https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4834435
เชฟอ้อย รับ หมุนเงินไม่ทัน ถูกคดียักยอกเพชร เผยหลังออกโหนกระแส ลูกค้าแฟรนไชส์หาย
วันที่ 8 ตุลาคม 2567 - 12:30 น.
เชฟอ้อย รับ หมุนเงินไม่ทัน ถูกคดียักยอกเพชร เผยหลังออกโหนกระแส ลูกค้าแฟรนไชส์
เชฟอ้อย รับ หมุนเงินไม่ทัน ถูกคดียักยอกเพชร เผยหลังออกโหนกระแส ลูกค้าแฟรนไชส์หาย
วันที่ 8 ตุลาคม พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.2 บก.สอท.1 ร่วมกันจับกุมนางยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ อายุ 54 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 88/1 ม.1 ต.แม่ระกา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ตามหมายจับของศาลแขวงบางบอน ที่ 289/2567 ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 ข้อหาความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่ห้างซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากผู้เสียหายรู้จักกับผู้ต้องหาผ่านทางทีวี และเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดัง จึงติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร จึงได้พูดคุยจนเกิดความสนิทสนมกัน ผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหายต้องการจะขายทองคำเพชร และพระเครื่อง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จึงเสนอตัวจะเป็นนายหน้านำทรัพย์สินดังกล่าวไปทำการขายให้
ผู้เสียหายเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดังและเป็นที่รู้จักในวงการ จึงยอมให้ผู้ต้องหานำทรัพย์สินดังกล่าวไปเพื่อทำการขาย ระยะเวลาผ่านไปหลายเดือนผู้เสียหายทราบภายหลังว่าผู้ต้องหาได้นำทรัพย์สินของตนไปมัดจำเพื่อเปิดร้านอาหาร จึงได้ทวงถามกลับมายังผู้ต้องหา พบว่าเป็นความจริงจึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางบอน
ต่อมาชุดสืบสวนได้ทำการแกะรอยจนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาอยู่ที่บริเวณห้างดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าจับกลุ่มสอบสวนให้การรับสารภาพว่าได้มีการนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจริง โดยสาเหตุมาจากหมุนเงินไม่ทัน หลังจากที่ออกรายการชื่อดังอย่างโหนกระแสไป ทำให้มีผู้ติดตามลดลงและมีคนซื้อแฟรนไชส์ลดลงด้วยทำให้ประสบปัญหาในเรื่องของธุรกิจจึงตัดสินใจก่อเหตุ
เชฟอ้อยกล่าวว่า ได้นำเพชรจากผู้เสียหายไปขายจริงโดยตนทำหน้าที่นายหน้าเอาไปให้โปรดิวเซอร์รายการทีวีช่องดัง ซึ่งทางนั้นก็ยังไม่ได้จ่ายเงินเรา แต่ช่วงเวลาที่นำเพชรมาครั้งแรกเราได้ควักเงินจ่ายให้กับผู้เสียหายไปก่อน 500,000 บาท
แต่ต่อมาภายหลังได้ออกรายการโหนกระแสกรณีที่มีปัญหาเรื่องลูกชิ้น ทำให้ขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ขาดสภาพคล่องไม่สามารถผ่อนคืนให้กับทางผู้เสียหายได้ อย่างไรก็ตามตนไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีหรือไม่จ่ายเงินให้กับทางผู้เสียหายที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อผู้เสียหายมาโดยตลอดและพยายามที่จะขอไกล่เกลียเพื่อที่จะชดใช้เงินให้เต็มจำนวน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางบอน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คน ที่ใช้โหนกระแสหนุ่มกรรชัยสร้างเครดิตแล้วไปโกงทรัพย์แฟนคลับรายการต้องรับผิดชอบอะไรไหม?
เชฟอ้อย รับ หมุนเงินไม่ทัน ถูกคดียักยอกเพชร เผยหลังออกโหนกระแส ลูกค้าแฟรนไชส์หาย
วันที่ 8 ตุลาคม 2567 - 12:30 น.
เชฟอ้อย รับ หมุนเงินไม่ทัน ถูกคดียักยอกเพชร เผยหลังออกโหนกระแส ลูกค้าแฟรนไชส์
เชฟอ้อย รับ หมุนเงินไม่ทัน ถูกคดียักยอกเพชร เผยหลังออกโหนกระแส ลูกค้าแฟรนไชส์หาย
วันที่ 8 ตุลาคม พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.2 บก.สอท.1 ร่วมกันจับกุมนางยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ อายุ 54 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 88/1 ม.1 ต.แม่ระกา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ตามหมายจับของศาลแขวงบางบอน ที่ 289/2567 ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 ข้อหาความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่ห้างซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากผู้เสียหายรู้จักกับผู้ต้องหาผ่านทางทีวี และเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดัง จึงติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร จึงได้พูดคุยจนเกิดความสนิทสนมกัน ผู้ต้องหาเห็นว่าผู้เสียหายต้องการจะขายทองคำเพชร และพระเครื่อง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จึงเสนอตัวจะเป็นนายหน้านำทรัพย์สินดังกล่าวไปทำการขายให้
ผู้เสียหายเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นเชฟชื่อดังและเป็นที่รู้จักในวงการ จึงยอมให้ผู้ต้องหานำทรัพย์สินดังกล่าวไปเพื่อทำการขาย ระยะเวลาผ่านไปหลายเดือนผู้เสียหายทราบภายหลังว่าผู้ต้องหาได้นำทรัพย์สินของตนไปมัดจำเพื่อเปิดร้านอาหาร จึงได้ทวงถามกลับมายังผู้ต้องหา พบว่าเป็นความจริงจึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางบอน
ต่อมาชุดสืบสวนได้ทำการแกะรอยจนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาอยู่ที่บริเวณห้างดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าจับกลุ่มสอบสวนให้การรับสารภาพว่าได้มีการนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจริง โดยสาเหตุมาจากหมุนเงินไม่ทัน หลังจากที่ออกรายการชื่อดังอย่างโหนกระแสไป ทำให้มีผู้ติดตามลดลงและมีคนซื้อแฟรนไชส์ลดลงด้วยทำให้ประสบปัญหาในเรื่องของธุรกิจจึงตัดสินใจก่อเหตุ
เชฟอ้อยกล่าวว่า ได้นำเพชรจากผู้เสียหายไปขายจริงโดยตนทำหน้าที่นายหน้าเอาไปให้โปรดิวเซอร์รายการทีวีช่องดัง ซึ่งทางนั้นก็ยังไม่ได้จ่ายเงินเรา แต่ช่วงเวลาที่นำเพชรมาครั้งแรกเราได้ควักเงินจ่ายให้กับผู้เสียหายไปก่อน 500,000 บาท
แต่ต่อมาภายหลังได้ออกรายการโหนกระแสกรณีที่มีปัญหาเรื่องลูกชิ้น ทำให้ขายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ขาดสภาพคล่องไม่สามารถผ่อนคืนให้กับทางผู้เสียหายได้ อย่างไรก็ตามตนไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีหรือไม่จ่ายเงินให้กับทางผู้เสียหายที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อผู้เสียหายมาโดยตลอดและพยายามที่จะขอไกล่เกลียเพื่อที่จะชดใช้เงินให้เต็มจำนวน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางบอน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป