JJNY : 5in1 วิโรจน์จ่อนำเหตุไฟไหม้บัส│ไอซ์ไม่เห็นด้วย│วิโรจน์น้อมรับคำวิจารณ์│ชาวนาสะดุ้งอินเดีย│สื่อนอกรายงานไฟไหม้บัส

วิโรจน์ จ่อนำเหตุไฟไหม้บัสเข้าสภา ชี้ใครว่าวัวหายล้อมคอกก็ช่าง แต่ต้องป้องไม่ให้เกิดซ้ำอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4821851

‘วิโรจน์’ แสดงความเสียใจเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียน ชี้ เบื้องต้นต้องเร่งชดเชยเยียวยาจิตใจ เด็กที่ปลอดภัย-ผู้ปกครอง บอกระดับรัฐมนตรีต้องเป็นเจ้าภาพตรวจสอบด้านวิศวกรรมสาเหตุเพลิงไหม้ จ่อใช้กลไกสภาหาแนวทางป้องกัน
 
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้รถบัสของนักเรียน ที่บริเวณหน้าห้างเซียร์รังสิต ว่า ทราบว่าขณะนี้มีเด็กออกจากรถได้ประมาณ 19 คน ที่เหลือคาดว่าน่าจะเสียชีวิต เบื้องต้นต้องแสดงความเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคิดว่าเบื้องต้นต้องเยียวยาสภาพจิตใจของเด็ก 19 คนก่อน และเยียวยาสภาพจิตใจของผู้ปกครองพ่อแม่ด้วย สำหรับเด็กและผู้เสียชีวิตบนรถบัสคงต้องเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องที่ต้องทำก่อนคือให้ความสำคัญกับหัวใจของคนก่อน หลังจากนี้คงต้องดูแลชดเชยเยียวยา แม้จะลำบากแต่ก็ต้องดำเนินการชดเชยเยียวยาอย่างเต็มที่
 
ขั้นตอนต่อไปคือการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ยางระเบิดจริงหรือไม่ ยางระเบิดได้อย่างไร มีการซ่อมบำรุงรถหรือไม่ และทำไมประตูฉุกเฉินถึงเปิดไม่ได้ และการจัดทัศนศึกษาได้คำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางส่วนนี้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาฯที่ต้องเข้าไปติดตามด้วย
 
นายวิโรจน์ยังกล่าวด้วยว่า มีคำถามเกิดขึ้นว่าเด็กอนุบาลและเด็กโตมีความจำเป็นต้องเดินทางไปทัศนศึกษาในระยะไกลขนาดนี้ด้วยหรือ หากมีความจำเป็นในการทัศนศึกษามีการตรวจสภาพรถก่อนหรือไม่ ความพร้อมในการบำรุงรักษา และการเตรียมความพร้อมในกรณีมีเหตุฉุกเฉินขึ้น ซึ่งพบว่าทำไมเด็กถึงไปอยู่กันบริเวณหลังรถ และพบว่าประตูหลังรถเปิดไม่ได้ นี่จึงเป็นข้อสังเกตและมองว่าการตรวจสอบทางด้านวิศวกรรมตรวจสอบได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ การตรวจสอบด้านวิศวกรรม วันนี้ พรุ่งนี้ ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้ว โดยสามารถตรวจสอบได้หลังจากที่มีการเข้าพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว แต่คำถามคือถ้ารถไม่ได้มีความพร้อม 100% ทำไมจึงพาผู้ที่มาทัศนศึกษาในระยะทางที่ไกลขนาดนี้ ทั้งตัวผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯจะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาให้กับผู้ปกครองและประชาชนในส่วนนี้ด้วย
 
ส่วนของงานสภาจะมีการใช้กลไกใดหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะใช้กลไกใดในเรื่องนี้ ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้มี 2 ส่วนคือ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะชดเชยเยียวยาอย่างไร จะดูแลสภาพจิตใจอย่างไร และสุดท้ายถ้ามีการกระทำความผิด หรือการกระทำอันประมาทก็ต้องดำเนินการกับผู้ที่กระทำการอันประมาทด้วย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการทัศนศึกษา ต่อไปจากนี้ต้องมีกระบวนการตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะที่บกพร่องตกหล่นไม่ได้เลย
 
