JJNY : 5in1 เสวนากมธ.ทหาร│ธนาธรปัดตอบ│ไอติมย้ำคำตอบศาล│จับตาแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ│จีนเตรียมออกพันธบัตรกระตุ้นศก.

วงเสวนากมธ.ทหาร สงสัยทบ.-ทร.​ ไม่เอาอย่างทอ. ขานรับมติครม. ห้ามหักหนี้กำลังพล เหลือไม่ถึง 30 %
https://www.matichon.co.th/politics/news_4842727

“กมธ.ทหาร”​ จัดเสวนา​ ตีแผ่ธุรกิจ​ “เสนาพาณิชย์” ลั่น​ ทหารต้องมาจากความสมัครใจ​ ยัน​ ไม่ได้เป็นศัตรูกับกองทัพ​ แต่ต้องการให้มีประสิทธิภาพ​ ถามทบ.-ทร.​ไม่ขานรับมติครม. ห้ามหักหนี้กำลังพลเหลือไม่ถึง​ 30% ตั้งข้อสังเกตุ​คนปล่อยกู้หวังเป็นทั้งเจ้านาย​ -​เจ้าหนี้​

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2567 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร​ สภาผู้แทนราษฎร​ จัดงานเสวนาตามหาขุมทรัพย์ของกองทัพไทย การบริหารธุรกิจเชิงพาณิชย์ของกองทัพ​ โดยมี นาย​วิโรจน์​ ลักขณา​อดิศร​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน​ ในฐานะประธาน​กมธ. , นายธนาธร​ จึง​รุ่งเรือง​กิจ​ ประธานคณะก้าวหน้า​, นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุธานี พรรคประชาชน​ ในฐานะรองประธานกมธ.​, น.ส.เบญจา​ แสงจันทร์​ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายจิรัฏฐ์​ ทองสุวรรณ์​ ส.ส.ฉะเชิงเทรา ​พรรคประชาชน, นายพิจารณ์​ เชาว์​พัฒนวงศ์​ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ร่วมเสวนา

โดย นายวิโรจน์​ ระบุว่า​ การยกเลิกการเกณฑ์ทหารถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ ต้องสร้างระบบการรับสมัครทหารประจำการแบบหัวใจ 100% ซึ่งไทยมีหน่วยรบพิเศษอยู่มากมาย ถือเป็นการฝึกมนุษย์เหล็ก จึงมีการตั้งคำถามว่า คณะกรรมการทหารไม่เคยได้รับข้อร้องเรียนได้จากหน่วยรบพิเศษ​ ทั้งที่การฝึกเหล่านั้นหนักหน่วงสาหัส​ แต่เป็นการฝึกที่มีแบบแผน​ ผ่านการสมัครใจ​ จึงง่ายทั้งผู้ฝึกและครูฝึก​ จึงมองว่าทหารเกณฑ์​ควรมาจากการสมัครใจ​ ซึ่งจากโครงการพลทหารปลอดภัยในการรับเรื่องราวร้องทุกข์วัน 38 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ทหารเกณฑ์ที่ไม่สมัครใจ​

สิ่งที่ผ่านมา กองทัพไม่เคยบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย และเอาผิดกับผู้บังคับบัญชา ในกรณีที่พลทหารเสียชีวิต ตราบใดที่ไม่มีระเบียบเอาผิดกับผู้บังคับบัญชา อิงกับพ.ร.บ. อุ้มหาย หรือพ.ร.บค้ามนุษย์​ ที่ต้องรับผิดถึง​ 2 เท่า​ และจะเป็นวัฒนธรรม​ลอยนวลของผู้บังคับบัญชา​ที่พ้นผิด จะเป็นข้อสงสัยในใจประชาชน​ ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือถึงผลการสอบกรณีทหารเสียชีวิต​ที่ยังไม่คืบหน้า​ หรือลงโทษผู้บังคับบัญชา​ อย่างมากมีเพียงคุมขัง​ 45 วัน

ขณะเดียวกัน นายวิโรจน์​ ยังกล่าวถึงระบบเสนาพาณิชย์​ ที่มีการอ้างว่า ใช้เงินนอกงบประมาณ เพื่อดูแลพลทหารชั้นผู้น้อย​ นอกจากนี้เรื่องสวัสดิการที่ครม. มีมติห้ามหักเงินเดือนเหลือไม่ถึง​ 30 % และการหักหนี้ดังกล่าว​ ถือเป็นภัยความมั่นคง​ ถือเป็นการหน่วงรั้ง ไม่ให้เกิดการออกระเบียบการหักหนี้​ ซึ่งมีเพียงกองทัพอากาศเป็นผู้ปฏิบัติ​เท่านั้น​ จึงต้องติดตามผบ.ทบ และผบ.ทร.ไป​ เพราะการปล่อยกู้ในสหกรณ์​นายทหารชั้นนายพล​ กลายเป็นทั้งผู้บังคับบัญชา​และเจ้าหนี้ไปพร้อมกัน​ ขณะเดียวกันนายทหารชั้นผู้น้อยนอกจากจะต้องถือปืนเพื่อป้องกันภัยความมั่นคงแล้วยังคงต้องรับสายคอลเซ็นเตอร์​ และเจ้าหนี้​

