JJNY : ‘พวงทอง’ถาม│ธนาธรชี้ ‘ในนามฯ’ทำประชาชนรู้ทันกองทัพ│เที่ยวไทยซึมหนัก แถมบาทแข็ง│ทรัมป์พบเซเลนสกีแลกเปลี่ยนความเห็น

‘พวงทอง’ ถาม กองทัพกลัวอะไร? โต้ไร้อ้างอิงเอกสารราชการ ท้าเปิดบรรณานุกรมยาวเหยียด 28 หน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4815706
 
 
‘พวงทอง’ ถาม กองทัพกลัวอะไร? เปิดใจ ไม่คาดคิด หนังสือวิชาการทำป่วน! โต้ไร้อ้างอิงเอกสารราชการ ท้าเปิดบรรณานุกรมยาวเหยียด 28 หน้า
 
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ห้องประชุมมาลัย หุวะนันท์ ชั้น13 อาคารเกษม อุทยานิน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “ความมั่นคงภายใน: อำนาจของทหาร ภารกิจของประชาชน“ เนื่องในโอกาสตีพิมพ์หนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมของกองทัพในสังคมไทย” ซึ่งเขียนโดย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ
 
บรรยากาศเวลา 15.30 น. ร่วมเสวนาโดย ผศ.ดร.กรพินธุ์ พัวพันสวัสดิ์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และ รศ.ดร.วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS), Japan ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 
จากน้น เวลา 17.15 น. รศ.ดร.พวงทอง ผู้เขียนหนังสือ ‘ในนามของความมั่นคงภายในฯ’ ร่วมแสดงความคิดเห็น
 
รศ.ดร.พวงทองกล่าวว่า ความรู้สึกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่อนข้างเซอร์เรียลพอสมควร ไม่คาดคิดว่าหนังสือของตนจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ปั่นป่วนมากขนาดนี้ เพราะเอาเข้าจริงแล้วการวิจารณ์กองทัพ และ กอ.รมน.เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในสภาฯ ที่มีการเสนอให้ยุบหรือยกเลิก แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยเจอ กอ.รมน.พูดสิ่งที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวมากขนาดนี้ จากที่เมื่อก่อนนี้ งานวิชาการ กองทัพไม่ได้สนใจเท่าใดนัก
 
มีแนวโน้มที่ดิฉันจะถูกรายงานและฟ้องมากขึ้น เมื่อวานนี้ในที่ประชุม กมธ.การพัฒนาการเมือง ซึ่งในรายงานของเจ้าหน้าที่ทหาร มีแนวโน้มที่จะถูกฟ้องมากขึ้น เพราะมีการเชิญตัวแทนของ กอ.รมน.ประมาณ 10 คน เข้ามาเสนอความเห็น ซึ่งดิฉันก็ชี้แจ้งไป มีประโยคหนึ่งที่โฆษก กอ.รมน.บอกว่า เขาไม่คิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นภัยคุกคาม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีหน่วยงานอื่นๆ มาฟ้องหรือไม่ เมื่อฟังแล้ว รู้สึกว่าโอกาสที่จะถูกฟ้องมีมากขึ้น และเร็วขึ้น” รศ.ดร.พวงทองเผย
 
รศ.ดร.พวงทองกล่าวต่อว่า การพัฒนาการเมืองกับเศรษฐกิจ แยกกันไม่ได้ ตนสนใจการเมืองตั้งแต่ยังเด็ก แต่ถามว่ามีช่วงเวลาไหนหรือไม่ ที่เรารู้สึกว่าอยู่ในสังคมไทยโดยปราศจากความกลัวจริงๆ มีคนเตือนเวลาพูดถึงกองทัพหลายครั้ง เราไม่ควรเจอการคุกคามจากการเขียนหนังสือ แต่สิ่งที่เจอในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องตั้งคำถามใหม่ ว่าเราไม่เคยอยู่โดยปราศจากความกลัว อย่างแท้จริงใช่หรือไม่
 
“เหตุผลสำคัญที่เชิญ คุณธนาธร มาวิจารณ์หนังสือเล่มนี้ เพราะดิฉันอยากรู้ความเห็นของคนที่ผลักดันให้ปฏิรูปกองทัพ ว่าอ่านแล้วจะเห็นอะไรไหม ดิฉันคิดว่า คุณธนาธรเห็นหลายอย่างที่ร้อยรัดกัน ทั้งงบประมาณและเศรษฐกิจกองทัพ ที่การของบฯ ยากมาก เราไม่เข้าใจว่าทำไมหลายเรื่อง กองทัพอ้างได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องความมั่นคงภายใน เช่น การตั้งโรงงานเภสัชกรรมทหารขึ้นมา ส่วนใหญ่เป็นยาสมุนไพร ประเภท ยาขมิ้นชันแก้ท้องอืด ผงโรยรองเท้ากันกลิ่นเหม็น ทำแชมพู ทำลิปบาล์ม ตอนหลังของบฯ เพิ่ม ทั้งที่เรามีองค์การเภสัชกรรมอยู่แล้ว และจะไปแข่งกับบริษัทเอกชนทำไมหลายเรื่อง ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะอีอีซี เรื่องยา โรงแรม ที่ดิน สนามกอล์ฟ สามารถอธิบายได้ด้วยความมั่นคงภายใน” รศ.ดร.พวงทองชี้
 
