ที่ว่าผู้ใหญ๋ดูไว้ คือทั้งพ่อแม่เด็ก ลูกวัยนี้คือหัวเลี้ยวหัวต่อจริงๆ และทำอะไรแอบๆ ติดต่อกันง่าย นี่ก็คงโดนเภสัชคุยจนคิดว่าเขารักเขาหลงจริง
ส่วนผู้ใหญ่ คุณเภสัช ต่อให้รักเขาจริง แต่เขาอายุ 13 นะ เรียนมาแทบตาย อาชีพการงานน่าจะดี แต่ตอนนี้เป็นข่าวแล้ว รู้จักตำรวจใหญ่ก็อาจจะไม่ง่าย และถ้าติดคุกมา หมดเลยอนาคต ความ ควรจะไปใช้กับผู้ใหญ๋นะ จะมาลงกับผู้เยาว์ คิดดีๆ
------------------
ช็อก! ‘เภสัชกร’ ฉุดเด็กสาววัย 13 ไปข่มขืนในรถเก๋ง แจ้งความไม่คืบหน้าโวรู้จักนายตำรวจใหญ่
ได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/3910783/
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ พา ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี พร้อมด้วยพ่อและแม่ของผู้เสียหาย เดินทางเข้าแจ้งความ หลัง ด.ญ.เอ ถูกเภสัชกร วัย 40 ปี ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลชื่อดัง จ.เชียงใหม่ หลอกไปขืนใจในรถ 2 ครั้ง แจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบ ซ้ำถูกข่มขู่ อ้างรู้จักตำรวจผู้มีอิทธิพล
ครอบครัวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลานสาวของตนรู้จักกับเภสัชกร ผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ ซึ่งคุยกันมานานร่วมปี แต่ไม่เคยพบกัน กระทั่งวันที่ 4 พ.ค. ครอบครัวของตนได้พาหลานสาวไปเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน ทางหลานสาวได้มีการนัดเจอกับเภสัชกรคนดังกล่าว โดยได้ขับรถยนต์มารับหลานสาวของตนที่โรงแรม ก่อนจะขับพาออกไปประมาณ 200 เมตร ที่บริเวณถนนมณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ และปล่อยให้เดินกลับโรงแรมเอง และวันต่อมาก็ได้ทำการหลอกลวงหลานสาว โดยอ้างว่าขอเจอก่อนที่หลานสาวจะกลับอีกสักครั้ง และได้ขับรถยนต์มารับหลานสาวตน พาไปข่มขืนตรงจุดเดิม และปล่อยให้เดินกลับโรงแรมเองอีกครั้ง
หลังจากกลับมาบ้านที่ จ.สมุทรปราการ หลานสาวของตนก็พยายามจะติดต่อพูดคุยกับเภสัชกร แต่อีกฝั่งก็ปฏิเสธที่จะพูดคุย จึงมาเล่าความจริงให้คนในครอบครัวฟัง เมื่อทุกคนได้ฟังก็รู้สึกตกใจ และได้มีการตกลงกันว่าจะไปพูดคุยกับเภสัชกร ที่บ้านใน จ.เชียงใหม่ แต่พอไปพูดคุย กลับถูกบุคคลในบ้านข่มขู่ว่าจะฟ้องเอาผิดในข้อหาบุกรุก พร้อมกับอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ช้างเผือก เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ผ่านมานานกว่า 2 เดือน คดีความยังไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจสอบสวนกลาง ให้เร่งรัดดำเนินคดี
นอกจากนี้ สภาพจิตใจของหลานสาวตนตอนนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะเดิมทีหลานสาวของตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว ต้องกินยาทุกวัน และต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำให้หลานสาวของตนบ่นอยู่บ่อยครั้งว่า ไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว....
++ เด็ก 13 ไปหาเขา มีอะไรกันในรถ 2 ครั้ง 2 วันติด -- ผู้ใหญ่ดูไว้ ++
ส่วนผู้ใหญ่ คุณเภสัช ต่อให้รักเขาจริง แต่เขาอายุ 13 นะ เรียนมาแทบตาย อาชีพการงานน่าจะดี แต่ตอนนี้เป็นข่าวแล้ว รู้จักตำรวจใหญ่ก็อาจจะไม่ง่าย และถ้าติดคุกมา หมดเลยอนาคต ความ ควรจะไปใช้กับผู้ใหญ๋นะ จะมาลงกับผู้เยาว์ คิดดีๆ
------------------
ช็อก! ‘เภสัชกร’ ฉุดเด็กสาววัย 13 ไปข่มขืนในรถเก๋ง แจ้งความไม่คืบหน้าโวรู้จักนายตำรวจใหญ่
ได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/3910783/
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ พา ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี พร้อมด้วยพ่อและแม่ของผู้เสียหาย เดินทางเข้าแจ้งความ หลัง ด.ญ.เอ ถูกเภสัชกร วัย 40 ปี ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลชื่อดัง จ.เชียงใหม่ หลอกไปขืนใจในรถ 2 ครั้ง แจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบ ซ้ำถูกข่มขู่ อ้างรู้จักตำรวจผู้มีอิทธิพล
ครอบครัวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลานสาวของตนรู้จักกับเภสัชกร ผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ ซึ่งคุยกันมานานร่วมปี แต่ไม่เคยพบกัน กระทั่งวันที่ 4 พ.ค. ครอบครัวของตนได้พาหลานสาวไปเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน ทางหลานสาวได้มีการนัดเจอกับเภสัชกรคนดังกล่าว โดยได้ขับรถยนต์มารับหลานสาวของตนที่โรงแรม ก่อนจะขับพาออกไปประมาณ 200 เมตร ที่บริเวณถนนมณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ และปล่อยให้เดินกลับโรงแรมเอง และวันต่อมาก็ได้ทำการหลอกลวงหลานสาว โดยอ้างว่าขอเจอก่อนที่หลานสาวจะกลับอีกสักครั้ง และได้ขับรถยนต์มารับหลานสาวตน พาไปข่มขืนตรงจุดเดิม และปล่อยให้เดินกลับโรงแรมเองอีกครั้ง
หลังจากกลับมาบ้านที่ จ.สมุทรปราการ หลานสาวของตนก็พยายามจะติดต่อพูดคุยกับเภสัชกร แต่อีกฝั่งก็ปฏิเสธที่จะพูดคุย จึงมาเล่าความจริงให้คนในครอบครัวฟัง เมื่อทุกคนได้ฟังก็รู้สึกตกใจ และได้มีการตกลงกันว่าจะไปพูดคุยกับเภสัชกร ที่บ้านใน จ.เชียงใหม่ แต่พอไปพูดคุย กลับถูกบุคคลในบ้านข่มขู่ว่าจะฟ้องเอาผิดในข้อหาบุกรุก พร้อมกับอ้างว่ารู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ช้างเผือก เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ผ่านมานานกว่า 2 เดือน คดีความยังไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจสอบสวนกลาง ให้เร่งรัดดำเนินคดี
นอกจากนี้ สภาพจิตใจของหลานสาวตนตอนนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะเดิมทีหลานสาวของตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว ต้องกินยาทุกวัน และต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำให้หลานสาวของตนบ่นอยู่บ่อยครั้งว่า ไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว....