เรา .. ท้อแล้วค่ะ เราไม่รู้ต้องทำยังไงดีแล้ว

ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงเลยค่ะ เพราะน่าจะยาวมาก แต่จะพยายามกระชับให้สั้นที่สุด แต่มันจะยาวหน่อย ถ้าไม่อยากอ่านข้ามๆ ไปเลยนะคะ และ ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราจริง ไม่มีการแต่งเติม แต่ทั้งนี้ ก็อาจจะพูดในแง่ของตัวเองฝั่งเดียว เป็นความเข้าใจจากคนที่เหนื่อยมากสุดแล้วตอนนี้เท่านั้นเอง

เรื่องคือ เรากับแฟนคบกันมาประมาณปีนิดๆ ค่ะ (เรากับแฟนเป็นผู้หญิงทั้งคู่ค่ะ) คบกันได้เดือนนึง พอเดือนที่ 2 แฟนก็ย้ายเข้ามาอยู่กับเราที่คอนโด แต่พอเข้าเดือนที่ 5-6 ก็เริ่มทะเลาะกันเรื่อยๆ และส่วนใหญ่จะเปนประจำทุกเดือน อาจจะเปนเรื่องเล็กเรืองใหญ่สลับกันไป แต่จะมาหนักสุดตอนต้นปี เพราะเค้าจับได้ว่า แฟนเก่าเราสร้างเฟส แล้วเอา Tab ของเราที่แฟนเก่าเอาไป ใช้ออนเฟสและเล่น โดยที่เราก็ไม่รู้เรื่อง ทำให้ต้องไปแจ้งความโดยที่แฟนเราเปนคนจัดการทั้งหมด (แต่เจ้าทุกข์คือเราค่ะ) พอตำรวจไปตามได้ของคืน เราเองก็อยากจบเรื่อง แต่แฟนเราไม่ยอมก็เปนเรื่องตลอดมา เค้าให้เพื่อนที่เปนทนายมาจัดการด้วย โดยที่เราไม่ได้ขอ เราเข้าใจว่าลักทรัพย์เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ แต่เราคุยกับตำรวจแล้ว เค้าก็อยากให้จบเรื่องกันไป แต่แฟนเราในตอนนั้น ไม่ยอม และไม่ฟังอะไรเลย มีแต่บังคับให้เราพูด จะเอาเรื่องอย่างเดียว จนเป็นเรื่องให้ต้องทะเลาะกันตลอดและทุกเดือน ก่อนหน้านั้น ที่จะมีเรื่อง เราก็ทะเลาะกันบ่อย จนเราต้องไปหาจิตแพทย์ตอนตุลา 66 (ตอนมีเรื่องไปโรงพัก เราไปเมื่อตอนมกรา 67 ค่ะ) ครั้งแรกที่เราไปห(าจิตแพทย์ตอนตุลา เราก็ให้แฟนเราไปด้วย เพื่อให้หมอได้คุยกับเค้าด้วย ว่าเราไม่ไหวแล้ว เราโดนกดดัน และเครียดมาก ทะเลาะกันทุกครั้ง เราทำร้ายตัวเองทุกครั้ง เพื่อให้เค้าหยุด แล้วจะได้จบ ทุกอย่างก็เหมือนจะดีได้ 1-2 เดือน แล้วก็มามีเรื่องอีก จนมีนา 67 เราเอาเศษแก้วที่ขว้างแตก กรีดคอตัวเอง แต่ไม่ลึกมาก และไปโรงพยาบาลก่อน ถึงตอนนั้นก็เข้าใจแล้วว่า ยิ่งคบกันไป ยิ่งแย่ และคงไปกันไม่รอดแล้ว  แต่ก็ยังหวัง ว่าจะปรับตัวได้ เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เราจะหอบลูกหนี (แมว 2 ตัว เป็นแมวของเราเอง ที่เลี้ยงก่อนจะคบกันค่ะ) ถ้าไม่กลับไปบ้านแม่ ก็จะไปบ้านแม่เพื่อน หรือไปเปิดห้องพักโรงแรม ที่เอาสัตว์เลี้ยงเข้าพักด้วยได้ แต่เค้าก็ตามกลับมาคอนโดทุกครั้ง เป็นเหมือนความ Toxic แบบนึงที่วนลูปไปเรื่อยๆ 

จนมากลางปีที่ผ่านมา เราย้ายมาอยู่บ้านเช่าด้วยกัน แต่ก็ยังทะเลาะกันในเรื่องจุกจิกมาตลอด โดนเรื่องทั้งหมด มีทั้งส่วนที่เราผิดด้วยก็มีค่ะ ตย.