รศ.ดร.พวงทองกล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณคุณธนาธร ที่อ่านและเสนอความเห็นมา มีตัวอย่างมากมายที่คุณธนาธรไปเจอมา ก็อาจจะทำเป็นบทย่อยมาใส่ในหนังสือ หากมีการปรับปรุงเพิ่มขึ้น สำหรับอาจารย์ท่านสุดท้าย รศ.ดร.วีระยุทธ ได้ให้ตัวเลขอาสาสมัครที่เพิ่มขึ้น รวมทั้ง อสม. เงินชดเชยที่ให้ อาสารักษาดินแดน, อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ซึ่งเขาเรียนรู้จาก กอ.รมน. หน่วยงานเหล่านี้เวลาลงไปสร้างอาสาสมัคร มักจะอ้างว่าไม่เป็นภาระที่ต้องจ่ายถาวร ใช้งบฯ น้อยกว่าข้าราชการ แต่มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก และคอร์รัปชั่นได้ง่ายเพราะตรวจสอบได้ยากว่าทำงานจริงหรือไม่
ประเด็นที่อยากอธิบาย ขอชี้แจงในที่นี้ ประเด็นหลักๆที่ กอ.รมน.พูดเมื่อวาน รวมถึงก่อนหน้านี้ ประเด็นใหญ่คือ ตนไม่ได้ใช้เอกสารทางราชการ ซึ่งส่วนตัวเคยโพสต์ไปแล้วว่า มีการอ้างอิงเอกสารทางราชการเยอะมาก หากไปเปิดบรรณานุกรมมีถึง 28 หน้า เป็นเอกสารจากกองทัพจำนวนมาก รวมถึง เอกสารหน่วยงานราชการ และข่าว ทั้งหมดนี้เกิน 100 ชิ้น เกินครึ่งของเอกสารที่ใช้ ตนใช้ข่าวของคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังมายืนยันว่าลำเอียง ไม่ใช้เอกสารของทางราชการ
 
เอาอย่างนี้หรือไม่ ถ้าอยากให้ใช้เอกสารราชการ ก็เปิดให้ดูทั้งหมด ถ้าไม่เป็นความลับ ท่านก็อัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ให้หมด” รศ.ดร.พวงทองกล่าว และว่า ตนไม่มีการบิดเบือนหรือไปลอกมาแน่นอน ซึ่งแบบนั้นจึงจะถือว่าผิดจริยธรรม แต่ไม่ทราบว่าใช้เกณฑ์อะไรตัดสิน นักวิชาการย่อมมีสิทธิ์ตีความแตกต่างจากเอกสารราชการ
 
รศ.ดร.พวงทองกล่าว เรื่อง กอ.รมน.เป็นเรื่องของกองทัพมากกว่าเป็นหน่วยงานพลเรือน ถ้าไปดูเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานต่างๆ  ล้วนเป็นทหารทั้งสิ้น ตนเชื่อว่า แม้แต่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เอง ก็คงจะไม่รู้ว่าทุกวันนี้ กอ.รมน.ทำอะไร ซึ่งการที่จะห้ามขายหนังสือของตน เป็นการตกลงร่วมกันของ กอ.รมน. คนเซ็นคือ ผบ.ทบ. ตนจึงเชื่อว่า นางสาวแพทองธาร ไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ แต่มาวันนี้ไม่รับรู้ไม่ได้แล้ว
 
ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อำนวยการ กอ.รมน. นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุดใน กอ.รมน.จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ดำเนินไปโดยไม่รับรู้ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้ ดิฉันยินดีที่จะรับฟังการอธิบาย โต้แย้งอย่างเป็นเหตุเป็นผลทางวิชาการ กองทัพพูดในฐานะหน่วยงาน ไม่ใช่ในฐานะส่วนตัว ขณะเดียวกันไม่ได้พูดครั้งเดียว แต่ไปออกรายการ ซึ่งทำให้ดิฉันกังวลแน่นอน ต่อให้ท่านไม่ฟ้องเอง แต่การพูดแบบนี้จะไปปลุกปั่นให้มวลชนที่นิยมทหาร ไปฟ้องแทนเองหรือไม่ ซึ่งเป็นลักษณะที่เกิดขึ้น เหมือนล่าสุด กรณีที่มีการไปฟ้องคุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติ ด้วย ม.116 ที่มีการไปฟ้องถึงภาคใต้ สร้างความลำยากอย่างมาก หรือแม้แต่เพื่อนนักวิชาการที่ทำเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เจอการฟ้องร้องแบบนี้ ภาวะแบบนั้นทำให้เกิดความหวาดกลัว

