ผีอีแก้ว (เรื่องที่แม่เล่าให้ฟัง)

สวัสดีครับ  ชาวพันทิปทุกคนผมชื่อโอ๊ตครับ อายุ30ปี นี่เป็นกระทู้แรกที่ผมเริ่มเขียนบนดว็ปพันทิป อาจจะตั้งผิดห้องต้องขออภัยครับ คือผมเองเป็นคนเล่าเรื่องไม่เก่ง  ต้องขออภัยครับ  เรื่องอาจจะอ่านแล้วดูไม่น่าเชื่อ แต่ก็ถือซะว่าผมมาโม้ให้ฟังล่ะกันนะครับ😀😀😀ก่อนอื่นผมขอแยกเป็น ช่วงๆไปนะครับเพราะมี่แม่เล่าให้ฟังมันมีหลายเหตุการณ์มากๆ ไม่แน่บทความนี้อาจจะไม่พอ จะเริ่มยังไงดีล่ะ
ย้อนไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมนั่งทานข้าวกับแม่ อยู่ดีๆนึกไงไม่รู้ ผมได้ขอให้แม่ผม เล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกครั้ง เรื่องราวเกิดขึ้นที่จังหวัดสกลนครครับย้อนไปเมื่อ 50ปีที่แล้ว  ของจ.สกลนครบ้านเกิดผมในตอนนั้น แม่ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นไฟ้ฟ้ายังมาไม่ถึง หมู่บ้านของแม่ทุกคนทุกบ้านใช้ตะเกียงให้ความสว่างแทนไฟฟ้า สมัยนั้นแม่เล่าให้ฟังว่า สิ่งที่พอจะให้คนสมัยนั้นไม่เหงาก็คือวิทยุ  ตอนนั้นแม่ผมอายุประมาน20ต้นๆครับพึ่งจะแต่งงานกับพ่อใหม่ๆ (ปัจจุบันคุณพ่อผมเสียตั้งแต่ผม6ขวบแล้วครับ)  แม่เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นแม่ผมแต่งเข้าบ้านพ่อได้ประมาน1ปี บ้านสมัยนั้นก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรครับ เป็นบ้านยกสูงตามแบบฉบับคนอีสานสมัยก่อนที่หลังคาตอนนั้นยังมุงด้วยหญ้าคาและ   หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ปัจจุบันนี้ในสมัยนั้นมีแต่ป่า เพราะตากับยายพลัดถิ่นฐานมาจากอุบลราชธานีมาตั้งรกรากใหม่ที่นี่ พูดง่ายๆว่ามันคือป่าช้าเก่าก่อนจะมาเป็นหมู่บ้านครับ  ด้วยความที่แม่ผมพึ่งแต่งเข้าบ้านพ่อมาไม่นาน  ตอนนั้นแกยังไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ จะมีก็เพียงป้าแก้ว (ผมขอใช้นามเรียกว่าป้าแก้วแล้วกันนะครับถือว่าเป็นการให้เกียติ)  ที่อายุไล่เลี่ยกันกับแม่ ป้าแก้วแกเป็นคนที่สวยมากๆครับ  ตัวเล็กเป็นคนขยัน ตัวป้าแก้วเองก็พึ่งแต่งเข้ามาหลังแม่ได้ไม่กี่เดือน แม่เลยค่อนข้างที่จะสนิทกับแกมากเป็นพิเศษ    หลายเดือนต่อมาป้าแก้วแกก็เริ่มมีน้องครับ และชีวิตคู่ของป้าแก้วก็ดูเหมือนจะไม่มีความสุข สามีป้าแก้ว แกเมาและทะเลาะกันตลอด  