-เราขี้หงุดหงิดมาก หลายครั้งที่เราอารมณ์เสีย เพราะไม่ชอบ แต่เลี่ยงไม่พูด แต่สีหน้าเก็บไม่ได้จริงๆ 
-ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกันมาก เค้าเปนคนชอบกินข้าวนอกบ้าน เลิกงานต้องไปเดินเล่นตลาดนัด ห้าง ไม่รีบกลับบ้าน แต่เราแค่อยากซื้อของกินกลับบ้าน เพราะเราต้องรีบกลับไปหาลูก (แมว)  ทำให้หลายครั้งทะเลาะกัน เพราะเสาร์อาทิตย์ ก็ต้องออกไปเที่ยวนอกบ้านอีก เค้าได้หยุดงานเสาร์อาทิตย์ แต่เราหยุดงานเฉพาะวันอาทิตย์ ทำให้พอได้หยุด เราเลยอยากอยู่บ้าน หรือ อยู่ห้องมากกว่า 
-เราไม่ชอบเที่ยวกลางคืนค่ะ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ไปเลย แต่นานๆ ทีไปได้ ไม่บ่อย แต่สำหรับแฟน ชอบออกไปกินข้าว ฟังเพลงตามร้านอาหารมาก กว่าจะยอมกลับคือ ร้านปิด ไม่เที่ยงคืน หรือ ตี 1 ก็มี แม้จะไม่เป็นทุกสัปดาห์ แต่ก็บ่อยเหมือนสัปดาห์เว้น สัปดาห์เหมือนกัน
-เราไม่เคยมีปัญหาเรื่องใช้จ่าย เพราะแยกกระเป๋ากันอยู่แล้วค่ะ  บอกตรงนี้เลยก็ได้ ว่าเราทำงาน 2 ที่เปนงานออนไลน์ กับงานทั่วไป ที่ต้องไปร้าน ส่วนแฟนเราทำงานแบงค์ (ขอไม่บอกว่าแบงค์ค่ะ) เวลาไปอาจมีสลับกันจ่ายบ้าง หรือบางเดือนถ้าเราช็อต ก็จะบอกตรงๆ ว่าไม่มี เค้าก็จะเปนคนจ่ายค่ะ
-เรื่องจุกจิกอื่นๆ ที่ทะเลาะกันประจำคือ เรื่องความสะอาดค่ะ แฟนเราค่อนข้างเป็นคุณหนู คือ ไม่ทำงานบ้าน ไม่ทำความสะอาด เราเลยเป็นคนรับผิดชอบส่วนนี้ทั้งหมด เพราะเราเลี้ยงแมวด้วย ไม่อยากให้น้องอยู่สกปรก แต่บางครั้งก็ยอมรับว่าไม่ไหว แล้วหงุดหงิดจริงๆ เพราะเค้ากินไม่เก็บ ผมยาว ร่วงทั่วพื้น ลุกไม่พับผ้าห่ม คือ รวมๆ การทำความสะอาดจะเป็นเราทำทั้งหมดเลย เราก็ไม่อยากให้เค้าช่วย แค่ขอให้รักษาความสะอาดในส่วนของตัวเองบ้างก็พอจริงๆ
-แฟนเราค่อนข้างเอาแต่ใจค่ะ ถ้าไม่ตามใจหรือไม่ยอมไปไหนด้วย จะมีปัญหา เพราะจะโกรธหรืองอนตลอด นี่อาจเปนส่วนนึงด้วย ที่ทำให้เราต้องฝืนตัวเอง แต่บางครั้งสีหน้าก็ออกจริงๆ อย่างเรื่องว่า วันนี้จะกินอะไร ถ้าเราบอกอย่างนึง เค้าจะเลือกกินอีกอย่างทันที หลังๆ มาเราเลยเงียบแล้วให้เลือกเอง เพราะเสนออะไรไป ก็ไม่ได้ไปกินอยู่ดี
-เราไม่สามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้ค่ะ ช่วง6 เดือนแรก เค้าตั้งแอพติดตามในมือถือเรา เพื่อดูว่าเราอยู่ตรงไหนตลอด ให้แค่ไปทำงาน เสร็จกลับคอนโดเท่านั้น กล้องวงจรปิดในห้อง ก็จับตาดูเราตลอด เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าเราไปไหนคนเดียว เราจะโดนว่าทันที อย่างตอนเราไปกินข้าวร้านเพื่อน ไปวัด ไปยิม หรือแวะซื้อของแบบที่ไปคนเดียว ไม่ไปด้วยกันกับเค้า เค้าจะโกรธทันที เพราะต้องให้ไปกับเค้าตลอด ห้ามไปไหนคนเดียว ยิ่งถ้าเปนตอนที่เค้ากลับบ้านตจว.ช่วงวันหยุด เราห้ามไปไหน แค่ไปทำงาน ซื้อของกิน แล้วกลับคอนโด ห้ามออกนอกเส้นทาง และต้องรายงานตลอดว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งแรกๆ เราก็ผิดเองค่ะ เพราะเรายอม ตอนนั้นเข้าใจว่า เพราะเค้ารัก เค้าห่วง แต่หลังๆ มา คือ แค่ตอนเช้าหลังจากไปส่งเค้าไปทำงาน แล้วเราอยากแวะวัดไปทำบุญ เราก็โดนว่า ยิ่งไม่ ok. ไปกันใหญ่ จากนั้นมา เราเลยยิ่งดื้อ ไม่อยากบอก กับลบแอพติดตามออกจากมือถือ และเปลี่ยนรหัสเข้ากล้องวงจรปิดด้วยค่ะ เพราะเริ่มไม่ชอบแล้ว
-ทุกครั้ง เวลาเค้าไปเที่ยว หรือไปร้านเหล้ากับเพื่อน เราจะไม่ตามค่ะ แค่จะทักว่า ถึงร้านหรือยัง แล้วจะกลับกี่โมงเท่านั้น ระหว่างนั้น เราจะไม่ตาม ไม่โทร ไม่แชท อาจมีโทรตอนร้านเลิก ถามว่าเมาไหม จะได้ขับรถได้ ก็จะคุยเปนเพื่อนตลอดทางจนกว่าจะถึงห้อง แต่กลับกัน ถ้าเราไปกับแม่ หรือ ขอไปกับเพื่อน เราจะโดนตามตลอด ว่าเมื่อไหร่จะกลับ ระหว่างนั้นก็จะมีทั้งโทรตาม แชทตาม worst-case ที่มากสุด คือ เราไปร้านเพื่อน เป็นร้านอาหารตามสั่งช่วงกลางวัน เพื่อนเพิ่งเปิดร้าน เราเลยไปช่วยเสิร์ฟ แฟน VDO call มา ถามเราจะกลับเมื่อไหร่ แล้ววันนั้น เพิ่งทะเลาะกันด้วย ทำให้เราลืมใส่แหวนออกมา นางด่าเราตรงนั้นเลยค่ะ กลางร้าน ต่อหน้าเพื่อนเราด้วย จนเพื่อนเราบอกว่า กลับก่อนเถอะ ไม่เปนไร ไม่ต้องช่วยแล้วก็ได้ ตอนนั้นยอมรับเลยว่า เฟลมาก ไม่ได้ช่วยเพื่อน แล้วยังโดนด่าต่อหน้าเพื่อนและคนทั้งร้านด้วย ตอนนั้นคือ เฟลหนักมาก TT
-ไม่ต้องพูดถึงเวลาส่วนตัวเลยค่ะ เพราะไม่มี ต่อให้อยู่ห้อง อยู่บ้าน แล้วมีกล้องวงจรปิดดูตลอดก็ตาม เค้าก็จะดูเราจากวงจรปิด หรือแชทมาตลอด คอลเฝ้าก็มี จนถึงขนาดเราบอกว่า เราขอดูซีรี่ย์ได้ไม๊ ดูเราจากกล้องวงจรปิดก็ได้  จนหลายๆ ครั้งทำให้เรานอนดึกแบบ ตี2 ตี3 เลยก็มี เวลาที่เค้าไม่อยู่ เพราะเราอยากได้เวลาส่วนตัว แบบที่ไม่ต้องโดนเค้าเฝ้า หรือเค้าตามบ้าง
-FB IG line Email ทุกแพลตฟอร์มของเรา เค้าจะต้องมีรหัส เพื่อจะ login เข้ามาดูค่ะ เคยมีครั้งนึงที่เค้า เข้าห้องแชทที่เป็นกลุ่มเพื่อนเรา ก็มีเม้าท์กันตามประสาเพื่อนบ้าง แต่ครั้งนั้น เราโดนสั่งให้ออกจากกลุ่มแชท แล้วก็โดนว่าหนักมาก เวลาจะลงโพสต์ FB IG อะไร ต้องผ่านเค้าก่อนทั้งหมด ถ้าโพสต์อะไรที่ดราม่า หรือ คำคมนิดนึง เค้าจะว่าทันที หนักหน่อยก็จะสั่งให้ลบออกค่ะ 
