เราควรพอกับความสัมพันธ์นี้มั้ย

ดีค่ะ เรามีเรื่องอยากขอคำปรึกษามากเราอยู่ชั้น ม.3 ค่ะทุกวันนี้เวลาไปโรงเรียนก็ชอบโดนเพื่อนเอาเปรียบเรื่องทำงานตลอดเราเวลามีงานกลุ่มก็ต้องทำคนเดียวเพราะเพื่อนไม่ยอมทำ เราจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ
1.งานรับน้องในรุ่นเรายังทำคนเดียวเลยค่ะมันเหนื่อยมากๆ คือเราเรียนห้องเรียนพิเศษวิทย์คณิตนั้นแปลว่าเรียนหนัก งานหนักอยู่แล้วแถมยังโดนโยนงานมาทำคนเดียวอีกแล้วคือในงานนี้อ่ะเราเป็นหัวหน้าฝ่ายพร๊อบซึ่งมีอีก4คนค่ะแบ่งเป็นเพื่อนเรา2คนและเพื่อนอีกห้องอีก2คน เรื่องคือเพื่อนเราเขาต้องการให้อีกห้องหนึ่งเสนอธีมงานรับน้องค่ะ อีกห้องเขาก็เสนอมาเป็นแนวคล้ายๆเวทมนต์ซึ่งเราก็บอกว่านั้นเป็นความคิดที่ดีนะ เพื่อนเราก็บอกว่าห้องนั้นเบียวและก็ไปบอกเพื่อนในห้องว่าเราเบียวเหมือนพวกนั้นเลย คือพูดง่ายๆว่าเพื่อนเราจะเอาธีมที่ตัวเองคิดเลยจะปัดตกน่ะค่ะ แต่เราก็บอกว่าให้เพื่อโหวตกันจะดีกว่าพูดเลยว่าทะเลาะกันเพราะเพื่อนเราดูไม่โอเคแต่เราถามเพื่อนคนอื่นในห้องแล้วผลสรุปเลยสามารถโหวตได้ค่ะ ระหว่างที่เปิดโหวตเพื่อนเราก็เดินไปบอกให้คนทั้งห้องโหวตของตัวเองใครที่โหวตของอีกห้องจะด่า ซึ่งทุกคนก็ต้องยอมทำให้ธีมที่ออกมาเป็นธีมที่พวกมันอยากทำแต่...ทุกคนเชื่อมั้ยคะว่าเพื่อนเราเอาแต่สั่ง และคนที่ทำก็คือเรา อย่างป้ายชื่อทั้งหมดจำนวนเกือบ250ใบ เราก็ต้องเป็นคนตัด ร้อย เขียน และวาดรูปทุกใบค่ะ งานตกแต่งห้องก็เช่นเดียวกัน และกิจกกรรมอีก แต่สิ่งที่เราไม่โอเคสุด ๆ คือการที่เพื่อนเราคนนึง ไปลากหัวหน้าและรองห้องมาคุยในกลุ่ม เราจะไม่ว่าไรหรอกค่ะถ้าคุยเรื่องงานแต่เรื่องที่เขาคุยกันคือนินทาคนในห้อง แต่งานนี้ก็ผ่านไปด้วยดีแหละค่ะแต่ก็แอบน้อยใจอย่างนึงนะคะ เพราะคนที่ทุกคนต่างขอบคุณและชื่นชมเนี่ยคือเพื่อนเราที่คิดแค่ธีมงานและเราไม่ได้อยู่แม้แต่ในรูปถ่ายสักใบเลยค่ะ
2.งานที่2คืองานของห้องค่ะ เราลองไม่ยื่นมือเข้าไปทำงานนี้จนถึง2สัปดาห์ก่อนสอบ บอกเลยค่ะว่าไม่มีใครที่คิดจะทำ และงานนี้เราเลยต้องทำแทนเชื่อมั้ยคะว่างานนี้เป็นงานที่ทำให้เราร้องไห้หนักมากไม่ใช่เพราะมันเละหรืออะไรนะคะ แต่ตอนที่เราไปปริ้นเล่มรายงานเนี่ยเราไม่รู้ว่าครูเขาจะสอบเก็บคะแนน ทุกคนเชื่อมั้ย เพื่อน 28 คน ไม่มีใครที่คิดจะโทรตามเลยรวมถึงเพื่อนสนิทเรา เราให้เพื่อนสนิทเราแทนเป็น a นะคะเพราะคนนี้เป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยและท้อมากจริงๆ ในงานนี้เราไม่ได้เหนื่อยมากหรอกค่ะแต่เราเสียใจมากจริง ๆที่ไม่มีใครคิดจะโทรหา

