‘กัณวีร์’ แลกเปลี่ยน คดีตากใบ ในเวทีรัฐสภาโลก ชี้ ส.ส.เป็นจำเลย-ละเมิดสิทธิร้ายแรง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4846506
‘กัณวีร์’ เตรียมแลกเปลี่ยนคดีตากใบ ที่กำลังหมดอายุความ กับกมธ.กฎหมายมนุษยธรรม IHL-IPU ชี้นอกจากมี ส.ส.เป็นจำเลย ยังเป็นคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงของรัฐไทย ที่ท้าทายในการสร้างสันติภาพ และพร้อมผลักดันวาระเร่งด่วนสันติภาพเมียนมา เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยด้วย
วันที่ 15 ตุลาคม นาย
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมสหภาพรัฐสภาโลก หรือ IPU ระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคม 2567 ที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกในฐานะความร่วมมือของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือในกรณีที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ และจะมีการทำงานร่วมกันในรูปแบบกรรมาธิการในประเด็นต่างๆ ซึ่งตนเองได้รับเลือกให้เป็นกรรมาธิการว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ-IHL เมื่อปีที่แล้ว จึงเข้าร่วมประชุมในปีนี้ และในวันนี้ (15 ตุลาคม) จะมีการประชุมกรรมาธิการ IHL ซึ่งหัวข้อปีนี้จะมีการนำเสนอสถานการณ์มนุษยธรรมในประเทศซูดานและคองโก เพื่อหารือถึงการเคารพกฎหมายสงคราม เนื่องจากยังเป็นพื้นที่ที่มีภาวะสงคราม และทางกรรมาธิการ ที่มี 12 คน จะพิจารณาว่าจะไปลงพื้นที่ใดได้บ้าง
“
อย่างกรณีประเทศซูดาน หลังการรัฐประหารปี 2018 ยังคงมีการสู้รบกัน และเกิดการเข่นฆ่า การพลัดถิ่น รวมถึงการลี้ภัยไปยังประเทศต่างๆ ยังเป็นวิกฤตที่รุนแรง ในกรรมาธิการ จึงต้องหารือกันเพื่อเสนอให้มีการเคารพกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวก็อยากจะเสนอปัญหาการใช้กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะคดีตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความ” นาย
กัณวีร์กล่าว
นาย
กัณวีร์เปิดเผยว่า แม้หัวข้อของการประชุมกรรมาธิการ IHL จะไม่สามารถเสนอสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยได้โดยตรง เพราะไม่ได้ยอมรับเป็นภาวะสงคราม แต่การใช้กฎอัยการศึกทั่วโลก คือภาวะสงครามแล้ว ในฐานะที่ตนเองติดตามสถานการณ์สันติภาพในปาตานี จึงอยากจะแลกเปลี่ยนเรื่องนี้ต่อกรรมาธิการทั้ง 12 คนด้วย เพราะสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยยืดเยื้อมา 20 ปีแล้ว มีการสูญเสียจำนวนมากทั้งผู้เสียชีวิตและงบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท ที่สำคัญคดีนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะสมาชิกรัฐสภาเป็นจำเลย และกำลังหลบหนีคดีในต่างประเทศ
“
แม้เรื่องราวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยยังไม่ใช่ภาวะสงครามที่จะเสนอเป็นหัวข้อในกรรมาธิการได้ แต่จะแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ ว่าประชาชนถูกกดทับสิทธิพื้นฐานความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชนอย่างไร โดยเฉพาะคดีตากใบที่จะหมดอายุความ และมี ส.ส.ตกเป็นจำเลย หลบหนีคดีในต่างประเทศ” นาย
กัณวีร์กล่าว
นาย
