หาดใหญ่โพล เผย เชื่อมั่นปชช. 14 จว.ใต้วูบ 10000 ไม่เกิดพายุ เพราะได้วงจำกัด จี้ ปรับจริยธรรม นักการเมือง
https://www.matichon.co.th/region/news_4820620
หาดใหญ่โพล เผย เชื่อมั่นปชช. 14 จว.ใต้วูบ ระบุนโยบายกระตุ้นศก. อิ๊งค์1 ไม่ชัดเจน จี้ ปรับจริยธรรมนักการเมืองให้สูง เงินหมื่นไม่เกิดพายุหมุน เหตุจำกัดกลุ่ม แนะกระตุ้นไทยเที่ยวไทย
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ผศ.ดร.
วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ 420 ตัวอย่าง ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนกันยายน เปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม ปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน การออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
“
ปัจจัยลบที่สำคัญเกิดจากผลพวงของสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังไม่ฟื้นตัวมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลขาดความชัดเจนในเชิงรูปธรรม”
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนกันยายน ประชาชนเพิ่งได้เห็นนโยบายที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาล คือ การปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการโอนเงินให้กับกลุ่มเปราะบางกว่า 14 ล้านคน โดยใช้แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท และการบริหารจัดการงบประมาณ ปี 2567 ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในส่วนเฟสที่สอง ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ยังไม่มีความชัดเจน และคงต้องรอ
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า การแจกเงิน 10,000 บาท อาจจะไม่ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นการแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนจะนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของตนเองและครอบครัว การแจกเงินในสภาพเศรษฐกิจที่ประชาชนมีหนี้ครัวเรือนและขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นการต่อลมหายใจให้กับประชาชนที่มีความเดือดร้อนให้สามารถลุกขึ้นมาสู้ชีวิตได้อีกครั้ง
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า การแจกเงินในช่วงปลายเดือนกันยายน ทำให้การค้าขายในตลาด ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอยดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่อาจจะดีขึ้นในช่วงสัปดาห์หลังจากประชาชนได้รับเงินเท่านั้น เนื่องจากประชาชนกลุ่มเปราะบางมีความจำเป็นต้องใช้เงินมาก และอาจจะใช้เงินจนหมดในเวลาอันสั้น จากนั้นไม่นานก็อาจจะกลับมาเดือดร้อนเช่นเดิม
“
ภาครัฐควรมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจูงใจให้ประชาชนนำเงินตนเองมาใช้จ่าย ซึ่งเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ควรกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทย โดยการดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันกับคนละครึ่ง หรือเราเที่ยวด้วยกัน”
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า การแถลง 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลแพทองธารนั้น ประชาชนต้องการให้รัฐบาลกำหนดไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ว่าจะดำเนินโครงการใดๆ เพื่อตอบโจทย์นโยบายใดบ้าง โดยจะเริ่มดำเนินการได้เมื่อไหร่ และคาดว่าจะเกิดผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อใด เนื่องจากประชาชนต้องการเห็นความชัดเจนในเชิงรูปธรรมจากรัฐบาลแพทองธาร
“
จากโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ผ่าน มีการปรับเปลี่ยนและขยายเวลามาตลอด ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถทำได้ตามที่ได้แถลงไว้หรือไม่ รัฐบาลควรมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อให้ 10 นโยบายเร่งด่วน เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามถ้อยคำที่แถลงต่อรัฐสภา เพื่อให้ปัญหาของประเทศเกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง”
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ การส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน การสร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีเข้าสู่ระบบภาษี การกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ การยกระดับเกษตรทันสมัย การส่งเสริมการท่องเที่ยว การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และการสร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า ราคาสินค้าและบริการในประเทศที่สูงขึ้น ล้วนมาจากราคาของพลังงานที่สูงขึ้น ประชาชนจึงเสนอให้ภาครัฐควรเร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน
“
สภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้การจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวในประเทศของประชาชนลดลงเป็นอย่างมาก ภาครัฐควรเพิ่มมาตรการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยกระตุ้นและจูงใจให้เกิดการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวในประเทศ เช่น เราเที่ยวด้วยกันคนละครึ่ง โครงการช้อปดีมีคืน”
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงปัจจุบัน มีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งถือโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนกลุ่มเปราะบางได้รับเงิน 10,000 บาท ประชาชนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบการขึ้นราคาสินค้าและบริการของผู้ประกอบการในช่วงนี้
“
ปัจจุบันกล้องจับความเร็วมีจำนวนมาก มีการตั้งด่านเพื่อออกใบสั่งค่าปรับจราจร ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องจ่ายค่าปรับ ต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้น จากการปรับเปลี่ยนอัตราค่าปรับจราจรใหม่ มองว่า การดำเนินการเป็นการหาผลประโยชน์เพื่อตนเองของหน่วยงานภาครัฐ มากกว่าความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เสนอให้ “เงินค่าปรับจราจรทั้งหมดเข้าเป็นเงินรายได้แผ่นดิน” โดยให้ยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับทั้งหมด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างยุติธรรม โดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของหน่วยงานภาครัฐดีขึ้น”
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า ต้องการเห็นผู้ที่เข้ามาเป็นนักการเมืองและรัฐมนตรีเป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับแก้กฎหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง และรัฐมนตรีให้สูงขึ้น เพราะนักการเมืองและรัฐมนตรีควรมีคุณธรรม จริยธรรม และซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์
ปัจจุบันปัญหายาเสพติดมีจำนวนมาก และแพร่ระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ในวัดวาอาราม สถานศึกษา ประชาชนเสนอให้ภาครัฐควรออกมาตรการในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความปลอดภัยและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ เช่น การเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด และการนำผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดอย่างทันท่วงที.
‘พริษฐ์’ พร้อมถอย แก้จริยธรรมนักการเมือง ชี้ทางออก ปมสว.กลับลำ แก้เกณฑ์ออกเสียงประชามติ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4820639
‘พริษฐ์’ พร้อมถอยแก้จริยธรรมนักการเมือง ชี้ทางออก ปมสว.กลับลำ แก้เกณฑ์ออกเสียงประชามติ ระบุหาก ‘ปธ.สภาฯ’ บรรจุร่างแก้ไขรธน.ลดจำนวนครั้งทำประชามติ เป็นทางออกที่ดีที่สุด ยันไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลฯ
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่อาคารสำนักงานมติชน จำกัด (มหาชน) นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วุฒิสภา เห็นชอบใช้เกณฑ์ออกเสียงประชามติด้วยเสียงข้างมากสองชั้น (Double Majority) ว่า พรรคประชาชนยืนยันมาตลอดว่าหนทางการแก้รัฐธรรมนูญต้องเดิน 2 ทางคู่ขนาน คือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด และการแก้ไขรายมาตราในประเด็นที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน เราเห็นแล้วว่าทางวุฒิสภามีมติแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการรออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ… … ให้แตกต่างจากร่างที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ
ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร และอาจจะมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกันระหว่างสส. และ สว. เพื่อพิจารณาเพิ่มเติม หากยังเห็นต่างกันในความเป็นไปได้สภาผู้แทนราษฎรยังมีอำนาจในการยืนยันตามร่างเดิม ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเกิน 6 เดือนขึ้นไป ส่งผลให้การทำประชามติครั้งแรกไม่สามารถเกิดขึ้นทันภายในการเลือกตั้งท้องถิ่น ช่วงเดือนก.พ ปี68 ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ถูกจัดทำโดนสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)ทันใช้ภายในการเลือกตั้งปี 70
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า หนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับเรื่องสสร. ที่ทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยื่นไปตั้งแต่ต้นปี67 เพื่อลดจำนวนครั้งในการทำประชามติจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง ทางพรรคประชาชนยืนยันว่าการบรรจุร่างดังกล่าว สอดคล้องและไม่ได้ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 ตามที่เราเคยอภิปรายไว้ในรัฐสภา หากประธานสภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจเช่นนั้นก็จะทำให้ มีความเป็นไปได้ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญบังคับใช้ทันการเลือกตั้งปี 70
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทางพรรคได้ยื่น และเตรียมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งหมด 7 แพคเกจ เราเห็นว่าทางรัฐสภาควรเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว และพรรคการเมืองอื่นสามารถยื่นร่างแก้ไขของตนเองเข้ามาด้วย แน่นอนว่าที่ผ่านสังคมถกเถียงกันในเรื่องของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตราจริยธรรม แม้ทางพรรคประชาชนยืนยันว่าเรื่องของการผูกขาดอำนาจในการกำหนดมาตราฐานจริยธรรมไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระเป็นปัญหาที่ควรจะแก้ไข แต่เราก็พร้อมที่จะพักร่างไว้หากจำเป็น เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองอื่นใช้มาเป็นเงื่อนไขในการไม่เดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นอื่น
นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ส่วนความเป็นไปได้ที่ทางประธานสภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับเรื่องสสร. นั้น อยากให้มีการหารือกับทางรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง เข้าใจว่าทางนายวันมูหะมัดนอร์ มีความกังวลใจว่าจะขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเคยอภิปรายไว้ว่าหากไปดูคำวินิฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 รวมถึงคำวินิจฉัยรายบุคคลของตุลาการ 9 คนที่พิจารณาเรื่องนี้ จะเห็นว่าตุลาการส่วนใหญ่ก็แสดงความเห็นที่ตีความได้ว่าการทำประชามติเพียง 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว การทำประชามติที่เพิ่มมาอีก 1 ครั้งไม่ได้มีความจำเป็นทางกฎหมาย หากมีการหารือกันก็หวังว่าจะช่วยคลี่คลายข้อกังวลได้
เมื่อถามว่าหากไม่มีการบรรจุระเบียบวาระทางพรรคประชาชนจะมีแนวทางต่ออย่างไร นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า จากการลงมติของวุฒิสภาก็คงหนีไปพ้นโร้ดแมพการทำประชามติ 3 ครั้ง ทางออกที่ดีที่สุดคือการพิจารณากันใหม่เรื่องของการทำประชามติ 2 ครั้ง
เมื่อถามว่าการลงมติของวุฒิสภาถือเป็นเกมดึงยื้อเวลา ให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าช้าออกไปหรือไม่ นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถสรุปเจตนาของสว.ได้ชัดเจน แต่ข้อสังเกตหนึ่งคือ การหารือในชั้นกรรมาธิการวุฒิสภา เคยลงมติไปแล้วว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของสส. ในการทำประชามติโดยใช้เกณฑ์เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือเสียงข้างมากหนึ่งชั้น แต่เข้าสู่สัปดาห์สุดท้าย ได้มีการขอให้ทบทวนมติดังกล่าวอีกครั้ง และกลับมาพลิกเสียงข้างมากสองชั้น ยังตั้งข้อตั้งเกตุว่าเหตุใดถึงกลับมาเปลี่ยนในสัปดาห์สุดท้าย
JJNY : เชื่อมั่นปชช. 14จว.ใต้วูบ 10000 ไม่เกิดพายุ│‘พริษฐ์’พร้อมถอยแก้│น้ำท่วมกรุงเก่ารอบ2│“เฮลีน”อาจทำเสียชีวิตถึง 600
https://www.matichon.co.th/region/news_4820620
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ 420 ตัวอย่าง ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนกันยายน เปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม ปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน การออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
“ปัจจัยลบที่สำคัญเกิดจากผลพวงของสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังไม่ฟื้นตัวมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลขาดความชัดเจนในเชิงรูปธรรม”
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนกันยายน ประชาชนเพิ่งได้เห็นนโยบายที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาล คือ การปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการโอนเงินให้กับกลุ่มเปราะบางกว่า 14 ล้านคน โดยใช้แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 1.22 แสนล้านบาท และการบริหารจัดการงบประมาณ ปี 2567 ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในส่วนเฟสที่สอง ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ยังไม่มีความชัดเจน และคงต้องรอ
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า การแจกเงิน 10,000 บาท อาจจะไม่ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นการแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนจะนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของตนเองและครอบครัว การแจกเงินในสภาพเศรษฐกิจที่ประชาชนมีหนี้ครัวเรือนและขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นการต่อลมหายใจให้กับประชาชนที่มีความเดือดร้อนให้สามารถลุกขึ้นมาสู้ชีวิตได้อีกครั้ง
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า การแจกเงินในช่วงปลายเดือนกันยายน ทำให้การค้าขายในตลาด ร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอยดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่อาจจะดีขึ้นในช่วงสัปดาห์หลังจากประชาชนได้รับเงินเท่านั้น เนื่องจากประชาชนกลุ่มเปราะบางมีความจำเป็นต้องใช้เงินมาก และอาจจะใช้เงินจนหมดในเวลาอันสั้น จากนั้นไม่นานก็อาจจะกลับมาเดือดร้อนเช่นเดิม
“ภาครัฐควรมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจูงใจให้ประชาชนนำเงินตนเองมาใช้จ่าย ซึ่งเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ควรกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทย โดยการดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันกับคนละครึ่ง หรือเราเที่ยวด้วยกัน”
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า การแถลง 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลแพทองธารนั้น ประชาชนต้องการให้รัฐบาลกำหนดไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ว่าจะดำเนินโครงการใดๆ เพื่อตอบโจทย์นโยบายใดบ้าง โดยจะเริ่มดำเนินการได้เมื่อไหร่ และคาดว่าจะเกิดผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อใด เนื่องจากประชาชนต้องการเห็นความชัดเจนในเชิงรูปธรรมจากรัฐบาลแพทองธาร
“จากโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ผ่าน มีการปรับเปลี่ยนและขยายเวลามาตลอด ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถทำได้ตามที่ได้แถลงไว้หรือไม่ รัฐบาลควรมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อให้ 10 นโยบายเร่งด่วน เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามถ้อยคำที่แถลงต่อรัฐสภา เพื่อให้ปัญหาของประเทศเกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง”
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ การส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย การปรับโครงสร้างราคาพลังงาน การสร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีเข้าสู่ระบบภาษี การกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ การยกระดับเกษตรทันสมัย การส่งเสริมการท่องเที่ยว การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และการสร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า ราคาสินค้าและบริการในประเทศที่สูงขึ้น ล้วนมาจากราคาของพลังงานที่สูงขึ้น ประชาชนจึงเสนอให้ภาครัฐควรเร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน
“สภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้การจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวในประเทศของประชาชนลดลงเป็นอย่างมาก ภาครัฐควรเพิ่มมาตรการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยกระตุ้นและจูงใจให้เกิดการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวในประเทศ เช่น เราเที่ยวด้วยกันคนละครึ่ง โครงการช้อปดีมีคืน”
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงปัจจุบัน มีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งถือโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนกลุ่มเปราะบางได้รับเงิน 10,000 บาท ประชาชนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบการขึ้นราคาสินค้าและบริการของผู้ประกอบการในช่วงนี้
“ปัจจุบันกล้องจับความเร็วมีจำนวนมาก มีการตั้งด่านเพื่อออกใบสั่งค่าปรับจราจร ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องจ่ายค่าปรับ ต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้น จากการปรับเปลี่ยนอัตราค่าปรับจราจรใหม่ มองว่า การดำเนินการเป็นการหาผลประโยชน์เพื่อตนเองของหน่วยงานภาครัฐ มากกว่าความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เสนอให้ “เงินค่าปรับจราจรทั้งหมดเข้าเป็นเงินรายได้แผ่นดิน” โดยให้ยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับทั้งหมด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างยุติธรรม โดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของหน่วยงานภาครัฐดีขึ้น”
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า ต้องการเห็นผู้ที่เข้ามาเป็นนักการเมืองและรัฐมนตรีเป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับแก้กฎหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง และรัฐมนตรีให้สูงขึ้น เพราะนักการเมืองและรัฐมนตรีควรมีคุณธรรม จริยธรรม และซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์
ปัจจุบันปัญหายาเสพติดมีจำนวนมาก และแพร่ระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ในวัดวาอาราม สถานศึกษา ประชาชนเสนอให้ภาครัฐควรออกมาตรการในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความปลอดภัยและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ เช่น การเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด และการนำผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดอย่างทันท่วงที.
‘พริษฐ์’ พร้อมถอย แก้จริยธรรมนักการเมือง ชี้ทางออก ปมสว.กลับลำ แก้เกณฑ์ออกเสียงประชามติ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4820639
‘พริษฐ์’ พร้อมถอยแก้จริยธรรมนักการเมือง ชี้ทางออก ปมสว.กลับลำ แก้เกณฑ์ออกเสียงประชามติ ระบุหาก ‘ปธ.สภาฯ’ บรรจุร่างแก้ไขรธน.ลดจำนวนครั้งทำประชามติ เป็นทางออกที่ดีที่สุด ยันไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลฯ
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่อาคารสำนักงานมติชน จำกัด (มหาชน) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วุฒิสภา เห็นชอบใช้เกณฑ์ออกเสียงประชามติด้วยเสียงข้างมากสองชั้น (Double Majority) ว่า พรรคประชาชนยืนยันมาตลอดว่าหนทางการแก้รัฐธรรมนูญต้องเดิน 2 ทางคู่ขนาน คือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยให้เร็วที่สุด และการแก้ไขรายมาตราในประเด็นที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน เราเห็นแล้วว่าทางวุฒิสภามีมติแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการรออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ… … ให้แตกต่างจากร่างที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ
ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร และอาจจะมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกันระหว่างสส. และ สว. เพื่อพิจารณาเพิ่มเติม หากยังเห็นต่างกันในความเป็นไปได้สภาผู้แทนราษฎรยังมีอำนาจในการยืนยันตามร่างเดิม ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเกิน 6 เดือนขึ้นไป ส่งผลให้การทำประชามติครั้งแรกไม่สามารถเกิดขึ้นทันภายในการเลือกตั้งท้องถิ่น ช่วงเดือนก.พ ปี68 ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ถูกจัดทำโดนสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)ทันใช้ภายในการเลือกตั้งปี 70
นายพริษฐ์ กล่าวว่า หนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับเรื่องสสร. ที่ทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยื่นไปตั้งแต่ต้นปี67 เพื่อลดจำนวนครั้งในการทำประชามติจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง ทางพรรคประชาชนยืนยันว่าการบรรจุร่างดังกล่าว สอดคล้องและไม่ได้ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 ตามที่เราเคยอภิปรายไว้ในรัฐสภา หากประธานสภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจเช่นนั้นก็จะทำให้ มีความเป็นไปได้ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญบังคับใช้ทันการเลือกตั้งปี 70
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทางพรรคได้ยื่น และเตรียมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งหมด 7 แพคเกจ เราเห็นว่าทางรัฐสภาควรเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว และพรรคการเมืองอื่นสามารถยื่นร่างแก้ไขของตนเองเข้ามาด้วย แน่นอนว่าที่ผ่านสังคมถกเถียงกันในเรื่องของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตราจริยธรรม แม้ทางพรรคประชาชนยืนยันว่าเรื่องของการผูกขาดอำนาจในการกำหนดมาตราฐานจริยธรรมไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระเป็นปัญหาที่ควรจะแก้ไข แต่เราก็พร้อมที่จะพักร่างไว้หากจำเป็น เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองอื่นใช้มาเป็นเงื่อนไขในการไม่เดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นอื่น
นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนความเป็นไปได้ที่ทางประธานสภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับเรื่องสสร. นั้น อยากให้มีการหารือกับทางรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง เข้าใจว่าทางนายวันมูหะมัดนอร์ มีความกังวลใจว่าจะขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเคยอภิปรายไว้ว่าหากไปดูคำวินิฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 รวมถึงคำวินิจฉัยรายบุคคลของตุลาการ 9 คนที่พิจารณาเรื่องนี้ จะเห็นว่าตุลาการส่วนใหญ่ก็แสดงความเห็นที่ตีความได้ว่าการทำประชามติเพียง 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว การทำประชามติที่เพิ่มมาอีก 1 ครั้งไม่ได้มีความจำเป็นทางกฎหมาย หากมีการหารือกันก็หวังว่าจะช่วยคลี่คลายข้อกังวลได้
เมื่อถามว่าหากไม่มีการบรรจุระเบียบวาระทางพรรคประชาชนจะมีแนวทางต่ออย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า จากการลงมติของวุฒิสภาก็คงหนีไปพ้นโร้ดแมพการทำประชามติ 3 ครั้ง ทางออกที่ดีที่สุดคือการพิจารณากันใหม่เรื่องของการทำประชามติ 2 ครั้ง
เมื่อถามว่าการลงมติของวุฒิสภาถือเป็นเกมดึงยื้อเวลา ให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าช้าออกไปหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถสรุปเจตนาของสว.ได้ชัดเจน แต่ข้อสังเกตหนึ่งคือ การหารือในชั้นกรรมาธิการวุฒิสภา เคยลงมติไปแล้วว่าจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของสส. ในการทำประชามติโดยใช้เกณฑ์เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือเสียงข้างมากหนึ่งชั้น แต่เข้าสู่สัปดาห์สุดท้าย ได้มีการขอให้ทบทวนมติดังกล่าวอีกครั้ง และกลับมาพลิกเสียงข้างมากสองชั้น ยังตั้งข้อตั้งเกตุว่าเหตุใดถึงกลับมาเปลี่ยนในสัปดาห์สุดท้าย