นายวิโรจน์​ ยืนยันว่า​ สิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับกองทัพแต่ต้องการให้กองทัพมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เอาเวลาและทรัพยากรไปปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวใยกับภารกิจหลักของตัวเอง​



ธนาธร ปัดตอบทักษิณ-พท. ถูกยื่นข้อหาหนัก วิโรจน์ซัดพฤติกรรมนักร้อง ไม่เคารพประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4842657

‘ธนาธร’ ปัดตอบ ปม ‘ธีรยุทธ’ ยื่นศาลรธน. ร้องทักษิณ-เพื่อไทย ล้มการปกครอง ด้าน ‘วิโรจน์’ บอก ไม่เห็นด้วยพฤติการณ์ ทำร้าย ทำลาย พรรคการเมืองที่มาจากเสียงประชาชน ยัน ควรใช้กลไกสภาตรวจสอบหากมีความผิดจริง
 
เมื่อเวลา 12.55 น.วันที่ 12 ตุลาคม 2567 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ปฏิเสธแสดงความเห็นกรณีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ออกมาร้องศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้สั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย หยุดการกระทำอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขใน 6 ประเด็นว่า ตนไม่ได้ติดตามการเมืองรายวัน จึงไม่มีความเห็นต่อเรื่องนี้
 
เมื่อถามว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองและพฤติกรรมของนายทักษิณเป็นไปตามคำร้องหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นคำร้อง คงจะออกมาพูดไม่ได้
 
เมื่อถามย้ำว่า มองเรื่องที่ออกมาร้องนี้ว่าอย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า ตนไม่ได้มอง อย่างที่บอกไปว่าตนไม่ได้ติดตามประเด็นการเมืองรายวันอย่างใกล้ชิด จึงไม่ทราบว่าเนื้อหาคำร้องมีรายละเอียดอย่างไร
 
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าคำร้องดังกล่าวยึดโยงไปถึงคำร้องยุบพรรคก้าวไกล นายธนาธรกล่าวว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน ก็มีรูปแบบการทำงาน ที่เป็นตัวของตัวเอง แล้วส่วนของพรรคเพื่อไทยก็มีแนวทางการทำงานของตัวเอง คงไม่สามารถนำมายึดโยงกันได้
 
เมื่อถามว่า หนึ่งในคำร้อง 6 ข้อ มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลในพื้นที่ ได้มีการติดตามเรื่องนี้อย่างไร นายธนาธรได้ระบุว่า เรื่องนี้ขอให้ถามจากทางนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
 
โดยนายวิโรจน์ระบุว่า เรื่องนี้คงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป พร้อมชวนตั้งข้อสังเกต ว่าเห็นความผิดปกติของการออกมาร้องในครั้งนี้ 1 คนร้อง ที่มี 1 คนร้องและกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งมีหน้าที่ทำร้าย ทำลายพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตนมองว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเรามองเป็นเรื่องปกติไม่ได้ ดังนั้น ตนคิดว่า หากจะมีการนำข้ออ้างนั้นมาร้องควรจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ตนมองไกลกว่านั้นว่า หากพ้นจากประเด็นนี้ก็จะมีประเด็นอื่นอีก คือมี 1 นักร้อง และอีก 1 กลุ่มคนทำร้าย ทำลาย ซึ่งก็จะสามารถทำร้าย ทำลายคนที่ประชาชนเลือกมา ซึ่งตนยืนยันว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนถึงพรรคประชาชน เราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการที่ผิดปกติ
 
เมื่อถามว่า แสดงว่าการออกมาร้องนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนบุคคล สลับกันทำหน้าที่ใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ตนมองโดยพฤติการณ์ ส่วนกลุ่มคนนั้นตนขอไม่ไปเพ่งเล็งว่าเป็นใคร เราดูที่พฤติกรรม ซึ่งตนเรียกว่าเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เคารพสิทธิของประชาชน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย ตนไม่อยากไปให้รายละเอียดว่าเรื่องนั้นหรือเรื่องนี้มีเหตุผลหรือไม่ ซึ่งเมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วเราก็จะรู้ แต่ตนมองในภาพใหญ่
 
เมื่อถามว่า แสดงว่าหากมีเรื่องใดที่เกิดข้อสงสัยควรนำมาพูดกันในสภา หรือนำมาอภิปราย ใช่หรือไม่นั้น นายวิโรจน์ตอบว่า “ถูกต้องครับ มารวมกัน เพราะมีกลไกของกรรมาธิการ มีกลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากเป็นเรื่องแบบนั้นจริงนายกรัฐมนตรีก็ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยกลไกของรัฐสภา ไม่ใช่พ้นไปด้วยกระบวนการอื่น
 


ไอติม ย้ำคำตอบศาล ยันตุลาการไม่อคติ วิจารณ์ยุบก้าวไกล สะท้อนชัด 3 โจทย์ต้องปฏิรูป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4842801