กัณวีร์เปิดเผยว่า ในที่ประชุม IPU จะมีการพิจารณาวาระเร่งด่วน Emergency Items ที่ประเทศยูเครนเสนอตัวที่จะเสนอหัวข้อสันติภาพในเมียนมา หากหัวข้อนี้ผ่านในการประชุมวันที่ 16 ตุลาคม จะเปิดให้สมาชิกได้อภิปราย ซึ่งตนเองจะอภิปรายสนับสนุนหัวข้อนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติภาพในเมียนมา เพราะมีผลกระทบโดยตรง จากการเป็นเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน จึงพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเสนอเรื่องนี้แต่น่าเสียดายว่า ทางคณะทำงานไม่เสนอ ทำให้มาเลเซียที่เป็นประธานในภูมิภาค อาเซียน+3 เห็นความสำคัญ ทางยูเครน ที่เห็นว่ามีประเทศที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จากสถานการณ์ในเมียนมา จึงเสนอตัวที่จะเสนอวาระเร่งด่วนต่อที่ประชุม IPU ซึ่งตนเองก็พร้อมสนับสนุน
“
ผมยืนยันว่าการสร้างสันติภาพในเมียนมา เป็นบทบาทสำคัญของไทยที่จะผลักดันเรื่องนี้ อย่างที่บอกว่านายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายบริหาร ได้เสนอในที่ประชุมอาเซียนแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติก็ควรได้เสนอต่อที่ประชุมสหภาพรัฐสภาโลกด้วย ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยที่จะได้รับผลกระทบทั้งทางด้านความมั่นคง แรงงานข้ามชาติ การพลัดถิ่น และผู้ลี้ภัย หากไม่มีสันติภาพในเมียนมา” นาย
กัณวีร์กล่าว
นาย
กัณวีร์เปิดเผยด้วยว่า การประชุมในปีนี้ ประเทศไทยได้เสนอชื่อ น.ส.
วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นกรรมาธิการสตรี และนาย
นพดล อินนา ส.ว.เป็นกรรมาธิการเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้รับการเห็นชอบในที่ประชุมอาเซียน+3 กลุ่มภูมิรัฐศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิค แล้วรอการรับรองอย่างเป็นทางการจากที่ประชุม IPU ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดีที่สมาชิกรัฐสภาของไทยที่ได้เข้าร่วมอีก 2 กรรมาธิการ.
พีมูฟ ล้อมทำเนียบฯ เขย่ารั้วกดดันนายกฯ เร่งแก้ปัญหา ด้านจนท.ตรึงกำลังรอควบคุมสถานการณ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4846541
ตำรวจตรึงกำลังสะพานชมัยฯ พร้อมปิดการจราจร ถนนพิษณุโลกแยกพาณิชย์-แยกกระทรวงศึกษา
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณประตู 3 และประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟ กางเต็นท์ปักหลักพักค้างอยู่บริเวณริมรั้วประตู โดยในเช้าวันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้น โดยปิดการจราจรบนถนนพิษณุโลกบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกกระทรวงศึกษาธิการ รถยนต์ไม่สามารถเข้า-ออกได้ เว้นแต่เป็นประชาชนที่ปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลและสำนักงาน ก.พ.ร. ส่วนคนต้องเดินเท้าเข้า-ออกเท่านั้น
ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟยังคงยืนยันตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และปักหลักชุมนุมบริเวณประตู 3 และ 4 ทำเนียบรัฐบาลต่อไป โดยทางแกนนำได้ติดต่อประสานไปยังองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ให้เข้ามาร่วมสังเกตการณ์และจับตาสถานการณ์ชุมนุมในระยะนี้อย่างใกล้ชิด.
