปลูกข้างนอกแทน
ในโรงเรือนจะปลูกเฉพาะผักที่เสี่ยงโดนแดร๊กง่าย5555
ผลพลอยได้คือ ลูกค้าที่ร้านอาหารเยอะทุกวัน โดยเฉพาะกลางวันที่เต็มทุกโต๊ะจนไม่พอนั่ง สี่โมงเย็นลูกค้ายังเยอะอยู่เลย
ทั้งคนทั่วไป ลูกค้าประจำแถวบ้าน ลูกค้าขาจรก็มี ไม่รู้ว่าแวะเพราะป้ายร้านมันสะดุดตารึเปล่าเลยแวะ5555
ลูกค้าประจำที่ซื้อที 20 กล่อง+ คือพนักงานจากโรงบาลใกล้ๆ อนามัย และ พนักงานราชการ
เวลามีงานราชงานหลวง แม่ผมก็รับทำข้าวกล่อง คือไม่เหงา จนตอนนี้ที่ร้านแม่ยอมจ้างคนมาช่วยแล้ว
ซึ่งก็คือหลานผมเอง ให้วันละ 300 ทำคนเดียวไม่ไหว
ร้านผมขายถูกกว่าร้านระแวกใกล้ๆด้วย ร้านอื่นจานละเริ่มต้น 50-60
ส่วนที่แม่ผมขายคือธรรมดา 40 พิเศษ 45 เป็นราคาที่พอขายให้น้องๆเด็กๆวัยรุ่นมีตังค์มากินกันได้
และเนื่องจากผมก็ทำงาน ถึงจะ work from home แต่ก็คือไม่ว่างเลย ทำโอทีโอฟรีผสมกันไป
ออกไปเจอหน้าแม่แค่ตอนพักเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ยุ่งทุกวัน
บางวันว่างๆงานไม่เร่งหรือไม่มีไรต้องทำก็ไปช่วยงานที่ร้านแปบๆ
รู้สึกว่าคิดถูกมากที่ปลูกผักทานเองครับ
ทั้งทานเอง ทั้งเอาไปทำอาหารขายลูกค้าด้วย
ฉะนั้นผมเดินทางมาถึงจุดนี้ ที่เสริมชื่อเสียงให้ร้านอาหารของแม่ ผมก็ยิ่งมีความสุข
เพราะลูกค้าเชื่อใจว่าอาหารที่แม่ผมทำคือปลอดภัย
ตอนแรกแม่ผมก็คัดค้านว่าจะปลูกทำไมเปลืองเงิน ดูแลคงลำบาก ซื้อที่ตลาดเอาก็ได้
แต่ผมอยากลองดู เริ่มทีละน้อย ภายใน 1 เดือน ตัดสินใจทำโรงเรือน โดยปรึกษาเพื่อนๆที่มีความรู้ไปด้วย
ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ให้คำแนะนำจนการปลูกผักของผมประสบผลสำเร็จครับ
มีเพือนๆคนไหนปลูกผักทานเองบ้างครับ
ถ้ายัง ต้องลองปลูกแล้วนะครับ แล้วคุณจะไม่เสียใจหรือเหนื่อยฟรี
การปลูกผักทานเองมันดีกว่าซื้อกินมาก เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าผักนั้นเจออะไรมาบ้าง
ส่วนตัวผม
รู้สึกว่าคิดถูกมาก ที่ปลูกผักทานเอง
ได้ประโยชน์ทั้งธุรกิจที่บ้าน มีคนมากินข้าวฝีมือแม่ผมเยอะขึ้น
และผมก็ทานผักทุกอย่างที่ปลูกเองด้วย ปลูกผักกินเองนี่ได้ทั้งตังค์ได้ทั้งสุขภาพอีก ได้สองเด้ง