สวัสดีครับเพื่อนๆชาวกระทู้ทุกคน วันนี้ผมจะมารวบรวมข่าวสารที่ผมค้นหาจากงานวิจัยในปัจจุบันจากต่างประเทศ
จากการวิจัยครั้งแล้วครั้งเล่าแสดงให้เห็นว่า "ผู้ชายมีความต้องการทางเพศมากกว่าผู้หญิง" และอย่างที่เราทราบกันดีว่ามันก็เป็นเรื่องจริงในชีวิตจริง กระทู้นี้จะรวบรวมความหื่นตัณหาราคะของผู้ชายมาฝาก การวิจัยเกี่ยวกับความคิดเรื่องเซ็กส์ของผู้ชายส่วนใหญ่ทั่วไปกันครับ ขอให้มีความสุขในการอ่านครับ
"ยามศึกเรารบ ยามสงบเราเกย์" คำนี้ทำให้เรานึกถึงการรักร่วมเพศของผู้ชายในสมัยประวัติศาสตร์ที่เคยเล่าขานกันมาแต่โบร่ำโบราณ ไม่ว่าจะเป็น ยุคซามูไร สปาต้า กรีกโรมัน อิตาลี ประวัติศาสตร์การบันทึกการรักร่วมเพศของผู้ชายนั้นเป็นเรื่องปกติในสมัยก่อน(ทำไมไม่มีหญิงรักหญิง) ทำไมปัจจุบันการรักร่วมเพศในชายถึงกลายเป็นเรื่องที่วิปริต ไม่เป็นที่ยอมรับซะงั้น
ในสมัยก่อนผู้ชายมีผู้หญิงไว้ทำลูก แต่มีอะไรกับผู้ชายด้วยกันเพื่อความสุข เป็นเรื่องที่ยอมรับด้วยในยุคก่อน
จริงๆ ผู้ชายปัจจุบันมีวิวัฒนาการที่ฝืนธรรมชาติดั้งเดิมของพวกเขา เนื่องจากการกดดันทางสังคม
ในการวิจัยปี 2566 โดย nature.com เผยว่า การรักร่วมเพศในสัตว์นั้นพบในเพศผู้ถึง 199 สายพันธุ์ ในขณะที่เพศเมียพบ 163 สายพันธุ์ และการสังเกตเห็นการรักร่วมเพศในสัตว์นั้นพบในเพศผู้กับเพศผู้ด้วยกันบ่อยครั้ง หรือเรียกง่ายๆว่าทำให้เห็นบ่อยมากๆ ที่ได้รับการบันทึกไว้
Pew Research เผยว่า ชายรักร่วมเพศ(เกย์) มีจำนวนมากกว่าหญิงรักร่วมเพศ(เลสเบี้ยน) ประมาณสองต่อหนึ่งจากผู้ตอบแบบสำรวจด้วย
จากนี้เราจะมารวบรวมข้อมูลกันดีกว่าครับ
Havelock Ellis (ค.ศ. 1859 ถึง 1939) กล่าวว่า ในงานศึกษาเรื่อง "การศึกษาจิตวิทยาเรื่องเพศ" เขาเสนอว่า
ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเป็นไบเซ็กชวลมากกว่าผู้หญิง โดยอิงจากการสังเกตทางคลินิกของเขา (ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว)
ความหลากหลายทางเพศ (Alfred Kinsey, 1948)
Kinsey กล่าวว่า:
• ผู้ชายร้อยละ 37 และผู้หญิงร้อยละ 13 มีประสบการณ์รักร่วมเพศอย่างน้อยครั้งหนึ่งก่อนที่จะถึงจุดสุดยอด
• ผู้ชายร้อยละ 10 เป็นเกย์โดยเฉพาะ และผู้ชายร้อยละ 8 เป็นเกย์โดยเฉพาะเป็นเวลาอย่างน้อยสามปีระหว่างอายุ 16 ถึง 55 ปี สำหรับผู้หญิง Kinsey รายงานว่ามีประสบการณ์/ตอบสนองต่อการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะอยู่ที่ร้อยละ 2-6
• ผู้ชายร้อยละ 4 และผู้หญิงร้อยละ 1-3 เป็นรักร่วมเพศล้วนๆ หลังจากเริ่มวัยรุ่นจนถึงเวลาสัมภาษณ์
• Kinsey ได้คิดค้นระบบการจำแนกประเภทเพื่อวัดรสนิยมทางเพศ ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า Kinsey Scale
ความแตกแยกครั้งยิ่งใหญ่ (Mary Beth Oliver และ Janet Hyde, 1994)
จากการสำรวจการศึกษา 100 ชิ้นของพวกเธอทั้งสองเกี่ยวกับความแตกต่างทางเพศ: Mary Beth Oliver และ Janet Shelby Hyde รายงานใน 'Psychological Bulletin' เล่มที่ 114 ฉบับที่ 1
นักวิจัยผู้กล้าหาญสองคนได้นับจำนวนวิธีเหล่านี้ พบว่าผู้ชายและผู้หญิงมีพฤติกรรมและทัศนคติทางเพศที่แตกต่างกันถึง 21 ประการ
