อ. สุจินต์ แสดงออกอย่างไรเมื่อมีผู้โจมตีกล่าวหา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวนรกหรือกำเนิดสัตว์เดรัจฉานสำหรับภิกษุผู้มีอาบัติติดตัว

พระวินัยบัญญัติห้ามมิให้พระภิกษุรับเงินและทองหรือยินดีในเงินและทอง

ถึงแม้พระรับเงินจะเป็นเพียงอาบัติปาจิตตีย์ แต่จะต้องปลงอาบัติให้ถูกต้องด้วยการสละเงินที่รับมาทั้งหมดท่ามกลางสงฆ์ ซึ่งถามหน่อยว่ามีพระรูปไหนสละเงินที่รับจากญาติโยมในท่ามกลางหมู่สงฆ์บ้าง ดังนั้น เมื่อไม่ได้ปลงอาบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย จึงยังคงมีอาบัติติดตัวอยู่ เมื่อตายไปในขณะดำรงเพศบรรพชิต ก็มีโอกาสสูงมากทื่จะตกนรกหมกไหม้ ได้รับความทรมานแสนสาหัสชั่วกัปชั่วกัลป์

ขนาดเราเห็นคนที่กำลังจะประสบภัยหรืออุบัติเหตุ  เรายังอดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือ

เช่น เห็นคนที่กำลังจะขับรถขึ้นสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ  ถ้าขับขึ้นไป มีโอกาสขับตกลงมาตายได้
เรายังต้องรีบหาทางบอกกล่าวให้คนขับรถคันนั้นรู้ตัว จะได้ไม่ขับขึ้นไปบนสะพาน

แล้วนี่ เราเห็นพระที่ละเมิดพระวินัยด้วยการรับเงินจากคฤหัสถ์ ทุกวันๆๆๆ  ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่า พระรูปนั้นไม่ได้เอาเงินที่รับมาไปสละในท่ามกลางสงฆ์แล้ปลงอาบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย  เมื่อตายไปในขณะยังเป็นภิกษุ ย่อมมีอาบัติติดตัว แล้วอาบัติหนาแน่นแค่ไหน เพราะทำผิดพระวินัยแทบทุกวัน  เมื่อตายไป ก็ย่อมจะไปสู่อบายภูมิแน่นอน (เว้นแต่เราจะไม่เชื่อคำของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวนรกหรือกำเนิดสัตว์เดรัจฉานสำหรับภิกษุผู้มีอาบัติติดตัว”)

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว  เราจะนิ่งดูดาย  คิดว่าเรื่องไม่ใช่  ไม่ใช่เรื่องของเราหรือ  เหมือนอย่างเห็นคนที่กำลังขับรถจะขึ้นสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ  เราจะไม่หาทางบอกเขาให้รู้ตัวหรือว่ากำลังมุ่งหน้าไปทางที่ผิดที่จะนำไปสู่หายนะ  เราจะคิดแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องของเราหรือ  เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาสิ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่