3.อันนี้เป็นปัญหาของเรากับเพื่อน a นะคะ เพื่อนเราคนนี้ทางบ้านเขามีปัญหาครอบครัวและมันเคยเป็นโรคซึมเศร้ามาค่ะ เวลาที่มันมาที่โรงเรียนมันชอบเดินมาบอกว่ามันอยากตาย มันไร้ค่า มันไม่มีประโยชน์ พูดแต่แง่ลบสุดๆทุกวันนี้คำพูดมันยังเวียนอยู่ในหัว ฟังแบบนี้ดูน่าสงสารใช่รึป่าวคะแต่เชื่อมั้ยคะว่ามันดองงานกลุ่มที่เรามอบหมายแค่ให้มันวาดรูป มันทิ้งงานและออกไปหลังโรงเรียนกับคนที่มันชอบ งานกลุ่มล่าสุดคือโมเดลเราให้มันเอากลับไปตกแต่ง 3 วันเต็ม สรุปมันได้แค่ห่อกระดาษที่เราทำไม่ถึง5นาทีก็เสร็จ มันไม่ยอมทำเลยจริงและโบ้ยความผิดอีกเมื่อไม่กี่วันมันบอกว่าเราเป็นเชื้อโรคที่คอยแพร่เชื้อให้คนในห้องเป็นภัยของห้องเพราะเราป่วย ทุกคนเชื่อมั้ยคะว่าเราไม่เคยพูดหรือทำกับมันแบบนั้น ตอนสมัยม.1มันป่วยต้องไปนอนที่ห้องพยาบาลแทบทั้งวัน ทุกวัน เราเป็นคนวิ่งหอกระเป๋ามันจากชั้น3 วิ่งไปหน้าห้องปกครอง วิ่งตามหาครูประจำชั้นให้มาช่วยดูอาการมัน เราไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้เลยค่ะเราเหนื่อย เราท้อสุดๆ ตอนที่มันมีแฟนมันก็ชอบไปบอกคนอื่นว่าเราจะแย่งแฟนมันทั้งๆที่มันเองก็รู้ว่าเรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว เชื่อมั้ยคะว่ามันมีสิ่งนึงที่แปลกมากคือมันชอบเข้าหาคนที่เราแอบชอบสุดๆ คือเรื่องมันซับซ้อนมากจริงๆค่ะเพราะเราอดทนมา3ปี คือ คนที่มันชอบตอนนี้ให้เป็นbนะคะ b เคยจีบและลวนลามเราค่ะ แต่ทุกวันนี้เราก็คุยแค่เรื่องเรียนกับb ค่ะจนวันหนึ่ง a พูดขึ้นมาว่า"ถ้าพวกจะคุยแล้วข้ามหัวกู ก็ไปคุยด้วยกันที่อื่น" จากนั้นมันก็เดินไปหาคนที่เราแอบชอบ เราไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรืออะไรนะคะ แต่มันทำเหมือนกับว่าหึงb ทุกวันนี้เวลาที่เราไปโรงเรียนแค่เราเห็นหน้าa เรารู้สึกอยากอาเจียนมากค่ะ แค่เราเห็นเราก็รู้สึกปวดหัว เหนื่อย เสียพลังงาน
ทุกคนคิดว่าเราควรเลิกคบaเป็นเพื่อนรึป่าวคะ คือเรากลัวมันเป็นซึมเศร้าแต่เราก็เหนื่อยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
มัธยมสามเท่านั้น สิ่งที่เล่ามาคือชีวิตคนเราค่ะ

เรื่องเพื่อนในส่วนที่เกี่ยวกับงานสองข้อข้างต้น คิดว่า จขกท ยังประสบการณ์น้อย ทำให้ไม่สามารถระดมคนมาช่วย อาจระดมผ่านหัวหน้าห้อง และคนอื่น ๆ ทั้งนี้ ก็อาจต้องถามตนเองด้วยว่าในใจส่วนหนึ่งนั้น มีความหวงงาน หรืออาจไม่วางใจให้คนอื่นทำอยู่ด้วหรือเปล่า การ delegate งานเป็นทักษะที่คนทุกคนควรทำให้เป็น

ที่สุดแล้ว หากเป็นคนทำมากกว่าใคร ๆ ไม่ควรคิดในแง่ว่าถูกเอาเปรียบ และจะว่าไปว่าด้วยเรื่องใครกันที่ทำมาก และใครกันที่ทำน้อย ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนคิดเห็นเหมือนกัน ธรรมชาติของคนเรา เรามักคิดว่าเราทำมากกว่าคนอื่น เราเหนื่อยกว่าคนอื่น เป็นต้น

เรื่องที่สองน่าเห็นใจจริง ๆ ปกติแล้ว เพื่อนจะไม่ทำกับเพื่อนเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ a แต่ทุกคน มันเกิดแล้ว และหมดเวลารู้สึกแย่แล้วด้วยนะคะ ค่อย ๆ เรียนรู้จุดที่ตนยืนในห้องเรียนได้อย่างดี ที่แน่ ๆ อาจไม่ใช่เป็นแม่งานใด ๆ อีก การเป็นลูกน้องบ้าง ก็เป็นการฝึกทักษะอย่างหนึ่ง การเรียนรู้ทั้งเป้นคนนำหรือหน้าและกำลังคนหรือลูกน้อง ทั้งสองอย่างได้ จะทำให้เมื่อเป็นผู้ใหญ่ จขกท จะรู้ว่าเมื่อเป็นคนนำและเมื่อเป็นผู้ตามควรทำตัวอย่างไร โดยมีเป้าหมายคืองานประสบผลสำเร็จ

เรื่อง a และ b อะไรหรือใครที่รบกวนความสงบสุขของจิตใจของเรา มันก็เป็นการเลือกของเราเองนะคะ ว่าแค่ไหนพอ หากขนาดจะอาเจียน ก็รักษาระยะห่างไว้สักหน่อย ไม่ใช่ด้วยการแสดงออกหรือใช้อารมณ์ร้าย แต่ปลีกตัวออกอย่างเรียบ ๆ และสุภาพ การใกล้ชิดกับคนป่วย ทำได้ไม่ง่าย ไม่ไหวไม่ฝืนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่