งานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ให้เห็นว่า ‘ผู้หญิง’ หลายคนต้องดิ้นรนเพื่อที่จะเอาตัวรอดผ่านความยากลำบากในหน้าที่การงานของเธอ อันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นทางการเงินระหว่างผู้หญิงและผู้ชายนั้นแตกต่างกันจนเกิดเป็นช่องว่าง

จากการสำรวจผู้หญิงในอังกฤษที่อายุระหว่าง 18 - 30 ปี จำนวน 5,000 คน พบว่า พวกเธอมีความกังวลเรื่องเงิน และมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองแย่ลง และมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถซื้ออาหารหรือสิ่งจำเป็นอื่นๆ ได้ เมื่อเทียบกับผู้ชายในช่วงวัยเดียวกัน
ตามข้อมูลของทางการ ระบุว่า ปีที่แล้ว (2023) ช่องว่างระหว่างค่าจ้างของผู้ชายและผู้หญิงขยายขึ้นมากที่สุดในหมู่พนักงานที่อายุระหว่าง 30 - 39 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.3% เป็น 4.7%
แคลร์ เรนดอร์ป (Claire Reindorp) ผู้อำนวยการบริหารของ Young Women’s Trust ที่ดำเนินการศึกษาเรื่องนี้ บอกว่า ปัญหาสำหรับผู้หญิงช่วงวัยรุ่นคือความไม่มั่นคง พวกเธอจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มงานธุรกิจค้าปลีก การดูแล การบริการ และกลุ่มที่ได้รับค่าจ้างต่ำ และพวกเธอก็ไม่สามารถออกจากกลุ่มนั้นได้
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบด้วยว่า วัยรุ่นหญิงมีแนวโน้มที่จะก่อหนี้ใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามากกว่า และออมเงินน้อยกว่าวัยรุ่นชายด้วย
ผลวิจัยชี้ให้เห็นช่องว่างระหว่างเพศในเรื่องงานและการเงินที่ชัดเจนในหลาย ๆ ด้าน เช่น วัยรุ่นหญิง 41% บอกว่า สถานการณ์ทางการเงินของพวกเธอแย่ลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับวัยรุ่นชาย 27%
ขณะที่วัยรุ่นหญิง 55% รู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ทางการเงินในครัวเรือนของพวกเธอ เมื่อเทียบกับวัยรุ่นชายที่รู้สึกเช่นนี้ 43%
วัยรุ่นหญิง 40% ต้องลดรายจ่ายหรือหยุดทำสิ่งที่พวกเธอชอบในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากพวกเธอไม่มีเงินเหลือแล้ว เมื่อเทียบกับวัยรุ่นชายที่ต้องหยุดทำสิ่งที่ชอบ 28%
เรนดอร์ปมองว่าสิ่งนี้มันน่าสิ้นหวังมาก เนื่องจากวิกฤตค่าครองชีพที่ยังไม่หมดไป แม้ว่าจะแสดงให้เห็นบนหน้าข่าวน้อยลงก็ตาม ยังมีกลุ่มคนที่มีปัญหาทางการเงินและไม่มั่นคง ซึ่งวิกฤตนี้กำลังกัดกินพวกเธออย่างหนัก
นอกจากนี้ เรนดอร์ปบอกว่า ยังมีเรื่องของการเหยียดเพศที่เป็นปัจจัยสำคัญ โดยจากการสำรวจผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านทรัพยากรบุคคล เผยให้เห็นว่า บางคนจะไม่จ้างผู้หญิงเพราะความเสี่ยงต่อการมีบุตร และบางคนเชื่อว่าผู้หญิงไม่เหมาะกับงานบริหารระดับสูง
.
ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ ช่องว่างค่าจ้างยังคงเท่าเดิมอยู่ที่ประมาณ 7.7% ในสหราชอาณาจักรในปี 2021, 2022 และ 2023
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 27 ปี บอกกับ The Guardian ว่า อาชีพของเธอถูกจำกัดลงเนื่องจากระบบการดูแลเด็กที่ไม่เพียงพอประกอบราคาที่ไม่แพง เพื่อให้เธอสามารถแข่งขันเพื่อทำงานในระดับเดียวกับผู้ชายได้ และมีความจำเป็นที่จะต้องฝากลูกไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็กรายวัน
“ฉันไม่ได้บอกว่าผู้ชายไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในทางสถิติแล้ว มันส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่า” เธอกล่าว พร้อมบอกว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าถึงการดูแลเด็กที่ราคาไม่แพงและไม่จำกัดความสามารถในการทำงานของผู้หญิง เธออยากทำงานที่เธอรัก และเธอก็รักในอาชีพของเธอ
ที่มา : The Matter
งานวิจัยพบว่า ‘ผู้หญิง’ เครียดกับเรื่องเงินและงาน มากกว่าผู้ชาย ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ
ตามข้อมูลของทางการ ระบุว่า ปีที่แล้ว (2023) ช่องว่างระหว่างค่าจ้างของผู้ชายและผู้หญิงขยายขึ้นมากที่สุดในหมู่พนักงานที่อายุระหว่าง 30 - 39 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.3% เป็น 4.7%
แคลร์ เรนดอร์ป (Claire Reindorp) ผู้อำนวยการบริหารของ Young Women’s Trust ที่ดำเนินการศึกษาเรื่องนี้ บอกว่า ปัญหาสำหรับผู้หญิงช่วงวัยรุ่นคือความไม่มั่นคง พวกเธอจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มงานธุรกิจค้าปลีก การดูแล การบริการ และกลุ่มที่ได้รับค่าจ้างต่ำ และพวกเธอก็ไม่สามารถออกจากกลุ่มนั้นได้
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบด้วยว่า วัยรุ่นหญิงมีแนวโน้มที่จะก่อหนี้ใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามากกว่า และออมเงินน้อยกว่าวัยรุ่นชายด้วย
ผลวิจัยชี้ให้เห็นช่องว่างระหว่างเพศในเรื่องงานและการเงินที่ชัดเจนในหลาย ๆ ด้าน เช่น วัยรุ่นหญิง 41% บอกว่า สถานการณ์ทางการเงินของพวกเธอแย่ลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับวัยรุ่นชาย 27%
ขณะที่วัยรุ่นหญิง 55% รู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ทางการเงินในครัวเรือนของพวกเธอ เมื่อเทียบกับวัยรุ่นชายที่รู้สึกเช่นนี้ 43%
วัยรุ่นหญิง 40% ต้องลดรายจ่ายหรือหยุดทำสิ่งที่พวกเธอชอบในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากพวกเธอไม่มีเงินเหลือแล้ว เมื่อเทียบกับวัยรุ่นชายที่ต้องหยุดทำสิ่งที่ชอบ 28%
เรนดอร์ปมองว่าสิ่งนี้มันน่าสิ้นหวังมาก เนื่องจากวิกฤตค่าครองชีพที่ยังไม่หมดไป แม้ว่าจะแสดงให้เห็นบนหน้าข่าวน้อยลงก็ตาม ยังมีกลุ่มคนที่มีปัญหาทางการเงินและไม่มั่นคง ซึ่งวิกฤตนี้กำลังกัดกินพวกเธออย่างหนัก
นอกจากนี้ เรนดอร์ปบอกว่า ยังมีเรื่องของการเหยียดเพศที่เป็นปัจจัยสำคัญ โดยจากการสำรวจผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านทรัพยากรบุคคล เผยให้เห็นว่า บางคนจะไม่จ้างผู้หญิงเพราะความเสี่ยงต่อการมีบุตร และบางคนเชื่อว่าผู้หญิงไม่เหมาะกับงานบริหารระดับสูง
.
ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ ช่องว่างค่าจ้างยังคงเท่าเดิมอยู่ที่ประมาณ 7.7% ในสหราชอาณาจักรในปี 2021, 2022 และ 2023
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 27 ปี บอกกับ The Guardian ว่า อาชีพของเธอถูกจำกัดลงเนื่องจากระบบการดูแลเด็กที่ไม่เพียงพอประกอบราคาที่ไม่แพง เพื่อให้เธอสามารถแข่งขันเพื่อทำงานในระดับเดียวกับผู้ชายได้ และมีความจำเป็นที่จะต้องฝากลูกไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็กรายวัน
“ฉันไม่ได้บอกว่าผู้ชายไม่ได้รับผลกระทบ แต่ในทางสถิติแล้ว มันส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่า” เธอกล่าว พร้อมบอกว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าถึงการดูแลเด็กที่ราคาไม่แพงและไม่จำกัดความสามารถในการทำงานของผู้หญิง เธออยากทำงานที่เธอรัก และเธอก็รักในอาชีพของเธอ