-อย่างหนึ่งที่รู้สึกไม่ชอบมาก แบบมากที่สุด คือ เค้าชอบดูถูกคนที่มีอาชีพบริการ หรือพนักงานบริการที่ด้อยกว่า อย่างเคยไปร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน แล้วยากิโทริที่สั่งมา ย่างไม่สุก ความจริงแค่บอกพนง.ให้ไปย่างใหม่ก็ได้ แต่เค้ากลับเรียกขอพบผจก.ร้าน แล้วต่อว่า ย่างไก่มาไม่สุก ถ้ากินเข้าไป ท้องเสียต้องไปรพ.จะรับผิดชอบยังไง โวยวายจนเราอาย และสุดท้ายร้านก็ไม่คิดเงินค่ายากิโทริซักไม้ กับอีกครั้งที่เป็นความผิดของเราเอง คือ ตอนไปห้าง แล้วเราทำบัตรจอดรถหาย เป็นความผิดของเราเอง เราลนลานรีบไปถามรปภ.ว่า ต้องทำยังไงบ้าง เพราะเป็นคนไม่พกบัตร ส่วนใหญ่เราจะหยิบแค่เงินสด กับมือถือไปแค่นั้นเลย ทางรปภ.เลยแจ้งว่าต้องใช้บัตรปชช. แค่นั้น เราเลยขอยืมบัตรปชช.แฟนก่อน แล้วจริงๆ เค้าก็ไม่ค่อยเต็มใจให้อยู่แล้ว ทำให้พอเราเอาบัตรปชช.ของแฟนไปให้รปภ. ถ่ายรูป แฟนเราก็วีนขึ้นมาทันทีเลยว่า ทำไมไม่ถ่ายเอกสาร ทำแบบนั้น จะเอาบัตรปชช.ไปใช้อะไรบ้างไม่รู้ แล้วก็ด่ารปภ.ของห้างเละเลย บังคับให้รปภ.ลบรูปบัตรปชช.ของนางออก ตรงทางเข้าออกรถ เราอายมากเลยค่ะ เลยคุยกับรปภ.ว่าต้องทำยังไงได้บ้าง เค้าเลยขอแค่รูปถ่ายบัตรปชช.ของเราเองก็พอ แต่สุดท้าย แฟนเราก็โทรไปร้องเรียนรปภ.คนนั้น ทั้งๆ ที่รปภ.เค้าก็ไม่ผิด เค้าแค่ทำตามกฎที่ตั้งไว้แค่นั้นเอง หลายครั้งที่เค้าดูถูกคนอื่น พอเราเตือนเค้าก็จะว่า จนหลังๆ มาเราเลยเลี่ยงด้วยการเงียบไม่พูดตลอด
-ยังมีพวกปัญหาจุกจิกอย่างอื่น อย่างเรานอนด้วยกันไม่ได้ค่ะ เพราะเราว่าเรากรน หลังๆ มาเลยพร้อมนอนแยกกัน ตอนอยู่คอนโดจะลำบากหน่อยเพราะ คอนโดเดิมเล็ก ยังไม่มีห้องแยก ถ้าเรากรนเค้าจะปลุกทันที แบบน่ากลัวสุดชนิดที่ทำให้เราไม่กล้านอนด้วยอีก คือ นางเอามือมาปิดจมูกเรา เพื่อให้เราตื่นแล้วหยุดกรน อันนั้น ทำให้เรากลัวจนไม่กล้านอนด้วยอีกเลย หลังๆ มาเราจะนอนทีหลัง ถ้ารู้ว่ากรนหรือสะดุ้งตื่นเราจะลงไปนอนพื้น หรือ หนีไปงีบในห้องน้ำ พอย้ายมาบ้านเช่า ก็เลยแยกห้องนอนกันค่ะ เค้านอนห้องตัวเอง ส่วนเราซื้อเตียงพับแยกมานอนห้องรับแขกแทน หรือแม้แต่เค้าต้องนอนเปิดพัดลม แต่เราต้องนอนเปิดแอร์  นอนไม่เหมือนกัน ทำให้สรุปว่า นอนแยกกันดีกว่า แต่ก็มีหลายครั้งที่เค้างอแงให้เราไปนอนด้วย เพราะเค้าไม่ชอบนอนคนเดียว เราไปนอนจริง แต่เรากลัวไม่กล้าหลับ พอเค้าหลับ เราจะลุกออกมานอนห้องรับแขกเองตลอด