จนมาวันหนึงสามีป้าแกแอบหนีไปกับชู้  ทิ้งป้าแก้วใว้บ้านคนเดียว แม่ผมเล่าว่า แกร้องไห้ทุกวัน แม่ผมได้แต่เพียงเข้าไปปลอบ   ทุกๆวันแม่กับพ่อจะทำกับข้าวไปให้ป้าแก้วทุกวันครับ จนหลายวันเข้าท้องป้าแก่ก็เริ่มโตขึ้น  ทุกๆคนต่างเวทนาและสงสารแก  ป้าแก้วจากเดิมเป็นคนพูดเพราะยิ้มแย้ม   แกกลับไม่ค่อยพูดค่อยจา แกร้องไห้ทุกคืนครับ เฝ้าคิดถึงแต่สามีที่จากไป    ออ!!ลืมเล่าบ้านแม่ผม กับบ้านป้าแก้วอยู่ไม่ห่างกันมากครับ เดินข้ามถนนไปก็ถึง ทุกคืนแม่ผมจะได้ยินเสียงป้าแกร้องไห้หาสามีทุกคืนครับ จนกระทั่งคืนหนึง แกร้องไห้จนแม่ผมคุยกับพ่อว่าพรุ้งนี้จะขึ้นไปดูแกหน่อย   เช้าตรู่แม่ผมรีบไปหาป้าแก้ว แต่ป้าแก้วก็ไม่อยู่บ้าน ที่น่าแปลกคือ ทุกคืนจะได้ยินเสียงแกร้องไห้ทุกคืน  จนคืนหนึงแม่ผมเขาสงสารเลยตัดสินใจไปบ้านป้าแก้วในคืนนั้น แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่อยู่ใต้ถุนบ้านป้าแก้ว ยังได้ยินเสียงร้องไห้อยู่เลย แต่พอแม่กับพ่อผมเดินขึ้นไปบนบ้านกลับไม่มีคนอยู่ตะเกียงก็ไม่ได้จุดไฟเสียงร้องไห้ที่ได้ยินก็เงียบ  พ่อผมกับแม่รู้สึกถึงความแปลกประหลาด  แกรีบวิ่งลงมาจากบ้านป้าแก้วทันที  พอเช้าพ่อกับแม่ตื่นมาเล่าให้ตากับยายฟังตากับยายก็ไม่เชื่อเพราะจะเป็นไปได้ไงอีแก้วมันยังไม่ตาย ยายด่าพ่อกับแม่ผม  ถัดมาจากวันนั้น ประมาน2-3วัน  มีคนพบศพหญิงท้องแก่ผูกคอตายใต้ต้นมะขามทางที่นาของลุงเคน  ตาผมที่ตอนนั้นเป็นผู้ใหญ่บ้านแกได้พาชาวบ้านเข้าไปดู ปรากฏคือร่างของป้าแก้ว  ที่แขวนอยู่บนกิ่งของต้นมะขาม ที่น่าแปลกคือ ศพป้าแก้วแกเน่าและขึ้นอืดคาเชือกคน คอแทบจะเปื่อยหลุดออกมา  ร่างเต็มไปด้วยเล่าหนอนและแมงวันส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว   
 มาถึงตอนนี้ผมขอเข้าตอนที่1 เลยแล้วกันนะครับ

ตอนที่1 อัญเชิญศพ  

ตาผมได้สั่งให้ผู้ชายในหมู่บ้าน3-4คน ขึ้นไปตัดเชือกเอาศพลงมา   ศพได้ถูกลำเลียงลงมาจากต้นมะขามสมัยนั้นยังไม่มีโลงครับ ชาวบ้านพากันใช้เสื่อห่อศพป้าแก้ว แล้วใช้ไม่ไผ่สานเป็นแคร่  ยกร่างป้าแก้วขึ้นเพื่อจะนำไปทำพิธีทางศาสนาต่อ แต่ว่าชาย4คนที่กำลังจะยกแคร่ที่มีศพป้าแก้วนอนอยู่กลับยกแคร่ไม่ขึ้น ลุงศร 1ในคนที่ยกแคร่  แกยกจนแคร่ไม่ไผ่หักแต่ก็ไม่มีท่าที ที่จะยกขึ้นจนตาผมได้มาบอกให้พ่อไปตามพ่อใหญ่มหา