ใครจะว่าวัวหายล้อมคอกมันก็ต้องล้อมให้แน่นหนาเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น” นายวิโรจน์กล่าว
 
ส่วนเจ้าภาพหลักในการรับผิดชอบเรื่องนี้ นายวิโรจน์กล่าวว่า ควรต้องเป็นระดับรัฐมนตรีเพราะชีวิตคนมีมูลค่ามหาศาลและไม่ควรเกิดขึ้น
 
การเกิดอุบัติเหตุทางจราจรพอที่จะอธิบายได้และเกิดขึ้นแล้วนำมาซึ่งเหตุสะเทือนขวัญเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น จริงๆ ยางแตกก็ไม่ควรเกิดขึ้น แต่หากยางรั่วก็มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ควรที่จะเกิดเพลิงไหม้เช่นนี้ ซึ่งรถคันดังกล่าวติดตั้งแก๊ส ก็ต้องถามด้วยว่า มีวิศวกรเซ็นรับรองอย่างถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่แค่มีลายเซ็นก็พอ มีการตรวจสอบความปลอดภัยทางวิศวกรรมหรือเปล่า ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้พิสูจน์หลักฐานสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการขอลายเซ็นมาก็ต้องมีการสืบสวนเอาผิดกับวิศวกรคนนั้นต่อไป คุณเอารถติดตั้งแก๊สพาเด็กนักเรียนมาสมควรหรือเปล่า ก็ต้องตั้งคำถามต่อไป” นายวิโรจน์กล่าว
 


ไอซ์ รัชนก ไม่เห็นด้วยยกเลิกทัศนศึกษา ชี้แก้ปลายเหตุ ปิดโอกาสเด็กเปิดประสบการณ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4822029

ไอซ์ รัชนก ไม่เห็นด้วยยกเลิกทัศนศึกษา ชี้แก้ปลายเหตุ ปิดโอกาสเด็กเปิดประสบการณ์ จี้ตรวจสภาพรถ-คนขับ

จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เหตุเกิดที่หน้าเซียร์รังสิต ถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี จนมีครูและนักเรียนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเพจ “รักชนก ศรีนอก – Rukchanok Srinork” แสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า

ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ยกเลิกทัศนศึกษาของเด็กๆนั่นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ไม่ตอบโจทย์

ทั้งจะเป็นการปิดโอกาสของเด็กๆ อีกด้วย การพาเด็กๆ ไปเปิดประสบการณ์ในที่ใหม่ๆ เช่น การไปพิพิธภัณฑ์ ไปท้องฟ้าจำลอง ไปสวนสัตว์

สำคัญกับการเติบโตของเด็กมากๆ และเด็กหลายคน มีข้อจำกัดที่พ่อแม่ไม่มีทั้งทรัพยากรเงินและเวลา

โอกาสที่ได้เปิดหูเปิดตาคือโรงเรียนพาไปทัศนศึกษา

ถ้าจะแก้ปัญหาที่ต้นตอ ต้องจี้เรื่องการตรวจสภาพรถ คนขับประมาทที่จุดไหน ใบขับขี่ถูกต้องไหมโรงเรียนทั่วประเทศควรมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ

ในทุกกรณีอย่างสม่ำเสมอบ่อยแค่ไหน สอนเด็กๆ และคุณครูเรื่องการเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบต่างๆ รวมถึงการจำกัดระยะทางในการทัศนศึกษา

ในระยะทางที่เหมาะสมกับการเดินทางเช่นนี้จะช่วยปิดโอกาสเหตุเช่นนี้ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ดีมากกว่า และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต้องทำอย่างจริงจัง

ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียทุกท่านด้วยค่ะ

#ไฟไหม้รถบัส

https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/545901317971633
 

 
“วิโรจน์” น้อมรับคำวิจารณ์จากแนวร่วม หลังซัดแรงพรรคส้มทำงานบนหอคอย
https://ch3plus.com/news/political/morning/419032
 
วันนี้ (1 ต.ค. 2567) ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแนวร่วมพรรคประชาชนออกมาวิจารณ์พรรคอย่างรุนแรงว่าทำงานบนหอคอยงาช้าง ถึงขั้นทิ้งบัตรสมาชิก

โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเสียงสะท้อนที่จะต้องน้อมรับ ตนต้องขอโทษอาจารย์คนที่วิจารณ์ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจที่เรายังทำงานได้ขาดตกบกพร่อง ตนคิดว่าต้องน้อมรับและนำไปปรับปรุงกระบวนการทำงานร่วมกัน ทั้งส่วนของกรรมการบริหารพรรคและ สส. ตนได้อ่านคอมเมนต์แล้ว ยอมรับก็ต้องรับฟัง และคอมเมนต์ยังได้พูดถึงการทำงานระหว่าง สส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรค ที่ต้องทำงานสนับสนุนกันแบบองคาพยพ ที่มองว่าพรรคยังทำงานไม่สอดคล้องกัน ต้องน้อมรับและเร่งประชุมพรรค เพื่อกำหนดกรอบการทำงานให้ตอบโจทย์ตามความต้องการ ให้ดีกว่าเดิม

ต้องขอโอกาสจากอาจารย์ ว่าให้พวกเราได้ทำงานแก้ไข แล้วเราจะทำงานให้ดีขึ้น ตามคำแนะนำของอาจารย์” นายวิโรจน์ กล่าว

เมื่อถามว่าต้องทำอย่างไรให้ผลเป็นรูปธรรม นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องการลงพื้นที่ ต้องมีการประชุมเร่งด่วน ต้องศึกษาข้อกฎหมาย มติ ครม. และข้อสั่งการต่างๆ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ในเบื้องต้นจากนั้นก็คงต้องทำงานร่วมกันระหว่าง สส. กลุ่มอาสาสมัคร และมูลนิธิต่างๆ เครือข่ายภาคเอกชนอย่างแนบแน่นมากขึ้น ทำงานประสานกับหน่วยราชการ เพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไร รวมถึงต้องดูงบประมาณของท้องถิ่นให้มีข้อมูลที่พร้อม เพื่อการทำงานกับหน่วยงานราชการอย่างไร้รอยต่อ เพื่อทำให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยเกิดความลื่นไหลและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ตรงนี้จะต้องทำ

ส่วนกระบวนการหลังออกจากพื้นที่ ก็ต้องมีการใช้กลไกกรรมาธิการและสภาในการติดตามความคืบหน้าแก้ไขให้กับพี่น้องชาวพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม กลไกด้านนิติบัญญัติ มีทั้งเรื่องกระทู้ถาม และกรรมาธิการต่างๆ ที่สามารถยื่นเรื่องได้ เพื่อให้ความคาดหวังของประชาชนและปัญหาที่รอความช่วยเหลือได้รับการคลี่คลาย

เมื่อถามว่าภาพที่สะท้อนออกมาของ สส.ในพื้นที่ เป็นการทำเพื่อเอาหน้า นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราไม่มีเจตนาที่ทำอย่างนั้น เพียงแต่การลงพื้นที่ที่ยังเตรียมข้อมูลได้ไม่ดีพอ การตัดสินใจหน้างานก็อาจจะล่าช้าได้ จึงถูกติติง พูดง่ายๆ คือ ข้อมูลในกระเป๋าเรายังไปไม่พอ ก็น้อมรับว่ามีเหตุการณ์อย่างนั้นจริง เมื่อข้อมูลในกระเป๋าไม่พอก็ได้แค่ช่วยเอาข้าวของ เครื่องใช้ และอาหารไปบริจาค ซึ่งก็เป็นการทุเลาปัญหาในเบื้องต้น แต่เข้าใจว่าประชาชนคาดหวังคนที่เป็น สส. ที่ทรงอำนาจนิติบัญญัติจะต้องมีข้อมูลในกระเป๋าและสามารถอำนวยความสะดวก ช่วยสอดประสานหน่วยงานราชการได้ดีกว่านี้

