ว.วชิรเมธี งานเข้า กมธ.ศาสนา จ่อถกเข้มเทศน์เชียร์ดิไอคอน ชี้ไม่เหมาะสมพูดจูงในลงทุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4850478
‘กมธ.ศาสนา’ เตรียมประชุม ปม ‘ว.วชิรเมธี’ เทศน์เชียร์ ‘ดิไอคอน’ ชี้พระสงฆ์เหมือนอินฟลูเอนเซอร์ ไม่เหมาะสมหากพูดจูงใจลงทุน
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นาย
วีรภัทร คันธะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีปรากฏคลิปและภาพของท่าน ว.วชิรเมธี ขณะที่เทศน์บรรยายสอนทีมผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า วันนี้จะมีการประชุม กมธ. โดยในประเด็นนี้ตนเตรียมแจ้งเสนอต่อประธานในที่ประชุม ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้างในกรณีนี้
เมื่อถามว่า ดูจากรูปการในการเทศนาในลักษณะนี้ ที่มีการเชียร์บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ในทางหลักพระธรรมหรือหลักกฎหมาย มีความผิดอะไรหรือไม่ นาย
วีรภัทรกล่าวว่า ตนยังไม่ได้ศึกษากฎหมายอย่างละเอียด แต่ใช้คำว่าอาจจะไม่เหมาะสม โดยในส่วนของกฎหมายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทางประชาชนหรือทางโลกได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามที่ประชุม กมธ. จะเชิญคนที่เกี่ยวข้องเป็นใครหรือหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจงนั้นเป็นอำนาจของประธาน กมธ. หากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวตนจะมาแถลงอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
นาย
วีรภัทรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และประเด็นนี้ขอไปคุยกันใน กมธ.ก่อน และย้ำว่าหากมีความคืบหน้าจะมาแถลงอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณี ที่หลายคนเชื่อในคำบอกของพระ นายวีรภัทรกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า ในฐานะที่พระเหมือนกับดารา อินฟลูเอ็นเซอร์ ที่มีผลต่อความคิดและทัศนคติ ซึ่งตนคิดว่าถ้าไม่ใช่กิจของสงฆ์ การออกมาเชียร์หรือพูดในลักษณะในลักษณะที่มีการจูงใจในลักษณะที่ให้มีการลงทุน หรือมีการพูดถึงธุรกิจในทางใดทางหนึ่ง คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม กระแสสังคมส่วนหนึ่งได้พิพากษาแล้วว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวไม่ว่าพระสงฆ์หรือดารามีความไม่เหมาะสมอย่างมาก เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“
เรายังมีพระสงฆ์องค์เจ้าที่มีลักษณะเดียวกันอีกหลายรูปแบบที่เชียร์ธุรกิจ หรือมีการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงเป็นหน้าที่ของ กมธ.ที่จะตรวจสอบด้วย” นาย
วีรภัทรกล่าว
ร้องกมธ.ศาสนา สอบ ‘รองเจ้าคณะอำเภอ’ ชื่อดังร้อยเอ็ด ปมมีคลิปเสพเมถุน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9462806
กมธ.ศาสนา รับหนังสือตรวจสอบ ‘รองเจ้าคณะอำเภอ’ ชื่อดังร้อยเอ็ด ปมมีคลิปเสพเมถุน ชี้เร่งตรวจอีกคนในคลิปเป็นสามเณรหรือไม่
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2567 ที่รัฐสภา นาย
ภูริวรรธก์ ใจสำราญ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนาย
ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพื่อขอให้ศึกษา ตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ รองเจ้าคณะอำเภอ ในจ.ร้อยเอ็ด ประพฤติวินัยผิดร้ายแรงต่อสามเณร
โดยกรณีนี้ นาย
ปารมี ได้เรียกร้องให้ให้นำเรื่องดังกล่าวเข้ากมธ.และพิจารณาเชิญ หน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ควบคุมหรือเกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลและตรวจสอบ
ด้านนาย
ปารมี กล่าวว่า กรณีรองเจ้าคณะอำเภอชื่อดังในจ.ร้อยเอ็ด มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ว่าพระภิกษุสงฆ์รูปนี้ ได้เสพเมถุนกับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าเป็นบุคคลหรือสามเณร ซึ่งความผิดต้องแยกออกเป็นความผิดทางพระศาสนา กับความผิดอาญาของบ้านเมือง หากในคลิปวิดีโอ เป็นสามเณรที่เป็นเด็กเยาวชน จะผิดกฎหมายบ้านเมืองซึ่งเป็นการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก
ตนจึงเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เร่งนำตัวภิกษุรูปนี้มาสืบสวนสอบสวน ซึ่งแน่นอนว่าในคลิปวิดีโอภิกษุได้ขาดความเป็นพระแล้ว และย้ำว่าขอให้สอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะสั่นคลอนความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
นายปารมี กล่าวต่อว่า มีข่าวกรณีแบบนี้บ่อยแต่มหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลับนิ่งเฉย ทำให้ชาวพุทธเอือมระอา เด็กรุ่นใหม่เบื่อวัด ไม่เข้าวัด ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องแบบนี้ด้วย สำนักเรียนพระปริยัติธรรมที่มีการเปิดโอกาสให้สามเณรเข้าไปศึกษา แต่สามเณรบางคนต้องมาถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งตนเห็นว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องปกป้องคุ้มครองสิทธิของเขา
โดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องบูรณาการกันหามาตรการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่สามเณรที่บวชเรียนแล้วถูกภิกษุรุ่นใหญ่ล่วงละเมิด ซึ่งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับสามเณรที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และเข้ามาบทเรียนเพื่อหวังได้ความรู้ อย่างไรก็ตาม เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาพูดคุยในกมธ. เพื่อหามาตรการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมต่อไป
มาตรการรัฐ ปลุกไม่ขึ้น ตลาดอสังหาปี67 ร่วงหนัก 40% เอฟเฟ็กต์พิษเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4850174
มาตรการรัฐ ปลุกไม่ขึ้น ตลาดอสังหาปี67 ร่วงหนัก 40% เอฟเฟ็กต์พิษเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน
วันที่ 16 ตุลาคม นาย
ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด(LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวและปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น หนี้ครัวเรือน หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวสูง ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีอิทธิพลต่อนโยบายภาครัฐ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวให้สอดรับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลสะสม 8 เดือนแรกปี 2567 ลดลง มีเปิดตัว 225 โครงการ จำนวน 39,051 หน่วย ลดลง 36% มูลค่า 257,823 ล้านบาท ลดลง 11% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากกำลังซื้อชะลอตัวตัว ผู้ประกอบการจึงชะลอแผนเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส3 โดยเฉพาะอาคารชุดและบ้านพักอาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่บ้านพรีเมียมยังคงเติบโตต่อเนื่อง
“
โดยเป็นการเปิดตัวอาคารชุด 40 โครงการ ลดลง 29% จำนวน 14,517 หน่วย ลดลง 51% มูลค่า 70,428 ล้านบาท ลดลง 14% มีเปิดตัวใหม่ 56 โครงการ 29,601 หน่วย มูลค่า 81,457 ล้านบาท ขณะที่ราคายังคงสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 4.85 ล้านบาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 76% เป็นผลจากผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าต่อหน่วยสูงขึ้น เลี่ยงกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธสินเชื่อจากแบงก์ ส่วนทำเลที่เปิดตัวสูงสุดอยู่รามคำแหง เพราะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเชื่อกับสายสีส้ม” นาย
ประพันธ์ศักดิ์กล่าว
นายป
ระพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ส่วนตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท มีเปิดตัวทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าลดลงเช่นโดยเปิดตัวใหม่ 121 โครงการลดลง 18% จำนวน 20,067 หน่วย ลดลง 51% มูลค่า 88,180 ล้านบาท ลดลง 14% สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เริ่มชะลอตัวลงมาตั้งแต่ช่วงปีก่อนหน้า โดยทาวน์เฮาส์เปิดมากสุด 52% บ้านเดี่ยว 28% บ้านแฝด 20% โดยในไตรมาส 3 มีเปิดตัวสูงสุดในทำเลพระราม 2 แต่มีหน่วยขายได้สะสมสูงสุดทำเลเพชรเกษม เพราะใกล้ย่านธุรกิจของเมือง อย่างสีลม และสาทร
นาย
ประพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ขณะที่ตลาดบ้านพรีเมียมแม้เผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจ ยังคงเติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2565 หลังผู้ประกอบการปรับตัวให้ตอบสนองกับความต้องการผู้บริโภคกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูง ส่งผลทำให้มีเปิดตัว 69 โครงการ เพิ่มขึ้น 15% จำนวน 4,467 หน่วยเพิ่มขึ้น 14% มูลค่า 99,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% แต่กำลังซื้อเริ่มชะลอตัว โดยบ้านเดี่ยวเปิดตัวถึง 90% ราคามากกว่า 20 ล้านบาท ยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นจากปัจจัยเรื่องราคาที่ดินและหายากมากขึ้น ซึ่งไตรมาส 3 เปิดตัวมากสุดทำเลบรมราชชนนี แต่มีหน่วยขายได้สะสมสูงสุดในทำเลวัชรพล
“
ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ภาคอสังหาฯ ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัยเสี่ยง ทำให้ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลทั้งปี 2567 เติบโตลดลง ทั้งจำนวนหน่วยลดลง 20-40% มูลค่าลดลง 10-30% คาดว่าจะมีเปิดตัวที่ 59,000-79,000 หน่วย มูลค่า 380,000-489,000 ล้านบาท แม้มีมาตรการกระตุ้นอสังหาจากรัฐ สำหรับบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท แต่ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเองยังคงต้องระมัดระวังจากปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน” นาย
ประพันธ์ศักดิ์กล่าว
JJNY : ว.วชิรเมธี งานเข้า กมธ.ศาสนาจ่อถก│ร้องกมธ.ศาสนา สอบปมมีคลิป│มาตรการรัฐ ปลุกไม่ขึ้น│เวียดนามส่งออกผัก-ผลไม้สูง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4850478
‘กมธ.ศาสนา’ เตรียมประชุม ปม ‘ว.วชิรเมธี’ เทศน์เชียร์ ‘ดิไอคอน’ ชี้พระสงฆ์เหมือนอินฟลูเอนเซอร์ ไม่เหมาะสมหากพูดจูงใจลงทุน
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายวีรภัทร คันธะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีปรากฏคลิปและภาพของท่าน ว.วชิรเมธี ขณะที่เทศน์บรรยายสอนทีมผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า วันนี้จะมีการประชุม กมธ. โดยในประเด็นนี้ตนเตรียมแจ้งเสนอต่อประธานในที่ประชุม ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้างในกรณีนี้
เมื่อถามว่า ดูจากรูปการในการเทศนาในลักษณะนี้ ที่มีการเชียร์บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ในทางหลักพระธรรมหรือหลักกฎหมาย มีความผิดอะไรหรือไม่ นายวีรภัทรกล่าวว่า ตนยังไม่ได้ศึกษากฎหมายอย่างละเอียด แต่ใช้คำว่าอาจจะไม่เหมาะสม โดยในส่วนของกฎหมายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทางประชาชนหรือทางโลกได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามที่ประชุม กมธ. จะเชิญคนที่เกี่ยวข้องเป็นใครหรือหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจงนั้นเป็นอำนาจของประธาน กมธ. หากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวตนจะมาแถลงอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
นายวีรภัทรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และประเด็นนี้ขอไปคุยกันใน กมธ.ก่อน และย้ำว่าหากมีความคืบหน้าจะมาแถลงอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณี ที่หลายคนเชื่อในคำบอกของพระ นายวีรภัทรกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า ในฐานะที่พระเหมือนกับดารา อินฟลูเอ็นเซอร์ ที่มีผลต่อความคิดและทัศนคติ ซึ่งตนคิดว่าถ้าไม่ใช่กิจของสงฆ์ การออกมาเชียร์หรือพูดในลักษณะในลักษณะที่มีการจูงใจในลักษณะที่ให้มีการลงทุน หรือมีการพูดถึงธุรกิจในทางใดทางหนึ่ง คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม กระแสสังคมส่วนหนึ่งได้พิพากษาแล้วว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวไม่ว่าพระสงฆ์หรือดารามีความไม่เหมาะสมอย่างมาก เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“เรายังมีพระสงฆ์องค์เจ้าที่มีลักษณะเดียวกันอีกหลายรูปแบบที่เชียร์ธุรกิจ หรือมีการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงเป็นหน้าที่ของ กมธ.ที่จะตรวจสอบด้วย” นายวีรภัทรกล่าว
ร้องกมธ.ศาสนา สอบ ‘รองเจ้าคณะอำเภอ’ ชื่อดังร้อยเอ็ด ปมมีคลิปเสพเมถุน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9462806
กมธ.ศาสนา รับหนังสือตรวจสอบ ‘รองเจ้าคณะอำเภอ’ ชื่อดังร้อยเอ็ด ปมมีคลิปเสพเมถุน ชี้เร่งตรวจอีกคนในคลิปเป็นสามเณรหรือไม่
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2567 ที่รัฐสภา นายภูริวรรธก์ ใจสำราญ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพื่อขอให้ศึกษา ตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ รองเจ้าคณะอำเภอ ในจ.ร้อยเอ็ด ประพฤติวินัยผิดร้ายแรงต่อสามเณร
โดยกรณีนี้ นายปารมี ได้เรียกร้องให้ให้นำเรื่องดังกล่าวเข้ากมธ.และพิจารณาเชิญ หน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ควบคุมหรือเกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลและตรวจสอบ
ด้านนายปารมี กล่าวว่า กรณีรองเจ้าคณะอำเภอชื่อดังในจ.ร้อยเอ็ด มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ว่าพระภิกษุสงฆ์รูปนี้ ได้เสพเมถุนกับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าเป็นบุคคลหรือสามเณร ซึ่งความผิดต้องแยกออกเป็นความผิดทางพระศาสนา กับความผิดอาญาของบ้านเมือง หากในคลิปวิดีโอ เป็นสามเณรที่เป็นเด็กเยาวชน จะผิดกฎหมายบ้านเมืองซึ่งเป็นการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก
ตนจึงเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เร่งนำตัวภิกษุรูปนี้มาสืบสวนสอบสวน ซึ่งแน่นอนว่าในคลิปวิดีโอภิกษุได้ขาดความเป็นพระแล้ว และย้ำว่าขอให้สอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะสั่นคลอนความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
นายปารมี กล่าวต่อว่า มีข่าวกรณีแบบนี้บ่อยแต่มหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลับนิ่งเฉย ทำให้ชาวพุทธเอือมระอา เด็กรุ่นใหม่เบื่อวัด ไม่เข้าวัด ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องแบบนี้ด้วย สำนักเรียนพระปริยัติธรรมที่มีการเปิดโอกาสให้สามเณรเข้าไปศึกษา แต่สามเณรบางคนต้องมาถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งตนเห็นว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องปกป้องคุ้มครองสิทธิของเขา
โดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องบูรณาการกันหามาตรการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่สามเณรที่บวชเรียนแล้วถูกภิกษุรุ่นใหญ่ล่วงละเมิด ซึ่งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับสามเณรที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และเข้ามาบทเรียนเพื่อหวังได้ความรู้ อย่างไรก็ตาม เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาพูดคุยในกมธ. เพื่อหามาตรการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมต่อไป
มาตรการรัฐ ปลุกไม่ขึ้น ตลาดอสังหาปี67 ร่วงหนัก 40% เอฟเฟ็กต์พิษเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4850174
มาตรการรัฐ ปลุกไม่ขึ้น ตลาดอสังหาปี67 ร่วงหนัก 40% เอฟเฟ็กต์พิษเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน
วันที่ 16 ตุลาคม นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด(LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวและปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น หนี้ครัวเรือน หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวสูง ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีอิทธิพลต่อนโยบายภาครัฐ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวให้สอดรับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลสะสม 8 เดือนแรกปี 2567 ลดลง มีเปิดตัว 225 โครงการ จำนวน 39,051 หน่วย ลดลง 36% มูลค่า 257,823 ล้านบาท ลดลง 11% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากกำลังซื้อชะลอตัวตัว ผู้ประกอบการจึงชะลอแผนเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส3 โดยเฉพาะอาคารชุดและบ้านพักอาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่บ้านพรีเมียมยังคงเติบโตต่อเนื่อง
“โดยเป็นการเปิดตัวอาคารชุด 40 โครงการ ลดลง 29% จำนวน 14,517 หน่วย ลดลง 51% มูลค่า 70,428 ล้านบาท ลดลง 14% มีเปิดตัวใหม่ 56 โครงการ 29,601 หน่วย มูลค่า 81,457 ล้านบาท ขณะที่ราคายังคงสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 4.85 ล้านบาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 76% เป็นผลจากผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าต่อหน่วยสูงขึ้น เลี่ยงกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธสินเชื่อจากแบงก์ ส่วนทำเลที่เปิดตัวสูงสุดอยู่รามคำแหง เพราะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเชื่อกับสายสีส้ม” นายประพันธ์ศักดิ์กล่าว
นายประพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ส่วนตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท มีเปิดตัวทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าลดลงเช่นโดยเปิดตัวใหม่ 121 โครงการลดลง 18% จำนวน 20,067 หน่วย ลดลง 51% มูลค่า 88,180 ล้านบาท ลดลง 14% สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เริ่มชะลอตัวลงมาตั้งแต่ช่วงปีก่อนหน้า โดยทาวน์เฮาส์เปิดมากสุด 52% บ้านเดี่ยว 28% บ้านแฝด 20% โดยในไตรมาส 3 มีเปิดตัวสูงสุดในทำเลพระราม 2 แต่มีหน่วยขายได้สะสมสูงสุดทำเลเพชรเกษม เพราะใกล้ย่านธุรกิจของเมือง อย่างสีลม และสาทร
นายประพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ขณะที่ตลาดบ้านพรีเมียมแม้เผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจ ยังคงเติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2565 หลังผู้ประกอบการปรับตัวให้ตอบสนองกับความต้องการผู้บริโภคกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูง ส่งผลทำให้มีเปิดตัว 69 โครงการ เพิ่มขึ้น 15% จำนวน 4,467 หน่วยเพิ่มขึ้น 14% มูลค่า 99,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% แต่กำลังซื้อเริ่มชะลอตัว โดยบ้านเดี่ยวเปิดตัวถึง 90% ราคามากกว่า 20 ล้านบาท ยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นจากปัจจัยเรื่องราคาที่ดินและหายากมากขึ้น ซึ่งไตรมาส 3 เปิดตัวมากสุดทำเลบรมราชชนนี แต่มีหน่วยขายได้สะสมสูงสุดในทำเลวัชรพล
“ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ภาคอสังหาฯ ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัยเสี่ยง ทำให้ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลทั้งปี 2567 เติบโตลดลง ทั้งจำนวนหน่วยลดลง 20-40% มูลค่าลดลง 10-30% คาดว่าจะมีเปิดตัวที่ 59,000-79,000 หน่วย มูลค่า 380,000-489,000 ล้านบาท แม้มีมาตรการกระตุ้นอสังหาจากรัฐ สำหรับบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท แต่ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเองยังคงต้องระมัดระวังจากปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน” นายประพันธ์ศักดิ์กล่าว