แกเป็นหมอผีประจำหมู่บ้าน พ่อตามหาแกมา แกก็ด่าตาผมไปชุดใหญ่ว่า ก็แก่แล้วเรื่องแค่นี้ก็บ่ฮู้อีกบ่ ผีตายห่าตายโหงตายทั้งกลม  ผีบ้านผีเมืองปกปักรักษาเพิ่นบ่ให้ผ่านเข้าหมู่บ้าน   เอาล่ะกูสิเฮ็ดพิธีขอปู่ย่าเพิ่นเปิดทางเอาศพไปประกอบพิธี   พอตามหาแกทำพิธีเสร็จ ลุงศรแกก็ยกศพป้าแก้วขึ้น แล้วก็ลำเลียงศพเพื่อจะไปประกอบพิธีที่วัดในหมู่บ้าน  แต่ว่าทางที่จะเข้าไปหมู่บ้านนั้น มันต้องผ่านอีกหมู่บ้านอีก2-3หมู่บ้าน  ซึ่งทาง2-3หมู่บ้านนั้น ก็ไม่ยอมให้ขบวนศพนี้ผ่านเข้าไป เพราะเชื่อว่า ผีตายโหงตายทั้งกลมมันเหี้ยนกลางค่ำกลางคืนมันจะเดินไปตามรอยขบวนที่แห่เพื่อเก็บรอยเท้า  ตาผมก็พยายามคุยกับผู้ใหญ่บ้านแต่ล่ะหมู่บ้าน แต่ก็ไม่เป็นผล  จนสุดท้ายตาต้องปรึกษาตามหาจนได้ความเห็นว่า เราอาจจะต้องอ้อมหมู่บ้านพวกนี้ไปแม่จะไกลหน่อย  แต่ต้องยอมเพื่อพิธีจะได้เสร็จสิ้น  เมื่อตกลงกันแล้ว ทุกคนจึงได้เริ่มขบวนศพป้าแก้วเดินทางอ้อมลัดเลาะ  เพื่อที่จะได้นำศพป้าแก้วมาที่วัด  ระหว่างทางที่กำลังขนศพป้าแล้วนั้น ลุงศร ที่หามศพป้าแก้วบริเวนศรีษะ ก็ได้ยินเสียงร้องให้เบาๆ  ดังมาจากศพของป้าแก้ว  ลุงศรแกกำลังจะหันกลับมา แต่ตามหาก็ได้เดินมาจับไล่ลุงศร ไว้พร้อมบอกให้แกเดินต่อไปอย่าหันหลัง  เมื่อศพมาถึงวัดแล้วก็ทำเอาเวลาเกือบค่ำ เพราะทางที่ต้องอ้อมเข้ามา มันค่อนข้างใกล จากหมู่บ้าน  และพิธีก็สำเร็จด้วยดีชาวบ้านได้นำร่างเด็กออกจากท้องป้าแก้ว เสร็จแล้วก็นำไปฝังตามความเชื่อของคนอีสานในสมัยนั้น..

มาถึงตอนนี้ผมเองก็ขอพักหน่อยนะครับพิมพ์นานเริ่มเหมื่อย  เรื่องนี้จริงๆแม่เล่าน่ากลัวมากครับ พอผมมาพิมพ์ ก็ไม่รู้จะใช้ภาษายังไง เพราะที่แม่เล่าเป็นภาษาอีสาน และทุกคนต่างพูดอีสาน  ถ้าไม่น่ากลัวยังไงก็ขออภัยนะครับ  เพราะผมต้องดัดแปลงภาษาพื้นถิ่น ให้เป็นภาษาไทยผ่านตัวอักษร😀😀😀
  เอาเป็นว่าตอนนี้ที่ผมกำลังพิมพ์อยู่ คือ วัน ศุกร์ ที่18ตุลาคม 2567 เวลาตอนนี้ก็ตี 02.56นาทีแล้ว พรุ้งนี้ เวลาประมาน21.40น.  เลิกงานผมจะมาเล่าให้ฟังต่อในตอนที่2 ล่ะกันนะครับ อันนี้ ทุกคนในหมู่บ้านต่างได้สัมผัส กันแทบทุกคน หลังจากที่นำศพป้าแก้วฝังเสร็จแล้ว  กับตอนที่2 ที่มีชื่อว่า  เก็บรอยเท้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่