ปัญหาที่เริ่มตามมาคือ แฟนเราก็ยังทำแบบเดิมตลอด ทะเลาะกันบ่อย แล้วพอทะเลาะกัน เค้าก็จะด่าเปนคำหยาบชนิดที่ฟังไม่ได้ จนครั้งสุดท้ายที่เราไม่ไหวแล้ว คือ  เราซื้อของเตรียมใส่บาตรหน้าบ้านในวันที่แฟนเรากลับบ้านตจว. แต่เราไม่เคยใส่ แต่เคยเห็นว่ามีพระเดินบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน เลยจะลองตื่นดู เผื่อว่าจะเจอ พอได้ใส่บาตรหน้าบ้าน แล้วลงสตรอรี่ แฟนเราเห็น ก็แชทถาม ว่าใส่บาตรหรอ ทำไมไม่บอก ซื้อของเมื่อไหร่ เราเลยบอกซื้อตอนแวะเซเว่นซื้อของกินก่อนกลับบ้านเมื่อวาน แต่ไม่แน่ใจเลยไม่ได้บอก จากนั้นก็ทะเลาะกันยาวเลย แฟนเราก็พาลด่ายาว แล้วเริ่มหนักขึ้น เราเลยบล็อคทั้งเชท กับเบอร์โทร (ซึ่งปกติ ถ้าเค้าเริ่มด่าคำหยาบมา เราจะเริ่มบล็อคทันทีเพราะไม่อยากอ่าน หรือไม่อยากฟังแล้ว) แต่ความจริง คือ เราคิดมานานแล้ว  ว่าเราไม่ไหว และระยะหลังก็เริ่มทะเลาะถี่มากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้สึกดิ่ง นอย ไร้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆ จนวันนั้น เราขอให้พี่สาวเรามาช่วยขนของออกจากบ้าน เราเอามาแค่เฉพาะของตัวเอง แล้วรีบหาเช่าคอนโดใหม่ในวันนั้นเลย เราบอกเลิกตั้งแต่วันที่ทะเลาะกัน แล้วตัดการติดต่อทุกช่องทาง ย้ายมาคอนโดใหม่ ที่ใกล้ที่ทำงานมากกว่า เอาลูกมาด้วย เปนช่วงที่สบายใจมาก แต่หลังจากย้ายมาแค่ 2-3 วัน เค้าก็ให้เพื่อนเค้าโทรมา ให้น้องคนรู้จักโทรมา เพื่อคุยบอกว่าเค้าขอโอกาส และจะปรับปรุงตัวแล้ว แต่เราก็ไม่ไหวแล้ว เลยคุยผ่านเพื่อนกับน้องเค้าไปว่า ขอยังไม่เจอ ไม่คุยนะ เพราะคุยไปหมดแล้ว โดยตั้งแต่เราย้ายออกจากบ้าน มา 2 อาทิตย์ เค้าพยายามติดต่อเราตลอด ทั้งเอาเบอร์อื่นโทรมา เอาไลน์อื่นแอดมา อีเมล์มา (ช่องทางแชท FB IG X หรือ Tiktok เราบล็อคทั้งหมด บางแพลตฟอร์มเรายอมลบทิ้งไปเลย) จนวันนึงเรารถมอเตอร์ไซค์ล้ม เลยต้องกดโทรออกหาแฟน เพราะจำเป็นด้วย เลยทำให้ได้คุยกันอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ เราก็ยอมให้เค้ามาหาที่คอนโดใหม่ ที่เราย้ายมา เพราะเค้าทำตัวดีขึ้นมาก และขอโอกาส แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะหลังจากนั้นเดือนเดียว เค้าก็ทำตัวเหมือนเดิมคือ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดแรงๆ หรือด่าแบบหยาบคายออกมา เราเลยบอกตรงๆ ว่าเลิกกันดีกว่า เพราะต่างคน ต่างก็ปรับไม่ได้อยู่ดี 

**อักษรไม่พอ ขออนุญาตพิมพ์ต่อใน comment นะคะ**
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่