จากนั้นเวลา 07.40 น. มวลชนบางส่วนได้เดินทางมาทำกิจกรรมบริเวณเชิงสะพานชมัยฯ และบางส่วนได้มารวมตัวทำพิธีกรรมตามความเชื่อ ที่บริเวณประตู 3 เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงมารับหนังสือกับทางกลุ่ม
โดย นาย
จำนงค์ หนูพันธ์ กล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสะท้อนถึงความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยที่ผ่านมาทางกลุ่มได้มาปักหลักเพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหา แต่ละรัฐบาลกลับไม่ส่งผู้แทนมารับข้อเรียกร้องกับทางกลุ่มผู้ชุมนุม และยังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาปิดกั้นการจราจร ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ รวมถึงกลุ่มทหารผ่านศึกที่เดินทางมาในวันนี้ ก็เพื่อต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยแก้ไขปัญหา
นาย
จำนงค์กล่าวว่า ดังนั้นตนจึงอยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ก้าวข้ามการเมืองแบบเดิมๆ ด้วยการลงมารับหนังสือกับทางกลุ่ม หรือหากติดภารกิจก็มอบหมายให้ นาย
ชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นผู้แทนมารับหนังสือกับทางกลุ่ม เพื่อนำข้อเรียกร้องของกลุ่มไปพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป
จากนั้นเวลา 08.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่ประตู 3-4 ทำเนียบรัฐบาล นำโดย นาย
จำนงค์ หนูพันธ์ นาย
สมศักดิ์ บุญมาเลิศ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค
จัดการชุมนุมเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาและการลงนามร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ตามที่ได้ยื่นหนังสือไว้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ได้เรียกมวลชนมารวมตัวที่บริเวณประตู 3 จากนั้นทางแกนนำได้กล่าวปราศรัยถึงการทำงานของรัฐบาลนายกฯ ว่าเป็นรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ ในการแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยมีการเปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่มีการส่งเจ้าหน้าที่มาประสานกับทางกลุ่มตลอด แต่รัฐบาลชุดนี้กลับพยายามหลีกเลี่ยงและไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาประสานกับทางกลุ่ม
นอกจากนี้ ทางแกนนำได้สั่งให้มวลชนเขย่าประตู 3 ของทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับกล่าวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมารับหนังสือกับทางกลุ่ม
ลาออกถือว่าจบ!! วิสุทธิ์ ยันเพื่อไทย ไม่ต้องรับผิดชอบ ปมพิศาล จำเลยตากใบอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4846611
ลาออกถือว่าจบ!! วิสุทธิ์ ยันเพื่อไทย ไม่ต้องรับผิดชอบ ปมพิศาล จำเลยตากใบอีก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม ที่รัฐสภา นาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานสส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมพรรค พท. วันนี้ ที่จะมีการพิจารณาวาระการขับพล.อ.
พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ออกจากพรรค หากไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกรณีเป็นจำเลยคดีตากใบ ว่า ตนได้ทราบจากนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่เมื่อวาน
นี้ (14 ตุลาคม) ว่า พล.อ.
พิศาลได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสส.แล้ว ฉะนั้น ก็จะไม่มีใครไปว่าอะไรท่านอีก ส่วนรายละเอียดที่พล.อ.
พิศาล ลาออกเมื่อไหร่นั้นต้องถามจากนายภูมิธรรม ซึ่งเมื่อได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกแล้ว ก็ถือว่าขาดจากการเป็นสส.แล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราก็ไม่อยากไปว่าใคร
“
เมื่อ 20 ปีก่อน ท่านเป็นข้าราชการ และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติการอะไรเราไม่ทราบ ไม่ได้เกี่ยวกัน วันนี้ถือว่าท่านลาออกแล้ว เหตุการณ์อะไรที่พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบถือว่าจบ ต่อไปนี้ก็อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแล้ว” นาย
วิสุทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะถือว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบหรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า จะให้รับผิดชอบอย่างไร จะต้องรับผิดชอบอย่างไรอีก หลายฝ่ายถามทุกสัปดาห์ว่าอยากให้ท่านลาออกหรือขับท่านออก แต่เราก็ไม่ได้ขับท่าน ท่านแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากสส. ก็ถือว่ากระบวนการนี้จบแล้ว และย้ำว่าต่อจากนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือศาลที่ต้องดำเนินการ แล้วพรรคเพื่อไทยต้องไปทำอะไรอีก ไม่ได้เป็นการปัดความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า มีการชี้แจงเหตุผลอะไรในการลาออกหรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า พล.อ.
