ที่มา :
NME
แปลไทย :
Team Jungkook TH
1.สำหรับจองกุกแล้ว ความภาคภูมิใจเกิดจากสิ่งภายนอก มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าศิลปินจะยืนกรานว่าเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นมาเป็นเพลงเพื่อตัวของพวกเขาเองและหากผู้ฟังเกิดชอบมันขึ้นมา นั่นถือเป็นโบนัส ประโยคจำเจแบบนี้เราได้ฟังกันมาบ่อยมันกลายเป็นสิ่งซ้ำซาก ไม่น่าตื่นเต้นอะไรอีกแล้วในโลกของดนตรี โชคดีที่จองกุกคิดในทางตรงกันข้าม
“ผมไม่ควรจะเป็นแค่คนเดียวที่ชอบงานของตัวเอง มันไม่ควรจะหยุดแค่นั้น คนอื่นๆควรต้องชอบมันด้วยเหมือนกัน มันควรเป็นแบบนั้นผมถึงจะรู้สึกภาคภูมิใจครับ”
2. จองกุกได้กำลังใจการจากส่องรีแอคชั่นบนโซเชี่ยลมีเดีย จากสารคดี I Am Still หลังจบการแสดงบนเวทีต่างๆเราจะเห็นจองกุกไถฟีดโซเชี่ยลมีเดีย อ่านคอมเม้นท์ของแฟนๆและดูคลิปการแสดงตัวเอง
“ผมจะมาดูว่าผมทำได้ดีรึเปล่าจากรีแอคชั่นครับ” หลังจบการแสดงที่ Times Square จองกุกนอนไถฟีดบนเตียง เสริชชื่อตัวเองที่เขียนด้วย Hangul บนเสริชบาร์
“ผมหวังว่าผมจะได้มาแสดงแบบวันนี้อีกจัง”
เขายิ้มพร้อมกับวางมือถือลงและหลับตา
3. การทำอัลบั้ม GOLDEN ทำให้จองกุกเห็นว่าเขารักในการเป็นส่วนหนึ่งของทีม
การทำอัลบั้มเดี่ยวแรกของเขาทำให้เขาได้ประสบการณ์ใหม่ๆรวมถึงการโปรโมทด้วยตัวเองคนเดียวด้วย เขาเล่าในระหว่างการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ
'Standing Next To You' ในบูดาเปสต์
"ผมตระหนักถึงหลายๆ อย่างตอนผมโปรโมทคนเดียวครับ เช่น 'ตอนอยู่เป็นทีมผมรับบทบาทนี้นี่ หรือ ผมคิดถึงการอยู่ในทีมมาก การเป็นส่วนหนึ่งในทีมมันสนุกสุดๆเลย' ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากกาใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียวครับ"
4.เขายอมรับว่าความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญในการเติบโต ความล้มเหลวดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่จองกุกได้เจอมาในสายอาชีพของเขา แต่เขายอมรับมันได้และใช้มันเป็นบทเรียน
“ถ้าผมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พัฒนาตัวเองและได้พบกับความล้มเหลวบ้างเป็นครั้งคราว มันจะทำให้ผมเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้นครับ”
5. โปรดิวเซอร์ Pdogg มองว่าจองกุกคืออัจฉริยะ แต่จองกุกกลับไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก Pdogg โปรดิวเซอร์ที่ร่วมงานกับ BTS มายาวนานกล่าวชมจองกุก
“ผมคิดว่าเขาคืออัจฉริยะ เป็นโดยกำเนิด” “เขามีความสามารถในการจับมู้ดของเพลงได้เร็วกว่าใครๆ” “เขาเก่งมากในการทำให้เพลงๆนั้นกลายเป็นเพลงของเขาเอง” “จองกุกคือ epitome of pop (มีความเป็นป๊อบสูงสุด/ คือนิยามของป๊อบ)” แต่จองกุกยังคงถ่อมตนมาตลอดและค้านว่า
“ผมไม่คิดว่าผมเป็นอัจฉริยะครับ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนอัจฉริยะเลยครับ” “ผมแค่ซ่อนจุดด้อยของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”
