โมเดลและการพยากรณ์จากหลายสำนัก ดูเหมือนจะมีสัญญาณเปลี่ยนผ่านจากฤดูฝนสู่ฤดูหนาวเริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีความกดอากาศสูงลงมาจากจีนระลอกหนึ่ง แต่ค่อนข้างเบาบางยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าระลอกที่กำลังจะมาถึง
[1] เริ่มด้วยสภาพอากาศ ณ ปัจจุบัน จากแผนที่อากาศของกรมอุตุฯ ของวันที่ 28 ก.ย. ช่วงเวลา 07.00 น.

จากแผนที่อากาศ มีความกดอากาศสูงอ่อนๆในทะเลจีนใต้จากระลอกก่อนหน้า ทำให้เกิดลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นมาทำให้เกิดฝนตกในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านี้ (สังเกตแนวฝนที่ตกจะเคลื่อนจากตะวันออกไปตะวันตก) ก่อนที่จะกลับไปเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ตามเดิม และสังเกตแถวจีนตอนใต้ยังคงมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอยู่
และในมหาสมุทรแปซิฟิก ณ ปัจจุบัน มีพายุอยู่ 2 ลูกด้วยกัน คือ
1. พายุโซนร้อน "กระท้อน (Krathon)"
บริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่น และมีทิศทางวกขึ้นเหนือไปทางไต้หวัน
2. พายุโซนร้อน "เชบี (Jebi)"
บริเวณกลางมหาสมุทร มีทิศทางขึ้นเหนือ เส้นทางเฉียดเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น อาจจะพัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่นได้ ก่อนที่จะกลายเป็น Extratropical Cyclone

โดยทั้งพายุทั้ง 2 ลูก จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย เนื่องจากไม่ได้มีทิศทางเคลื่อนตัวลงทะเลจีนใต้
[2] มวลอากาศเย็นหรือความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีน ระลอกต้นเดือนตุลาคม 2567

ซึ่งเท่าที่สังเกตระลอกนี้จะมาแรงกว่าปกติในช่วงเวลาเดียวกัน (ระลอกช่วงปลายฝนของทุกปี) จะเคลื่อนลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือด้านตะวันออกในช่วงต้นเดือนหน้า โดยระลอกนี้น่าจะเริ่มส่งผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ทำให้ในระยะแรกอากาศจะแปรปรวน เกิดฝนฟ้าคะนองเนื่องจากการปะทะของอากาศ ก่อนที่อากาศจะเย็นลง 2-4°C ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือต้องระวังฝนตกซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วม
[3] พายุไต้ฝุ่นกระท้อนไม่ส่งผลโดยตรงต่อประเทศไทย แต่ส่งผลโดยอ้อม

ด้วยแรงลมที่หมุนเข้าสู่ศูนย์กลางของมันช่วยบล็อคลมอุ่นจากมหาสมุทร และพร้อมทั้งดึงมวลลมเย็นจากความกดอากาศสูงลงมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยได้มากขึ้น ทำให้ระลอกนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในเวลาช่วงเช้าจะเย็นกว่าค่าเฉลี่ยปกติก็คือจะรู้สึกเย็นกว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อเทียบกับปีอื่นๆ
[4] อุณหภูมิที่ต่างจากค่าปกติ (2m Temperature Anomaly) ในช่วงเวลา 07:00 น. ช่วง 7 วันข้างหน้า

บ่งบอกว่าทั้งเวียดนาม(ตอนเหนือ) ลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยจะเย็นกว่าค่าปกติในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนตุลา เนื่องจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงจากจีนระลอกแรกที่แผ่ลงมา
[5] ฝนสะสม 24 ชม. รายวัน (Accumulated 24H Precipitation) ในช่วงเวลา 07:00 น. ช่วง 7 วันข้างหน้า