เมื่อวานนี้ มีประเด็นหนึ่งที่ดิฉันพูดกับทางฝ่ายทหารว่า คุณกลัวอะไรกับหนังสือ ที่พิมพ์ได้อย่างมากก็ 2,000 เล่ม กล่าวคือหนังสือของนักวิชาการ ขายได้หมด 2,000 เล่มเราก็ดีใจมากแล้ว ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ ตีให้แบบเฟ้อๆ เลย คือขาย 2,000 เล่มหมด มีคนอ่าน 10 คน/เล่ม หรือ 20,000 คนทั้งประเทศ เทียบไม่ได้เลยกับมวลชนที่ผ่านการอบรมของ กอ.รมน. เทียบไม่ได้เลยกับกลไกสื่อของกองทัพที่มีอยู่
 
คุณกลัวอะไรกับหนังสือวิชาการ ที่คนอ่านเพียงนิดเดียว ถึงแม้ท่านบอกว่า หนังสือของดินฉันไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวดิฉันและหนังสือเล่มนี้ แต่กระทบเสรีภาพทางวิชาการ ใครที่จะทำวิจัยเรื่องกองทัพ คงต้องถามตัวเองว่าจะเสี่ยงดีไหม ในพื้นที่หวงห้าม ความกลัวคืบคลานเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย สังคมที่เสรีภาพทางวิชาการ ถูกคุกคามอย่างชัดเจน มันเป็นเรื่องที่เศร้า  ที่ขายหนังสือดี ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ อยากขายได้แบบปกติ” รศ.ดร.พวงทองกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหนังสือ ‘ในนามของความมั่นคงภายในฯ‘ ซึ่งนำมาวางจำหน่ายภายในงานโดยสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน นั้น ถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยงทุกเล่ม ซึ่งจะมีการจำหน่ายและจัดส่งผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเติม



ธนาธร ชี้ ‘ในนามของความมั่นคงฯ’ ทำประชาชนรู้ทันกองทัพ ยกโควตพวงทอง คำต่อคำ อัด กอ.รมน.ทำงานซ้ำซ้อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4815586

ธนาธร ชี้ ‘ในนามของความมั่นคงฯ’ ทำประชาชนรู้ทันกองทัพ ยกโควตพวงทอง คำต่อคำ อัด กอ.รมน.ทำงานซ้ำซ้อน
 
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ห้องประชุมมาลัย หุวะนันทน์ ชั้น 13 อาคารเกษม อุทยานิน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “ความมั่นคงภายใน: อำนาจของทหาร ภารกิจของประชาชน“ เนื่องในโอกาสตีพิมพ์หนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมของกองทัพในสังคมไทย” ซึ่งเขียนโดย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ

บรรยากาศเวลา 15.30 น. ร่วมเสวนาโดย ผศ.ดร.กรพินธุ์ พัวพันสวัสดิ์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และ รศ.ดร.วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS), Japan ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในตอนหนึ่ง นายธนาธรกล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากถ้าไม่ใช่กลุ่มที่อยู่ในเมือง แต่เป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด พวกเขาต้องอาศัยสวัสดิการจากภาครัฐ ประชาชนจำนวนมากจึงอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวที่จะเข้าไม่ถึงสิทธิต่างๆ ขณะที่เราสามารถจะเลือกใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้ แต่ประชาชนต่างจังหวัดไม่ได้รับสิ่งนั้น ทำให้เกิดความกลัว ไม่ว่าจะเป็นกลัวถูกคุกคาม กลัวไม่ได้เข้าถึงสิทธิของตนเอง เช่น ในต่างจังหวัด ผู้ที่ต้องการกู้เงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ต้องอนุมัติโดยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งกลไกแบบนี้ก่อให้เกิดความกลัว

ผมเคยมีประสบการณ์ในขณะที่ปฏิบัติงานกับคณะก้าวหน้า กำลังทำเรื่องพัฒนาท้องถิ่นน้ำประปาดื่มได้ โดยมีการเปิดแถลงข่าว วันต่อมานายกเทศมนตรีที่นั่นได้รับจดหมายจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และนายอำเภอ เรื่องการตรวจสอบโรงผลิตน้ำประปาจนมีหนังสือมาถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอตรวจสอบระบบน้ำประปา ซึ่งผมก็สงสัยว่าทำไม กอ.รมน.จึงเข้ามามีส่วนกับเรื่องนี้ได้” นายธนาธรกล่าว
 
นายธนาธรกล่าวว่า ตราบใดที่เรายังไม่สามารถสร้างสังคมไทยให้เป็นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น ประชาชนยังมีความกลัวในการแสดงออกถึงสิทธิและความคิดเห็นของตนเอง ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าต่อไปได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่