พิศาล ไม่ได้ประสานตน ท่านอาจจะมองว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เชื่อมโยงมาหาพรรค แต่ก็ทราบว่ามีหนังสือลับ ของพรรค พท.ไปแล้วว่าท่านลาออกจากสมาชิกพรรค
เมื่อถามว่า น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้างหรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เจอน.ส.
แพทองธาร ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการหรือพรรคฝ่ายค้านมองว่าอาจมีการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่นั้น ตนมองว่าไม่ละเว้น ไม่ใช่หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องไปตามจับใคร แต่เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากมีใครทำอะไรผิดแล้วนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ตนก็มองว่าไม่ใช่เรื่อง แต่ต้องพูดตามข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า วันนี้พรรค พท.จะไม่มีการพิจารณาเรื่องพล.อ.
พิศาลแล้วใช่หรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า จะไปพิจารณาพิจารณาได้อย่างไร ท่านลาออกแล้ว ไม่ใช่คนของเราแล้ว เราจะไปทำอะไรท่านได้ ท่านจะมาพรรคหรือจะไม่มาพรรคเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปตามท่านแล้ว ถือว่าจบสิ้นกระบวนการไปแล้ว
เมื่อถามว่า ในทางพฤตินัยยังมีคนติดต่อพล.อ.
พิศาลได้ใช่หรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดขนาดนั้น และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับพล.อ.
พิศาล รู้เพียงแค่ว่าท่านลาออกเมื่อวานนี้
เมื่อถามว่า เป็นการทำให้พรรค พท.เสื่อมเสียหรือไม่ นาย
วิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่เกี่ยว เพราะก่อนหน้านี้ท่านก็ไม่มีคดี และเราก็ไม่ทราบว่าใครจะมาสมัครรับเลือกตั้ง แต่ตอนหลังมามีคดี พรรคจะมารับผิดชอบก็ไม่ใช่
ด้าน ว่าที่ร้อยตำรวจตรี
อาพัทธ์ สุขะนันท์เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้รับเอกสารลาออกจากการเป็นสส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. ของพล.อ.
พิศาล หลังได้ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว โดยตามขั้นตอนนั้น พรรค พท.อาจจะแจ้งมายังสภาฯ หรือเจ้าตัวจะยื่นตรงมาสภาฯ
JJNY : ‘กัณวีร์’แลกเปลี่ยนคดีตากใบ ในเวทีรัฐสภาโลก│พีมูฟ ล้อมทำเนียบฯ│ลาออกถือว่าจบ!!│ทวีผนึกอินเตอร์โพล ล่า 'พิศาล'
https://www.matichon.co.th/politics/news_4846506
‘กัณวีร์’ เตรียมแลกเปลี่ยนคดีตากใบ ที่กำลังหมดอายุความ กับกมธ.กฎหมายมนุษยธรรม IHL-IPU ชี้นอกจากมี ส.ส.เป็นจำเลย ยังเป็นคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงของรัฐไทย ที่ท้าทายในการสร้างสันติภาพ และพร้อมผลักดันวาระเร่งด่วนสันติภาพเมียนมา เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยด้วย
วันที่ 15 ตุลาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมสหภาพรัฐสภาโลก หรือ IPU ระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคม 2567 ที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกในฐานะความร่วมมือของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือในกรณีที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ และจะมีการทำงานร่วมกันในรูปแบบกรรมาธิการในประเด็นต่างๆ ซึ่งตนเองได้รับเลือกให้เป็นกรรมาธิการว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ-IHL เมื่อปีที่แล้ว จึงเข้าร่วมประชุมในปีนี้ และในวันนี้ (15 ตุลาคม) จะมีการประชุมกรรมาธิการ IHL ซึ่งหัวข้อปีนี้จะมีการนำเสนอสถานการณ์มนุษยธรรมในประเทศซูดานและคองโก เพื่อหารือถึงการเคารพกฎหมายสงคราม เนื่องจากยังเป็นพื้นที่ที่มีภาวะสงคราม และทางกรรมาธิการ ที่มี 12 คน จะพิจารณาว่าจะไปลงพื้นที่ใดได้บ้าง