[บทความ NME ] 5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากสารคดี JUNGKOOK: 'I Am Still'
แปลไทย : Team Jungkook TH
1.สำหรับจองกุกแล้ว ความภาคภูมิใจเกิดจากสิ่งภายนอก มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าศิลปินจะยืนกรานว่าเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นมาเป็นเพลงเพื่อตัวของพวกเขาเองและหากผู้ฟังเกิดชอบมันขึ้นมา นั่นถือเป็นโบนัส ประโยคจำเจแบบนี้เราได้ฟังกันมาบ่อยมันกลายเป็นสิ่งซ้ำซาก ไม่น่าตื่นเต้นอะไรอีกแล้วในโลกของดนตรี โชคดีที่จองกุกคิดในทางตรงกันข้าม “ผมไม่ควรจะเป็นแค่คนเดียวที่ชอบงานของตัวเอง มันไม่ควรจะหยุดแค่นั้น คนอื่นๆควรต้องชอบมันด้วยเหมือนกัน มันควรเป็นแบบนั้นผมถึงจะรู้สึกภาคภูมิใจครับ”
2. จองกุกได้กำลังใจการจากส่องรีแอคชั่นบนโซเชี่ยลมีเดีย จากสารคดี I Am Still หลังจบการแสดงบนเวทีต่างๆเราจะเห็นจองกุกไถฟีดโซเชี่ยลมีเดีย อ่านคอมเม้นท์ของแฟนๆและดูคลิปการแสดงตัวเอง “ผมจะมาดูว่าผมทำได้ดีรึเปล่าจากรีแอคชั่นครับ” หลังจบการแสดงที่ Times Square จองกุกนอนไถฟีดบนเตียง เสริชชื่อตัวเองที่เขียนด้วย Hangul บนเสริชบาร์ “ผมหวังว่าผมจะได้มาแสดงแบบวันนี้อีกจัง”
เขายิ้มพร้อมกับวางมือถือลงและหลับตา
3. การทำอัลบั้ม GOLDEN ทำให้จองกุกเห็นว่าเขารักในการเป็นส่วนหนึ่งของทีม
การทำอัลบั้มเดี่ยวแรกของเขาทำให้เขาได้ประสบการณ์ใหม่ๆรวมถึงการโปรโมทด้วยตัวเองคนเดียวด้วย เขาเล่าในระหว่างการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ 'Standing Next To You' ในบูดาเปสต์ "ผมตระหนักถึงหลายๆ อย่างตอนผมโปรโมทคนเดียวครับ เช่น 'ตอนอยู่เป็นทีมผมรับบทบาทนี้นี่ หรือ ผมคิดถึงการอยู่ในทีมมาก การเป็นส่วนหนึ่งในทีมมันสนุกสุดๆเลย' ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากกาใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียวครับ"
4.เขายอมรับว่าความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญในการเติบโต ความล้มเหลวดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่จองกุกได้เจอมาในสายอาชีพของเขา แต่เขายอมรับมันได้และใช้มันเป็นบทเรียน “ถ้าผมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ พัฒนาตัวเองและได้พบกับความล้มเหลวบ้างเป็นครั้งคราว มันจะทำให้ผมเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้นครับ”
5. โปรดิวเซอร์ Pdogg มองว่าจองกุกคืออัจฉริยะ แต่จองกุกกลับไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก Pdogg โปรดิวเซอร์ที่ร่วมงานกับ BTS มายาวนานกล่าวชมจองกุก “ผมคิดว่าเขาคืออัจฉริยะ เป็นโดยกำเนิด” “เขามีความสามารถในการจับมู้ดของเพลงได้เร็วกว่าใครๆ” “เขาเก่งมากในการทำให้เพลงๆนั้นกลายเป็นเพลงของเขาเอง” “จองกุกคือ epitome of pop (มีความเป็นป๊อบสูงสุด/ คือนิยามของป๊อบ)” แต่จองกุกยังคงถ่อมตนมาตลอดและค้านว่า “ผมไม่คิดว่าผมเป็นอัจฉริยะครับ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนอัจฉริยะเลยครับ” “ผมแค่ซ่อนจุดด้อยของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”