แสดงให้เห็นถึงแนวฝนที่ถูกไล่พื้นที่ตามแนวลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะมวลอากาศเย็นเป็นอากาศที่แห้ง ซึ่งในระยะแรกจะเกิดอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าคะนอง หลังจากนั้นประเทศไทยตอนบนฝนจะลดลง และร่องมรสุมจะถูกดันไปทางภาคกลางตอนล่างและภาคใต้แทน
[6] พยากรณ์อากาศจาก weather.com ของจังหวัดนครพนม
เมืองหน้าด่านของลมหนาว ตั้งแต่เช้าวันที่ 3 ต.ค. เป็นต้นไป น่าจะเริ่มเย็นลงชัดเจนหลังจากหมดฝน (อากาศเย็นในตอนเช้า)
[7] ค่า ENSO หรือค่าที่บ่งบอกความเป็นเอลนีโญและลานีญา
เริ่มเข้าสู่สถานะลานีญาตั้งแต่ช่วงราวๆสิ้นเดือนสิงหาเป็นต้นมา โดยการคาดการณ์จากหลายสำนักส่วนใหญ่ ฤดูหนาวปีนี้จะเป็นลานีญากำลังอ่อน
ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศจะยังคงแปรปรวน ถ้าหากความกดอากาศสูงจากจีนยังแผ่ลงมาไม่ต่อเนื่อง (หลังจากระลอกต้นเดือนตุลา) ฝนก็อาจจะกลับมาได้ แต่นับจากระลอกนี้ถ้ายังคงแผ่ลงมาอีกเรื่อยๆ และหากเงื่อนไขครบตามเกณฑ์ คาดว่ากรมอุตุฯ น่าจะได้ประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ ซึ่งปีนี้ก็น่าจะประกาศเข้าฤดูหนาวเร็วกว่าปีที่แล้วแน่นอน ปีที่แล้วประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติมากจนเกือบทำสถิติ (14 พ.ย.)
ส่วนกรุงเทพฯ ฝนยังคงมีต่อไปอยู่ในช่วงสัปดาห์แรก อาจจะยังคงไม่ได้รู้สึกเย็นอะไรมากมายเหมือนกับทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมวลอากาศเย็นยังคงไม่ได้มีกำลังแรงพอเท่าช่วงเดือนธันวา เพียงแต่แนวลมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็คงต้องเฝ้าดูกันต่อไป
****************************************
เก็บตก เหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ
- น้ำท่วมที่แม่สาย และจังหวัดเชียงรายเกิดจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ลดระดับลงมาจากพายุยางิ ทำให้ฝนตกต่อเนื่องในเชียงราย รวมถึงพื้นที่ต้นน้ำอย่างฝั่งพม่า
- น้ำท่วมที่พื้นที่อื่นๆ ในภาคเหนือหลังจากนั้นจะเกิดจากแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านรวมถึงหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดฝนตกชุก
เรดาร์ฝนที่ตกจริงจาก windy.com ของวันที่ 9 กันยา ฝนตกทั้งวัน และยังตกต่อเนื่องไปอีกวัน สังเกตศูนย์กลางลมหมุนจะอยู่แถวชายแดนพม่ากับลาว ทางตอนเหนือของเชียงราย (ฝั่งพม่าเรดาร์ฝนไม่ครบไม่งั้นน่าจะได้เห็นภาพชัดเจนกว่านี้) และสังเกตแถวแม่สอดก็ท่วมด้วยเช่นกัน
พายุไต้ฝุ่นยางิจัดเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงที่สุดลูกหนึ่งที่พัดถล่มเวียดนาม จากบันทึกของ JTWC ไม่เคยมีพายุที่รุนแรงขณะขึ้นฝั่งเวียดนามที่ความเร็วลมระดับ 4 และไม่เคยมีพายุลูกไหนที่พัดขึ้นฝั่งเวียดนามที่ความกดอากาศต่ำกว่า 950 hPa ซึ่งพายุไต้ฝุ่นยางิมีความกดอากาศขณะขึ้นฝั่งที่ 935 hPa ส่วนพายุที่มีความกดอากาศต่ำสุดที่เคยพัดขึ้นฝั่งเวีดนามคือ พายุไต้ฝุ่นทกซูรี เมื่อปี 2560 กับความกดอากาศขณะขึ้นฝั่งที่ 955 hPa