“อย่างกรณีประเทศซูดาน หลังการรัฐประหารปี 2018 ยังคงมีการสู้รบกัน และเกิดการเข่นฆ่า การพลัดถิ่น รวมถึงการลี้ภัยไปยังประเทศต่างๆ ยังเป็นวิกฤตที่รุนแรง ในกรรมาธิการ จึงต้องหารือกันเพื่อเสนอให้มีการเคารพกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวก็อยากจะเสนอปัญหาการใช้กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะคดีตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความ” นายกัณวีร์กล่าว
นายกัณวีร์เปิดเผยว่า แม้หัวข้อของการประชุมกรรมาธิการ IHL จะไม่สามารถเสนอสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยได้โดยตรง เพราะไม่ได้ยอมรับเป็นภาวะสงคราม แต่การใช้กฎอัยการศึกทั่วโลก คือภาวะสงครามแล้ว ในฐานะที่ตนเองติดตามสถานการณ์สันติภาพในปาตานี จึงอยากจะแลกเปลี่ยนเรื่องนี้ต่อกรรมาธิการทั้ง 12 คนด้วย เพราะสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยยืดเยื้อมา 20 ปีแล้ว มีการสูญเสียจำนวนมากทั้งผู้เสียชีวิตและงบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท ที่สำคัญคดีนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะสมาชิกรัฐสภาเป็นจำเลย และกำลังหลบหนีคดีในต่างประเทศ
“แม้เรื่องราวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยยังไม่ใช่ภาวะสงครามที่จะเสนอเป็นหัวข้อในกรรมาธิการได้ แต่จะแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ ว่าประชาชนถูกกดทับสิทธิพื้นฐานความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชนอย่างไร โดยเฉพาะคดีตากใบที่จะหมดอายุความ และมี ส.ส.ตกเป็นจำเลย หลบหนีคดีในต่างประเทศ” นายกัณวีร์กล่าว
นายกัณวีร์เปิดเผยว่า ในที่ประชุม IPU จะมีการพิจารณาวาระเร่งด่วน Emergency Items ที่ประเทศยูเครนเสนอตัวที่จะเสนอหัวข้อสันติภาพในเมียนมา หากหัวข้อนี้ผ่านในการประชุมวันที่ 16 ตุลาคม จะเปิดให้สมาชิกได้อภิปราย ซึ่งตนเองจะอภิปรายสนับสนุนหัวข้อนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติภาพในเมียนมา เพราะมีผลกระทบโดยตรง จากการเป็นเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน จึงพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเสนอเรื่องนี้แต่น่าเสียดายว่า ทางคณะทำงานไม่เสนอ ทำให้มาเลเซียที่เป็นประธานในภูมิภาค อาเซียน+3 เห็นความสำคัญ ทางยูเครน ที่เห็นว่ามีประเทศที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จากสถานการณ์ในเมียนมา จึงเสนอตัวที่จะเสนอวาระเร่งด่วนต่อที่ประชุม IPU ซึ่งตนเองก็พร้อมสนับสนุน
“ผมยืนยันว่าการสร้างสันติภาพในเมียนมา เป็นบทบาทสำคัญของไทยที่จะผลักดันเรื่องนี้ อย่างที่บอกว่านายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายบริหาร ได้เสนอในที่ประชุมอาเซียนแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติก็ควรได้เสนอต่อที่ประชุมสหภาพรัฐสภาโลกด้วย ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยที่จะได้รับผลกระทบทั้งทางด้านความมั่นคง แรงงานข้ามชาติ การพลัดถิ่น และผู้ลี้ภัย หากไม่มีสันติภาพในเมียนมา” นายกัณวีร์กล่าว
นายกัณวีร์เปิดเผยด้วยว่า การประชุมในปีนี้ ประเทศไทยได้เสนอชื่อ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นกรรมาธิการสตรี และนายนพดล อินนา ส.ว.เป็นกรรมาธิการเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้รับการเห็นชอบในที่ประชุมอาเซียน+3 กลุ่มภูมิรัฐศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิค แล้วรอการรับรองอย่างเป็นทางการจากที่ประชุม IPU ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดีที่สมาชิกรัฐสภาของไทยที่ได้เข้าร่วมอีก 2 กรรมาธิการ.
พีมูฟ ล้อมทำเนียบฯ เขย่ารั้วกดดันนายกฯ เร่งแก้ปัญหา ด้านจนท.ตรึงกำลังรอควบคุมสถานการณ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4846541
ตำรวจตรึงกำลังสะพานชมัยฯ พร้อมปิดการจราจร ถนนพิษณุโลกแยกพาณิชย์-แยกกระทรวงศึกษา
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณประตู 3 และประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟ กางเต็นท์ปักหลักพักค้างอยู่บริเวณริมรั้วประตู โดยในเช้าวันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้น โดยปิดการจราจรบนถนนพิษณุโลกบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกกระทรวงศึกษาธิการ รถยนต์ไม่สามารถเข้า-ออกได้ เว้นแต่เป็นประชาชนที่ปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลและสำนักงาน ก.พ.ร. ส่วนคนต้องเดินเท้าเข้า-ออกเท่านั้น
ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟยังคงยืนยันตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และปักหลักชุมนุมบริเวณประตู 3 และ 4 ทำเนียบรัฐบาลต่อไป โดยทางแกนนำได้ติดต่อประสานไปยังองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ให้เข้ามาร่วมสังเกตการณ์และจับตาสถานการณ์ชุมนุมในระยะนี้อย่างใกล้ชิด.
จากนั้นเวลา 07.40 น. มวลชนบางส่วนได้เดินทางมาทำกิจกรรมบริเวณเชิงสะพานชมัยฯ และบางส่วนได้มารวมตัวทำพิธีกรรมตามความเชื่อ ที่บริเวณประตู 3 เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงมารับหนังสือกับทางกลุ่ม
โดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ กล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสะท้อนถึงความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยที่ผ่านมาทางกลุ่มได้มาปักหลักเพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหา แต่ละรัฐบาลกลับไม่ส่งผู้แทนมารับข้อเรียกร้องกับทางกลุ่มผู้ชุมนุม และยังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาปิดกั้นการจราจร ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ รวมถึงกลุ่มทหารผ่านศึกที่เดินทางมาในวันนี้ ก็เพื่อต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยแก้ไขปัญหา
นายจำนงค์กล่าวว่า ดังนั้นตนจึงอยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ก้าวข้ามการเมืองแบบเดิมๆ ด้วยการลงมารับหนังสือกับทางกลุ่ม หรือหากติดภารกิจก็มอบหมายให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นผู้แทนมารับหนังสือกับทางกลุ่ม เพื่อนำข้อเรียกร้องของกลุ่มไปพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป
จากนั้นเวลา 08.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่ประตู 3-4 ทำเนียบรัฐบาล นำโดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ นายสมศักดิ์ บุญมาเลิศ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค
จัดการชุมนุมเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาและการลงนามร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ตามที่ได้ยื่นหนังสือไว้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ได้เรียกมวลชนมารวมตัวที่บริเวณประตู 3 จากนั้นทางแกนนำได้กล่าวปราศรัยถึงการทำงานของรัฐบาลนายกฯ ว่าเป็นรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ ในการแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยมีการเปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่มีการส่งเจ้าหน้าที่มาประสานกับทางกลุ่มตลอด แต่รัฐบาลชุดนี้กลับพยายามหลีกเลี่ยงและไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาประสานกับทางกลุ่ม
นอกจากนี้ ทางแกนนำได้สั่งให้มวลชนเขย่าประตู 3 ของทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับกล่าวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมารับหนังสือกับทางกลุ่ม
ลาออกถือว่าจบ!! วิสุทธิ์ ยันเพื่อไทย ไม่ต้องรับผิดชอบ ปมพิศาล จำเลยตากใบอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4846611
