ธุรกิจสายมูไม่แผ่ว รายได้สะพัด

ธุรกิจสายมูไม่แผ่ว รายได้สะพัดกว่าร้อยล้าน - มาดูกันว่า หมอดูเสียภาษียังไง?

ธุรกิจสายมูไม่แผ่ว รายได้สะพัดกว่าร้อยล้าน แห่จดทะเบียนโตต่อเนื่อง 5 ปี ด้านการเสียภาษีเข้าข่ายรายได้ตาม 40(2) และ 40(8) ถ้ารายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ธุรกิจสายมู เป็นอีก 1 ธุรกิจ ที่เติบโตอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่ปี 2562-2566 ธุรกิจด้านความเชื่อและความศรัทธามีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเทียบในแต่ละปี ปี 2562 จดทะเบียนจัดตั้ง 11 ราย ทุนจดทะเบียน 15.4 ล้านบาท ปี 2563 จัดตั้ง 11 ราย ทุน 7.59 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 20 ราย ทุน 13.41 ล้านบาท  ปี 2565 จัดตั้ง 24 ราย ทุน 27.45 ล้านบาท และ ปี 2566 จัดตั้ง 33 ราย ทุน 26.88 ล้านบาท ขณะที่ เดือนมกราคม-มีนาคม 2567 จัดตั้ง 12 ราย ทุน 7.51 ล้านบาท

รายได้รวมของธุรกิจความเชื่อที่จดทะเบียน ปี 2562 อยู่ที่ 24.28 ล้านบาท กำไร 1.12 ล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 28.76 ล้านบาท กำไร 1.52 ล้านบาท ปี 2564 รายได้รวม 61.28 ล้านบาท ขาดทุน 1.86 ล้านบาท ปี 2565 รายได้รวม 148.99 ล้านบาท  ขาดทุน 1.7 แสนบาท

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567) ธุรกิจความเชื่อความศรัทธามีนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 134 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 135.89 ล้านบาท เป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) ทั้งหมด แบ่งเป็น  บริษัทจำกัด 108 ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 26 ราย แบ่งออกเป็น บริษัทจำกัด 116.64 ล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 19.25 ล้านบาท
 

ทั้งนี้เมื่อแบ่งตามพื้นที่ตั้งธุรกิจ มีธุรกิจตั้งอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร 62 ราย และมีทุนจดทะเบียน 63.46 ล้านบาท ส่วนพื้นที่ที่มีธุรกิจตั้งอยู่แบ่งตามภาค ได้แก่

ภาคกลาง 35 ราย ทุน 34.34 ล้านบาท
ภาคตะวันออก 13 ราย  ทุน 11.05 ล้านบาท
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 ราย ทุน 6.55 ล้านบาท
ภาคเหนือ 7 ราย ทุน 2.99 ล้านบาท
ภาคใต้ 6 ราย ทุน 14.40 ล้านบาท
ภาคตะวันตก 4 ราย ทุน 3.10 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจความเชื่อความศรัทธา หรือ ศาสตร์มูเตลู ถือว่าได้รับความนิยมจากทุกกลุ่มอายุ โดยแต่ละกลุ่มอายุจะมีวิธีการ มูเตลูที่แตกต่างกัน ซึ่งกลุ่มที่มีความเชื่อค่อนข้างสูงได้แก่ กลุ่ม Gen Z โดยการเข้าถึงข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจากสื่อโซเซียลมีเดีย ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่ม Gen Z ที่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงสุดกว่าทุกช่วงกลุ่มวัย หากธุรกิจสามารถพัฒนาสินค้า และส่งเสริมการตลาดได้ตรงกลุ่ม ย่อมส่งผลต่อโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้สูงขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจกิจกรรมด้านความเชื่อความศรัทธามีการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบปริมาณของผู้ประกอบธุรกิจด้านความเชื่อในตลาด ส่วนใหญ่นิยมประกอบกิจการในรูปบุคคลธรรมดา ซึ่งการจดทะเบียนนิติบุคคลจะมีส่วนช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือและต่อยอดทางธุรกิจได้หลากหลายมากขึ้น

ส่วนการเสียภาษีนั้น รายได้ของหมอดูเข้าข่ายรายได้ตามมาตรา 40(2) และ 40(8)

ในกรณีที่ไม่ได้เปิดสำนักดูแบบเป็นกิจลักษณะ รับดูดวงเป็นครั้งๆ ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางโซเชียล หรือนัดเจอตัวกัน จะเข้าข่าย 40(2) เพราะว่าเป็นเงินได้ ที่มาจากการรับทำงานให้ ต้องยื่นเสียภาษี ภายในวันที่ 31 มี.ค. ของปีถัดไป ภายใต้แบบ ภ.ง.ด.90

แต่ถ้าเป็นแบบเปิดสำนักดูดวง ก็จะเข้าข่าย 40(8) เพราะว่ามีการลงทุนหาเครื่องมือ มีค่าใช้จ่ายสำนักงาน ซึ่งถ้าเป็นไปตามลักษณะนี้ เวลายื่นเสียภาษีเงินได้ จะต้องยื่น 2 รอบ คือ ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 เสียภาษีเงินได้ครึ่งปี ซึ่งมีกำหนดยื่นวันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. ของทุกปีก่อน เพื่อเสียภาษีไว้ล่วงหน้า แล้วก็ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 อีกครั้ง ภายใต้วันที่ 31 มี.ค. ของปีถัดไป

ข้อควรรู้เพิ่มเติมก็คือ ถ้าทำรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องไปดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เพราะบริการดูดวง เข้าข่ายของธุรกิจ “บริการ” ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากมูลค่าบริการ โดยทุกครั้งที่ดูดวงก็ต้องออกใบกำกับภาษี พร้อมกับทำรายงานภาษีซื้อ ภาษีขาย คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อนำส่งกรมสรรพากร ภายใต้แบบ ภ.พ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

แหล่งที่มา
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/419877

https://www.thansettakij.com/business/economy/592973
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เศรษฐกิจ ข่าวเศรษฐกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่