สส.ของเราต้องตระหนักว่าการลงพื้นที่ในเขตภัยพิบัติ มันไม่ใช่แค่การลงพื้นที่ทำกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ ไม่ได้ไปถ่ายเซลฟี่ ไม่ได้ไปถ่ายคลิป ไม่ได้ไปถ่ายวิดีโอ ไม่ได้ไปกอดกับผู้สนับสนุนแล้วยิ้มแย้มแจ่มใส แต่มันต้องมีข้อมูลในมือ ข้อมูลในกระเป๋าที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานราชการในพื้นที่อย่างไร้รอยต่อ ไม่ได้ไปทำให้หน่วยงานราชการลำบากขึ้น หรือไปสั่งการ ให้ข้อเสนอแนะ อะไรที่มันไม่ได้อยู่ในกรอบกฎหมาย ผมว่าเราต้องกลับไปขันนอตโดยเร็ว” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องขอบคุณและต้องขอโทษด้วยกับความผิดหวังที่เกิดขึ้น แล้วต้องขอบพระคุณที่ยังกรุณาไว้วางใจที่ยังด่าเรา เพราะการด่า แสดงว่ายังคาดหวังจากเราอยู่ เพราะหลายคนถ้าเลิกด่า เลิกพูดถึง แสดงว่าเขาไม่ให้โอกาส ดังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราแล้ว ที่จะปรับปรุงเร่งรัดอย่างไร
แท็กที่เกี่ยวข้อง  



ชาวนาสะดุ้ง ‘อินเดีย’ ไฟเขียว ส่งออกข้าวอีกครั้ง
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/419036

ร่วงทันที ราคาข้าวในประเทศ หลังอินเดีย กลับมาส่งออกข้าวขาวอีก

วันเสาร์ที่ผ่านมา อินเดียได้อนุญาตให้กลับมาส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติได้อีกครั้ง หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านั้น เพิ่งประกาศลดภาษีการส่งออกข้าวนึ่ง เหลือ 10% โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลผลิตข้าวใหม่ที่กำลังจะเก็บเกี่ยว ประกอบกับสต็อกข้าวของรัฐบาลเพิ่มขึ้น
 
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของอินเดีย ส่งผลกระทบกับประเทศผู้ส่งออกข้าวทันที ซึ่งรวมถึงไทยด้วย ที่กระทบหนัก เนื่องจากผู้ส่งออกไทยยังต้องเผชิญกับบาทแข็ง ทำให้สูญเสียความสามารถการแข่งขันด้านราคา โดยทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่า จะทำให้ราคาข้าวไทยแพงขึ้นทันที 15-16 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้ข้าวไทยแข่งขันลำบาก อีกทั้งอินโดนีเซีย ที่ปีนี้ซื้อข้าวไทยถึง 4 ล้านตัน แต่ปีหน้าคาดจะลดลงเหลือแค่ 1 ล้านตันเท่านั้น หลังปัญหาภัยแล้งในประเทศคลี่คลาย ล่าสุดราคาข้าวในประเทศ เริ่มได้รับผลกระทบแล้ว โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าลดลงเหลือตันละ 9,000 บาท จาก12,000 บาท ส่วนข้าวสาร ขาว 5% ร่วงจากตันละ 22,000 บาา เหลือ 15,500 บาท หรือ ลงมาถึงตันละ 6,500 บาท
อย่างไรก็ดี 9 เดือนแรกปีนี้ ไทยส่งออกข้าวทะลุ 7 ล้านต้นแล้ว และทั้งปี คาดว่าจะทำได้ตามเป้า 8.5 ล้านต้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่