ไอติม ย้ำคำตอบศาล ยันตุลาการไม่อคติ วิจารณ์ยุบก้าวไกล สะท้อนชัด 3 โจทย์ต้องปฏิรูป

จากกรณีที่สำนักเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ทำหนังสือรับทราบข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดติดตลก ระหว่างการสัมมนาทางวิชาการถึงคดียุบพรรคก้าวไกล ตอนหนึ่งว่า พรรคประชาชนต้องขอบคุณตนเองที่ยุบพรรค ทำให้ได้เงินบริจาคถึง 20 ล้านพร้อมแจ้งว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นตอนหนึ่งว่า การแสดงความคิดเห็นของตุลาการดังกล่าวมิได้เป็นการแสดงความคิดเห็นอันมีลักษณะเสียดสี ประชดประชันพรรคการเมืองใด และไม่กระทบกระเทือน หรือก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อการปฏิบัติหน้าที่ หรือเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง

ล่าสุด (12 ต.ค.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า 
 
ผมเห็นว่าปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลลัพธ์มาจากระบบการเมืองที่ถูกออกแบบโดยรัฐธรรมนูญ 2560

โจทย์สำคัญในการแก้รัฐธรรมนูญและการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงหนีไม่พ้นการปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ซึ่งผมเห็นว่ามี 3 ประเด็นหลัก

1. การปฏิรูป “กระบวนการได้มา” ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ควรต้องมีเกณฑ์และคุณสมบัติ คือ (1) มีความหลากหลายทั้งความคิดและความเชี่ยวชาญ (2) มีความยึดโยงกับประชาชน (เช่น รับรองโดยตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้ง) และ (3) เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางได้ ซึ่งกติกาเกี่ยวกับการได้มาซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับเกณฑ์ 3 ข้อนี้

2. การปฏิรูป “กลไกการตรวจสอบ-ถอดถอน” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นกลไกที่เคยมีอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 แต่ถูกดึงออกไปในรัฐธรรมนูญ 2560 จนทำให้ประชาชนขาดช่องทางในการเข้าชื่อเพื่อริเริ่มกระบวนการพิจารณาถอดถอนตุลาการที่ทุจริตต่อหน้าที่หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ เหมือนที่เคยมีในอดีต

3. การปฏิรูป “ขอบเขตอำนาจหน้าที่” ของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ – รัฐธรรมนูญ 2560 ได้ขยายขอบเขตอำนาจให้กับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ที่ถูกมองว่าเสี่ยงจะถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมือง เช่น อำนาจเรื่องการยุบพรรคการเมือง (ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน แต่ถูกขยายเงื่อนไขให้กว้างขึ้นกว่าเดิมและกว่าหลักสากล) และอำนาจที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานทางจริยธรรม (ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการเมืองใหม่ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระมีบทบาทหลักในการนิยามและวินิจฉัย-ตีความเรื่องของจริยธรรมที่ถูกนำมาบรรจุในกฎหมายและบังคับใช้กับทุกองค์กร)

แต่ล่าสุด หนทางในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจต้องประสบความล่าช้าออกไปอีก หลังจากประธานวุฒิสภามีคำสั่งให้งดการประชุมวุฒิสภาในวันที่ 14-15 ตุลาคม จึงทำให้การตั้ง กมธ.ร่วมกันของสองสภาเพื่อหาข้อสรุปเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ จะยังไม่สามารถเริ่มต้นได้ในสัปดาห์หน้า และเพิ่มความเสี่ยงที่ประชามติครั้งแรกจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นใน ก.พ.2568 ตามที่รัฐบาลเคยวางแผนไว้

https://www.facebook.com/paritw/posts/pfbid02hG2QmdHqQyUnrKc2QEEjvhH4fcGtKcN8cAvjtiAWp6Hh6kV68NAoE4VzWCW6ZYCtl


 
เอกชน จับตาแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แนะควรให้อิสระในการสรรหา
https://www.matichon.co.th/economy/news_4842752

เอกชน จับตาแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แนะควรให้อิสระในการสรรหา

วันที่ 12 ตุลาคม นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวถึงกรณี การแต่งตั้งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ว่า การแต่งตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งมีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการสรรหา และได้เลื่อนออกไปเป็นในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้ โดยการเลื่อนการพิจารณาออกไปนั้น ก็เชื่อว่าคณะกรรมการสรรหาก็น่าจะรับฟังความเห็นหรือข้อห่วงใยของสังคม ภาคส่วนต่างๆ ในการแต่งตั้งประธานบอร์ด และกรรมการแบงก์ชาติ

นายอิสระ กล่าวว่า นอกจากนี้คณะกรรมการสรรหาแต่ละคนล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และเชื่อว่ากรรมการสรรหา จะพิจารณา ด้วยความรอบคอบ ถึงความเหมาะสม ของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ก็ควรให้กรรมการสรรหามีความเป็นอิสระในการสรรหาคัดเลือก เพื่อให้ได้ผู้ที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่