ลาออกถือว่าจบ!! วิสุทธิ์ ยันเพื่อไทย ไม่ต้องรับผิดชอบ ปมพิศาล จำเลยตากใบอีก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานสส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมพรรค พท. วันนี้ ที่จะมีการพิจารณาวาระการขับพล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ออกจากพรรค หากไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกรณีเป็นจำเลยคดีตากใบ ว่า ตนได้ทราบจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่เมื่อวาน
นี้ (14 ตุลาคม) ว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสส.แล้ว ฉะนั้น ก็จะไม่มีใครไปว่าอะไรท่านอีก ส่วนรายละเอียดที่พล.อ.พิศาล ลาออกเมื่อไหร่นั้นต้องถามจากนายภูมิธรรม ซึ่งเมื่อได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกแล้ว ก็ถือว่าขาดจากการเป็นสส.แล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราก็ไม่อยากไปว่าใคร
“เมื่อ 20 ปีก่อน ท่านเป็นข้าราชการ และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติการอะไรเราไม่ทราบ ไม่ได้เกี่ยวกัน วันนี้ถือว่าท่านลาออกแล้ว เหตุการณ์อะไรที่พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบถือว่าจบ ต่อไปนี้ก็อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแล้ว” นายวิสุทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะถือว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า จะให้รับผิดชอบอย่างไร จะต้องรับผิดชอบอย่างไรอีก หลายฝ่ายถามทุกสัปดาห์ว่าอยากให้ท่านลาออกหรือขับท่านออก แต่เราก็ไม่ได้ขับท่าน ท่านแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากสส. ก็ถือว่ากระบวนการนี้จบแล้ว และย้ำว่าต่อจากนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือศาลที่ต้องดำเนินการ แล้วพรรคเพื่อไทยต้องไปทำอะไรอีก ไม่ได้เป็นการปัดความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า มีการชี้แจงเหตุผลอะไรในการลาออกหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พล.อ.พิศาล ไม่ได้ประสานตน ท่านอาจจะมองว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เชื่อมโยงมาหาพรรค แต่ก็ทราบว่ามีหนังสือลับ ของพรรค พท.ไปแล้วว่าท่านลาออกจากสมาชิกพรรค
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้างหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เจอน.ส.แพทองธาร ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการหรือพรรคฝ่ายค้านมองว่าอาจมีการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่นั้น ตนมองว่าไม่ละเว้น ไม่ใช่หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องไปตามจับใคร แต่เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากมีใครทำอะไรผิดแล้วนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ตนก็มองว่าไม่ใช่เรื่อง แต่ต้องพูดตามข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า วันนี้พรรค พท.จะไม่มีการพิจารณาเรื่องพล.อ. พิศาลแล้วใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า จะไปพิจารณาพิจารณาได้อย่างไร ท่านลาออกแล้ว ไม่ใช่คนของเราแล้ว เราจะไปทำอะไรท่านได้ ท่านจะมาพรรคหรือจะไม่มาพรรคเราก็ไม่มีสิทธิ์ไปตามท่านแล้ว ถือว่าจบสิ้นกระบวนการไปแล้ว
เมื่อถามว่า ในทางพฤตินัยยังมีคนติดต่อพล.อ.พิศาลได้ใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดขนาดนั้น และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับพล.อ.พิศาล รู้เพียงแค่ว่าท่านลาออกเมื่อวานนี้
เมื่อถามว่า เป็นการทำให้พรรค พท.เสื่อมเสียหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่เกี่ยว เพราะก่อนหน้านี้ท่านก็ไม่มีคดี และเราก็ไม่ทราบว่าใครจะมาสมัครรับเลือกตั้ง แต่ตอนหลังมามีคดี พรรคจะมารับผิดชอบก็ไม่ใช่
ด้าน ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้รับเอกสารลาออกจากการเป็นสส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. ของพล.อ.พิศาล หลังได้ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว โดยตามขั้นตอนนั้น พรรค พท.อาจจะแจ้งมายังสภาฯ หรือเจ้าตัวจะยื่นตรงมาสภาฯ