วิถีชนบท ชมวิวรอบๆ หมู่บ้านและพาหมาไปเดินเล่นในป่า

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
วันนี้จะพาเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้านค่ะ 
หมู่บ้านที่เราอยู่เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก และเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์  ประชากรมีแค่ 395 คน ตามข้อมูลสถิติประชากร ปี 2020
หมู่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมือง 5 กม. ไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน มีแค่รถบัสรับ-ส่งนักเรียนวิ่งเข้ามาวันละสองรอบ เช้า บ่าย
รอบๆ หมู่บ้านล้อมรอบไปด้วยท้องทุ่งและป่า  ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังคงทำการเกษตรอยู่
ซึ่งจะปลูกข้าวสาลี มันฝรั่ง ถั่วลันเตา รัปส์ หญ้าเลี้ยงสัตว์ สลับกันไปทุกปี

บึงนี้ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน หน้าร้อนก็ใช้คลายร้อน  หน้าหนาวก็เป็นลานเล่นสเก็ตและขับสกูตเตอร์น้ำแข็งของเด็กและผู้ใหญ่


บ้านรอบๆ บึงจะทาสีแดงเกือบทั้งหมด ตามกฎหมายการอนุรักษณ์
แต่กระนั้นก็เห็นมีบ้านสีเหลืองอยู่สามสี่หลัง ทุกหลังเป็นบ้านปูน อาจได้รับข้อยกเว้นเป็นพิเศษก็ไม่รู้ได้....


สาวๆ สองตัวนี้เป็นหมาของพ่อและแม่สามีที่พวกเรามีหน้าที่พาออกเดินเล่นเพื่อขับถ่ายทุกวัน
ตัวพี่ชื่อมิลลัน พันธุ์บีเกิ้ล อายุ 11 ปี
ตัวน้องชื่อมิมมี่ อายุขวบครึ่ง พันธุ์ดัชชุนแคระ


ช่วงนี้อากาศดี แดดแจ่ม ไปเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีกันค่ะ


หลายบ้านยังใช้ฟืนในการทำความอุ่นในบ้านอยู่ ทั้งสำหรับเตาผิงและระบบทำความร้อนภายในบ้าน


บ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านอยู่บ้านพักคนชรา
ผลไม้ร่วงเต็มพื้นไม่มีคนกวาด นานๆ จะเห็นเจ้าหน้าที่บ้านพักฯ พาเจ้าของมาแวะมาดูบ้านบ้าง


ต้นไม้นี้น่าจะอายุหลายร้อยปี อยู่หัวมุมถนนพอดี
Ash, or European ash or common ash คนไทยเรียกสะเดาฝรั่ง  เคยลองหนนึง รสชาติออกขมๆ คล้ายสะเดาอยู่นะ


บ้านสีแดงกับหน้าต่างสีขาว สีตัดกันดูสวยดี


ตู้รับจดหมายตามชนบทจะติดตั้งไว้เป็นกลุ่มแบบนี้ 
ไปรษณีย์จ่ายจดหมายวันเว้นวัน อันเนื่องมาจากมีการใช้บริการส่งจดหมายน้อยลงมากตั้งแต่มีระบบสื่อสารดิจิตอล


บ้านเก่าแก่และโรงนาสร้างจากไม้เป็นท่อนๆ วางไว้บนก้อนหินขนาดใหญ่



ถนนที่ตัดผ่านหมู่บ้าน
เมื่อก่อนเป็นถนนหลักผ่านไปสู่เมืองอื่นๆ ตอนนี้มีทางหลวงผ่านด้านนอกหมู่บ้านแทน


พ้นหมู่บ้านออกมาจะเป็นทุ่งกว้าง
ที่เห็นโครงเหล็กลิบๆ นั่นคือสวนผักขนาดใหญ่ที่ปลูกเกือบทุกอย่างเพื่อส่งขายให้ทั้งจังหวัด


ทุ่งตรงนี้หญ้างอกแล้ว พอหิมะลงก็ตายและเข้าจำศีล พอหิมะละลายก็จะเริ่มงอกใหม่และโตจนได้เก็บเกี่ยว


ป่าที่อยู่รอบนอกของหมู่บ้านที่เรามักจะพาสองสาวไปเดิน


เลี้ยวซ้ายเข้าไป


ต้นเบิร์ชกำลังผลัดใบ


สนสก็อตเป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นสูงใหญ่ ตั้งตรง สวยงาม


ความท้าทายในป่า เดินไม่ดีมีปากแตก เพี้ยนขำหนักมาก


เลี้ยวออกจากป่าก็มาโผล่แถวๆ หน้าโรงเรียน
ในหมู่บ้านมีโรงเรียนประถม ป.1-ป.6 ที่รับนักเรียนจากหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย
ตอนนี้กำลังมีประเด็นนักการเมืองจะยุบโรงเรียน ชาวบ้านและผู้ปกครองกำลังประท้วงและคัดค้านอย่างแข็งขัน


ถัดไปหน่อยก็เป็นอนุบาล รั้วติดกับโรงเรียนประถม


เดินตรงไปอีกหน่อย  เลี้ยวขวาตรงนี้อีกไม่ไกลก็ถึงบ้านของสองสาว


เดินกันประมาณ 3 กม. ได้ถุงใส่อุนจิน้องหมากลับมาด้วยสองถุง  ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
มิมมี่ขอบคุณพี่ๆ ลุง ป้า น้า อา ที่เข้ามาชมและทักทายล่วงหน้าค่ะ miniheart
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่