• ผู้ชายมีประสบการณ์ทางเพศมากกว่าผู้หญิง
• ผู้ชายจะเสียความบริสุทธิ์เร็วกว่าผู้หญิง
• ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์บ่อยกว่าและรายงานว่ามีคู่นอนมากกว่าในช่วงชีวิตของพวกเขา
• ผู้ชายมีทัศนคติที่ยืดหยุ่นมากกว่าเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ พวกเขายอมรับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานได้มากกว่า และมีแนวโน้มที่จะรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยกว่าผู้หญิง
• ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมรักร่วมเพศมากกว่า แม้ว่าผู้ชายและผู้หญิงจะมีทัศนคติต่อการรักร่วมเพศแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยก็ตาม
• ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองมากกว่าผู้หญิงเกือบสองเท่าในช่วงชีวิตของพวกเขา ซึ่งก็คือผู้ชายร้อยละ 92 เมื่อเทียบกับผู้หญิงร้อยละ 58 การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองซึ่งเป็นการแสดงออกถึงแรงขับทางเพศโดยทั่วไปอาจเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังทัศนคติที่ผ่อนปรนมากขึ้นของผู้ชายต่อการมีเพศสัมพันธ์
และนักวิจัยสองคนนี้ได้ตีพิมพ์เรื่องราวลงในหนังสือเรียนอีกด้วย
Michael Bailey, 2003
นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ได้ศึกษาพบว่า
ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันมากกว่าผู้หญิง และมีความหลากหลายทางเพศมากกว่า
ค้นคว้าราคะ "ผู้ชาย" EP.1
จากการวิจัยครั้งแล้วครั้งเล่าแสดงให้เห็นว่า "ผู้ชายมีความต้องการทางเพศมากกว่าผู้หญิง" และอย่างที่เราทราบกันดีว่ามันก็เป็นเรื่องจริงในชีวิตจริง กระทู้นี้จะรวบรวมความหื่นตัณหาราคะของผู้ชายมาฝาก การวิจัยเกี่ยวกับความคิดเรื่องเซ็กส์ของผู้ชายส่วนใหญ่ทั่วไปกันครับ ขอให้มีความสุขในการอ่านครับ
"ยามศึกเรารบ ยามสงบเราเกย์" คำนี้ทำให้เรานึกถึงการรักร่วมเพศของผู้ชายในสมัยประวัติศาสตร์ที่เคยเล่าขานกันมาแต่โบร่ำโบราณ ไม่ว่าจะเป็น ยุคซามูไร สปาต้า กรีกโรมัน อิตาลี ประวัติศาสตร์การบันทึกการรักร่วมเพศของผู้ชายนั้นเป็นเรื่องปกติในสมัยก่อน(ทำไมไม่มีหญิงรักหญิง) ทำไมปัจจุบันการรักร่วมเพศในชายถึงกลายเป็นเรื่องที่วิปริต ไม่เป็นที่ยอมรับซะงั้น
ในสมัยก่อนผู้ชายมีผู้หญิงไว้ทำลูก แต่มีอะไรกับผู้ชายด้วยกันเพื่อความสุข เป็นเรื่องที่ยอมรับด้วยในยุคก่อน
จริงๆ ผู้ชายปัจจุบันมีวิวัฒนาการที่ฝืนธรรมชาติดั้งเดิมของพวกเขา เนื่องจากการกดดันทางสังคม
ในการวิจัยปี 2566 โดย nature.com เผยว่า การรักร่วมเพศในสัตว์นั้นพบในเพศผู้ถึง 199 สายพันธุ์ ในขณะที่เพศเมียพบ 163 สายพันธุ์ และการสังเกตเห็นการรักร่วมเพศในสัตว์นั้นพบในเพศผู้กับเพศผู้ด้วยกันบ่อยครั้ง หรือเรียกง่ายๆว่าทำให้เห็นบ่อยมากๆ ที่ได้รับการบันทึกไว้
Pew Research เผยว่า ชายรักร่วมเพศ(เกย์) มีจำนวนมากกว่าหญิงรักร่วมเพศ(เลสเบี้ยน) ประมาณสองต่อหนึ่งจากผู้ตอบแบบสำรวจด้วย
จากนี้เราจะมารวบรวมข้อมูลกันดีกว่าครับ
Havelock Ellis (ค.ศ. 1859 ถึง 1939) กล่าวว่า ในงานศึกษาเรื่อง "การศึกษาจิตวิทยาเรื่องเพศ" เขาเสนอว่าผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเป็นไบเซ็กชวลมากกว่าผู้หญิง โดยอิงจากการสังเกตทางคลินิกของเขา (ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว)
ความหลากหลายทางเพศ (Alfred Kinsey, 1948)
Kinsey กล่าวว่า:
• ผู้ชายร้อยละ 37 และผู้หญิงร้อยละ 13 มีประสบการณ์รักร่วมเพศอย่างน้อยครั้งหนึ่งก่อนที่จะถึงจุดสุดยอด
• ผู้ชายร้อยละ 10 เป็นเกย์โดยเฉพาะ และผู้ชายร้อยละ 8 เป็นเกย์โดยเฉพาะเป็นเวลาอย่างน้อยสามปีระหว่างอายุ 16 ถึง 55 ปี สำหรับผู้หญิง Kinsey รายงานว่ามีประสบการณ์/ตอบสนองต่อการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะอยู่ที่ร้อยละ 2-6
• ผู้ชายร้อยละ 4 และผู้หญิงร้อยละ 1-3 เป็นรักร่วมเพศล้วนๆ หลังจากเริ่มวัยรุ่นจนถึงเวลาสัมภาษณ์
• Kinsey ได้คิดค้นระบบการจำแนกประเภทเพื่อวัดรสนิยมทางเพศ ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า Kinsey Scale
ความแตกแยกครั้งยิ่งใหญ่ (Mary Beth Oliver และ Janet Hyde, 1994)
จากการสำรวจการศึกษา 100 ชิ้นของพวกเธอทั้งสองเกี่ยวกับความแตกต่างทางเพศ: Mary Beth Oliver และ Janet Shelby Hyde รายงานใน 'Psychological Bulletin' เล่มที่ 114 ฉบับที่ 1
นักวิจัยผู้กล้าหาญสองคนได้นับจำนวนวิธีเหล่านี้ พบว่าผู้ชายและผู้หญิงมีพฤติกรรมและทัศนคติทางเพศที่แตกต่างกันถึง 21 ประการ
• ผู้ชายมีประสบการณ์ทางเพศมากกว่าผู้หญิง
• ผู้ชายจะเสียความบริสุทธิ์เร็วกว่าผู้หญิง
• ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์บ่อยกว่าและรายงานว่ามีคู่นอนมากกว่าในช่วงชีวิตของพวกเขา
• ผู้ชายมีทัศนคติที่ยืดหยุ่นมากกว่าเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ พวกเขายอมรับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานได้มากกว่า และมีแนวโน้มที่จะรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยกว่าผู้หญิง
• ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมรักร่วมเพศมากกว่า แม้ว่าผู้ชายและผู้หญิงจะมีทัศนคติต่อการรักร่วมเพศแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยก็ตาม
• ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองมากกว่าผู้หญิงเกือบสองเท่าในช่วงชีวิตของพวกเขา ซึ่งก็คือผู้ชายร้อยละ 92 เมื่อเทียบกับผู้หญิงร้อยละ 58 การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองซึ่งเป็นการแสดงออกถึงแรงขับทางเพศโดยทั่วไปอาจเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังทัศนคติที่ผ่อนปรนมากขึ้นของผู้ชายต่อการมีเพศสัมพันธ์
และนักวิจัยสองคนนี้ได้ตีพิมพ์เรื่องราวลงในหนังสือเรียนอีกด้วย
Michael Bailey, 2003
นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ได้ศึกษาพบว่า ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันมากกว่าผู้หญิง และมีความหลากหลายทางเพศมากกว่า