ซึ่งน่าจะด้วยเหตุนี้ทำให้เมื่อมันขึ้นฝั่งไปแล้ว ลมหมุนมันยังคงมีกำลังแรงมากกว่าพายุอื่นๆ ที่เคยขึ้นฝั่ง ถึงแม้ว่าจะลดระดับเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำไปแล้วก็ตาม ยังคงสามารถดึงความชื้นจากทะเลรอบข้างหรือดึงลมมรสุมมาทำให้เกิดฝนตกแช่ในพื้นที่นั้นๆได้ และด้วยความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเส้นทางที่มันเคลื่อนที่ผ่าน ยางิคงน่าจะถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกในรอบนี้
** สรุปสั้นๆ สัปดาห์แรกของเดือนตุลา 67
-- ภาคอีสานมีฝนระยะแรกและเริ่มเย็นลงกว่าภาคอื่นโดยเฉพาะอีสานตอนบน
-- ภาคเหนือระวังฝนตกซ้ำจุดน้ำท่วม และจะเย็นลงนิดหน่อย
-- กรุงเทพฯ ยังคงมีฝนอยู่ อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย แต่ยังไม่เข้าเกณฑ์อากาศเย็น
สัญญาณการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทยปี 2567
[1] เริ่มด้วยสภาพอากาศ ณ ปัจจุบัน จากแผนที่อากาศของกรมอุตุฯ ของวันที่ 28 ก.ย. ช่วงเวลา 07.00 น.
จากแผนที่อากาศ มีความกดอากาศสูงอ่อนๆในทะเลจีนใต้จากระลอกก่อนหน้า ทำให้เกิดลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นมาทำให้เกิดฝนตกในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านี้ (สังเกตแนวฝนที่ตกจะเคลื่อนจากตะวันออกไปตะวันตก) ก่อนที่จะกลับไปเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ตามเดิม และสังเกตแถวจีนตอนใต้ยังคงมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอยู่
และในมหาสมุทรแปซิฟิก ณ ปัจจุบัน มีพายุอยู่ 2 ลูกด้วยกัน คือ
1. พายุโซนร้อน "กระท้อน (Krathon)"
บริเวณด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่น และมีทิศทางวกขึ้นเหนือไปทางไต้หวัน
2. พายุโซนร้อน "เชบี (Jebi)"
บริเวณกลางมหาสมุทร มีทิศทางขึ้นเหนือ เส้นทางเฉียดเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น อาจจะพัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่นได้ ก่อนที่จะกลายเป็น Extratropical Cyclone
โดยทั้งพายุทั้ง 2 ลูก จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย เนื่องจากไม่ได้มีทิศทางเคลื่อนตัวลงทะเลจีนใต้
[2] มวลอากาศเย็นหรือความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีน ระลอกต้นเดือนตุลาคม 2567
ซึ่งเท่าที่สังเกตระลอกนี้จะมาแรงกว่าปกติในช่วงเวลาเดียวกัน (ระลอกช่วงปลายฝนของทุกปี) จะเคลื่อนลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือด้านตะวันออกในช่วงต้นเดือนหน้า โดยระลอกนี้น่าจะเริ่มส่งผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ทำให้ในระยะแรกอากาศจะแปรปรวน เกิดฝนฟ้าคะนองเนื่องจากการปะทะของอากาศ ก่อนที่อากาศจะเย็นลง 2-4°C ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือต้องระวังฝนตกซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วม
[3] พายุไต้ฝุ่นกระท้อนไม่ส่งผลโดยตรงต่อประเทศไทย แต่ส่งผลโดยอ้อม
ด้วยแรงลมที่หมุนเข้าสู่ศูนย์กลางของมันช่วยบล็อคลมอุ่นจากมหาสมุทร และพร้อมทั้งดึงมวลลมเย็นจากความกดอากาศสูงลงมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยได้มากขึ้น ทำให้ระลอกนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในเวลาช่วงเช้าจะเย็นกว่าค่าเฉลี่ยปกติก็คือจะรู้สึกเย็นกว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อเทียบกับปีอื่นๆ
[4] อุณหภูมิที่ต่างจากค่าปกติ (2m Temperature Anomaly) ในช่วงเวลา 07:00 น. ช่วง 7 วันข้างหน้า
บ่งบอกว่าทั้งเวียดนาม(ตอนเหนือ) ลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยจะเย็นกว่าค่าปกติในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนตุลา เนื่องจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงจากจีนระลอกแรกที่แผ่ลงมา
[5] ฝนสะสม 24 ชม. รายวัน (Accumulated 24H Precipitation) ในช่วงเวลา 07:00 น. ช่วง 7 วันข้างหน้า
แสดงให้เห็นถึงแนวฝนที่ถูกไล่พื้นที่ตามแนวลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะมวลอากาศเย็นเป็นอากาศที่แห้ง ซึ่งในระยะแรกจะเกิดอากาศแปรปรวน ฝนฟ้าคะนอง หลังจากนั้นประเทศไทยตอนบนฝนจะลดลง และร่องมรสุมจะถูกดันไปทางภาคกลางตอนล่างและภาคใต้แทน
[6] พยากรณ์อากาศจาก weather.com ของจังหวัดนครพนม
เมืองหน้าด่านของลมหนาว ตั้งแต่เช้าวันที่ 3 ต.ค. เป็นต้นไป น่าจะเริ่มเย็นลงชัดเจนหลังจากหมดฝน (อากาศเย็นในตอนเช้า)
[7] ค่า ENSO หรือค่าที่บ่งบอกความเป็นเอลนีโญและลานีญา
เริ่มเข้าสู่สถานะลานีญาตั้งแต่ช่วงราวๆสิ้นเดือนสิงหาเป็นต้นมา โดยการคาดการณ์จากหลายสำนักส่วนใหญ่ ฤดูหนาวปีนี้จะเป็นลานีญากำลังอ่อน
ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศจะยังคงแปรปรวน ถ้าหากความกดอากาศสูงจากจีนยังแผ่ลงมาไม่ต่อเนื่อง (หลังจากระลอกต้นเดือนตุลา) ฝนก็อาจจะกลับมาได้ แต่นับจากระลอกนี้ถ้ายังคงแผ่ลงมาอีกเรื่อยๆ และหากเงื่อนไขครบตามเกณฑ์ คาดว่ากรมอุตุฯ น่าจะได้ประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ ซึ่งปีนี้ก็น่าจะประกาศเข้าฤดูหนาวเร็วกว่าปีที่แล้วแน่นอน ปีที่แล้วประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติมากจนเกือบทำสถิติ (14 พ.ย.)
ส่วนกรุงเทพฯ ฝนยังคงมีต่อไปอยู่ในช่วงสัปดาห์แรก อาจจะยังคงไม่ได้รู้สึกเย็นอะไรมากมายเหมือนกับทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมวลอากาศเย็นยังคงไม่ได้มีกำลังแรงพอเท่าช่วงเดือนธันวา เพียงแต่แนวลมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็คงต้องเฝ้าดูกันต่อไป
****************************************
เก็บตก เหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ
- น้ำท่วมที่แม่สาย และจังหวัดเชียงรายเกิดจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ลดระดับลงมาจากพายุยางิ ทำให้ฝนตกต่อเนื่องในเชียงราย รวมถึงพื้นที่ต้นน้ำอย่างฝั่งพม่า
- น้ำท่วมที่พื้นที่อื่นๆ ในภาคเหนือหลังจากนั้นจะเกิดจากแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านรวมถึงหย่อมความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดฝนตกชุก
เรดาร์ฝนที่ตกจริงจาก windy.com ของวันที่ 9 กันยา ฝนตกทั้งวัน และยังตกต่อเนื่องไปอีกวัน สังเกตศูนย์กลางลมหมุนจะอยู่แถวชายแดนพม่ากับลาว ทางตอนเหนือของเชียงราย (ฝั่งพม่าเรดาร์ฝนไม่ครบไม่งั้นน่าจะได้เห็นภาพชัดเจนกว่านี้) และสังเกตแถวแม่สอดก็ท่วมด้วยเช่นกัน
พายุไต้ฝุ่นยางิจัดเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงที่สุดลูกหนึ่งที่พัดถล่มเวียดนาม จากบันทึกของ JTWC ไม่เคยมีพายุที่รุนแรงขณะขึ้นฝั่งเวียดนามที่ความเร็วลมระดับ 4 และไม่เคยมีพายุลูกไหนที่พัดขึ้นฝั่งเวียดนามที่ความกดอากาศต่ำกว่า 950 hPa ซึ่งพายุไต้ฝุ่นยางิมีความกดอากาศขณะขึ้นฝั่งที่ 935 hPa ส่วนพายุที่มีความกดอากาศต่ำสุดที่เคยพัดขึ้นฝั่งเวีดนามคือ พายุไต้ฝุ่นทกซูรี เมื่อปี 2560 กับความกดอากาศขณะขึ้นฝั่งที่ 955 hPa
ซึ่งน่าจะด้วยเหตุนี้ทำให้เมื่อมันขึ้นฝั่งไปแล้ว ลมหมุนมันยังคงมีกำลังแรงมากกว่าพายุอื่นๆ ที่เคยขึ้นฝั่ง ถึงแม้ว่าจะลดระดับเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำไปแล้วก็ตาม ยังคงสามารถดึงความชื้นจากทะเลรอบข้างหรือดึงลมมรสุมมาทำให้เกิดฝนตกแช่ในพื้นที่นั้นๆได้ และด้วยความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเส้นทางที่มันเคลื่อนที่ผ่าน ยางิคงน่าจะถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกในรอบนี้
** สรุปสั้นๆ สัปดาห์แรกของเดือนตุลา 67
-- ภาคอีสานมีฝนระยะแรกและเริ่มเย็นลงกว่าภาคอื่นโดยเฉพาะอีสานตอนบน
-- ภาคเหนือระวังฝนตกซ้ำจุดน้ำท่วม และจะเย็นลงนิดหน่อย
-- กรุงเทพฯ ยังคงมีฝนอยู่ อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย แต่ยังไม่เข้าเกณฑ์อากาศเย็น