พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว
นรกหรือกำเนิดสัตว์เดรัจฉานสำหรับภิกษุผู้มีอาบัติติดตัว”
พระวินัยบัญญัติห้ามมิให้พระภิกษุรับเงินและทองหรือยินดีในเงินและทอง
ถึงแม้พระรับเงินจะเป็นเพียงอาบัติปาจิตตีย์ แต่จะต้องปลงอาบัติให้ถูกต้องด้วยการสละเงินที่รับมาทั้งหมดท่ามกลางสงฆ์ ซึ่งถามหน่อยว่ามีพระรูปไหนสละเงินที่รับจากญาติโยมในท่ามกลางหมู่สงฆ์บ้าง ดังนั้น เมื่อไม่ได้ปลงอาบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย จึงยังคงมีอาบัติติดตัวอยู่ เมื่อตายไปในขณะดำรงเพศบรรพชิต ก็มีโอกาสสูงมากทื่จะตกนรกหมกไหม้ ได้รับความทรมานแสนสาหัสชั่วกัปชั่วกัลป์
ขนาดเราเห็นคนที่กำลังจะประสบภัยหรืออุบัติเหตุ เรายังอดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือ
เช่น เห็นคนที่กำลังจะขับรถขึ้นสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ ถ้าขับขึ้นไป มีโอกาสขับตกลงมาตายได้
เรายังต้องรีบหาทางบอกกล่าวให้คนขับรถคันนั้นรู้ตัว จะได้ไม่ขับขึ้นไปบนสะพาน
แล้วนี่ เราเห็นพระที่ละเมิดพระวินัยด้วยการรับเงินจากคฤหัสถ์ ทุกวันๆๆๆ ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่า พระรูปนั้นไม่ได้เอาเงินที่รับมาไปสละในท่ามกลางสงฆ์แล้ปลงอาบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เมื่อตายไปในขณะยังเป็นภิกษุ ย่อมมีอาบัติติดตัว แล้วอาบัติหนาแน่นแค่ไหน เพราะทำผิดพระวินัยแทบทุกวัน เมื่อตายไป ก็ย่อมจะไปสู่อบายภูมิแน่นอน (เว้นแต่เราจะไม่เชื่อคำของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว
นรกหรือกำเนิดสัตว์เดรัจฉานสำหรับภิกษุผู้มีอาบัติติดตัว”)
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราจะนิ่งดูดาย คิดว่าเรื่องไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องของเราหรือ เหมือนอย่างเห็นคนที่กำลังขับรถจะขึ้นสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ เราจะไม่หาทางบอกเขาให้รู้ตัวหรือว่ากำลังมุ่งหน้าไปทางที่ผิดที่จะนำไปสู่หายนะ เราจะคิดแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องของเราหรือ เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาสิ
อ. สุจินต์ แสดงออกอย่างไรเมื่อมีผู้โจมตีกล่าวหา
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวนรกหรือกำเนิดสัตว์เดรัจฉานสำหรับภิกษุผู้มีอาบัติติดตัว”
พระวินัยบัญญัติห้ามมิให้พระภิกษุรับเงินและทองหรือยินดีในเงินและทอง
ถึงแม้พระรับเงินจะเป็นเพียงอาบัติปาจิตตีย์ แต่จะต้องปลงอาบัติให้ถูกต้องด้วยการสละเงินที่รับมาทั้งหมดท่ามกลางสงฆ์ ซึ่งถามหน่อยว่ามีพระรูปไหนสละเงินที่รับจากญาติโยมในท่ามกลางหมู่สงฆ์บ้าง ดังนั้น เมื่อไม่ได้ปลงอาบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย จึงยังคงมีอาบัติติดตัวอยู่ เมื่อตายไปในขณะดำรงเพศบรรพชิต ก็มีโอกาสสูงมากทื่จะตกนรกหมกไหม้ ได้รับความทรมานแสนสาหัสชั่วกัปชั่วกัลป์
ขนาดเราเห็นคนที่กำลังจะประสบภัยหรืออุบัติเหตุ เรายังอดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือ
เช่น เห็นคนที่กำลังจะขับรถขึ้นสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ ถ้าขับขึ้นไป มีโอกาสขับตกลงมาตายได้
เรายังต้องรีบหาทางบอกกล่าวให้คนขับรถคันนั้นรู้ตัว จะได้ไม่ขับขึ้นไปบนสะพาน
แล้วนี่ เราเห็นพระที่ละเมิดพระวินัยด้วยการรับเงินจากคฤหัสถ์ ทุกวันๆๆๆ ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่า พระรูปนั้นไม่ได้เอาเงินที่รับมาไปสละในท่ามกลางสงฆ์แล้ปลงอาบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เมื่อตายไปในขณะยังเป็นภิกษุ ย่อมมีอาบัติติดตัว แล้วอาบัติหนาแน่นแค่ไหน เพราะทำผิดพระวินัยแทบทุกวัน เมื่อตายไป ก็ย่อมจะไปสู่อบายภูมิแน่นอน (เว้นแต่เราจะไม่เชื่อคำของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวนรกหรือกำเนิดสัตว์เดรัจฉานสำหรับภิกษุผู้มีอาบัติติดตัว”)
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราจะนิ่งดูดาย คิดว่าเรื่องไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องของเราหรือ เหมือนอย่างเห็นคนที่กำลังขับรถจะขึ้นสะพานที่ยังสร้างไม่เสร็จ เราจะไม่หาทางบอกเขาให้รู้ตัวหรือว่ากำลังมุ่งหน้าไปทางที่ผิดที่จะนำไปสู่หายนะ เราจะคิดแค่ว่า ไม่ใช่เรื่องของเราหรือ เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาสิ