“เท้ง ณัฐพงษ์” ถามมาตรการเยียวยาหลังน้ำลด ทวงสัญญา Cell Broadcast เตือนภัยพิบัติพร้อมใช้เมื่อใด
https://ch3plus.com/news/political/morning/417477
19 ก.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
นาย
ณัฐพงษ์ เริ่มต้นด้วยการชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่ออกคำสั่งแต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เพราะการช่วยเหลือประชาชนยังขาดศูนย์ประสานงาน และคาดหวังว่า ศปช. จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นาย
ณัฐพงษ์ กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐบาล ที่ในเดือนกันยายนจะยกเว้นค่าน้ำค่าไฟให้ทั้งเดือน และเดือนตุลาคมจะลดให้ 30% แต่รับฟังจากประชาชนทราบมาว่า อยากให้งดเว้นขั้นต่ำ 3 เดือนหรือ 6 เดือนขึ้นไป และรัฐบาลมีมาตรการส่งงบประมาณชดเชยไปให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วหรือไม่ ขณะที่ค่าซ่อมแซมบ้าน ยังมองว่ามาตรการมีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องรอถึง 90 วัน คิดว่าล่าช้าเกินไป เสนอแนะว่าหากพบว่าบ้านหลังนั้นอยู่ในพื้นที่อุทกภัย จ่ายขั้นต่ำก่อน 10,000 บาท และสำรวจความเสียหายภายหลังเพื่อจ่ายตามจริง
นาย
ณัฐพงษ์ ยังสอบถามว่า มีความเป็นไปได้เพียงไรที่รัฐบาลจะเจรจากับธนาคารทุกภาคส่วน ให้ช่วยพักหนี้ทั้งต้น และดอกเพื่อเยียวยาประชาชน ตลอดจนเกษตรกรก็ประสบความเสียหายเกินกว่าเงินชดเชย รวมถึงการฟื้นฟูสภาพถนน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณหรืออุดหนุนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในส่วนนี้แล้วหรือไม่
นาย
ณัฐพงษ์ ยังเสนอเพิ่มเติมถึงมาตรการระยะสั้น จากนโยบายท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล ต่อยอดเป็น “ท่องเที่ยวเมืองน้ำลด” ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังถามความเป็นไปได้ในการเพิ่มงบประมาณให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินกู้ 0% เพื่อฟื้นฟูกิจการหลังน้ำลด
นอกจากนี้ มาตรการในการรับมือและลดความเสี่ยงในอนาคต โดยเฉพาะพายุซูลิก ที่กำลังจะเข้าสู่ประเทศไทยเร็วๆ นี้ จึงสอบถามว่ารัฐบาลมีมาตรการติดตั้งและรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ในการวัดน้ำฝนหรือไม่ สำหรับน้ำท่า กรมชลประทานมีระบบโทรมาตรอยู่แล้ว แต่ยังขาดการบูรณาการ และน้ำเทศ หรือน้ำจากประเทศข้างเคียง รัฐบาลมีแนวเจรจาในพหุภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำร่วมกันหรือไม่
นาย
ณัฐพงษ์ ยังเน้นย้ำถึงแนวทางการเปิดเผยข้อมูล Geocoding หรือใส่ข้อมูลทะเบียนบ้านเพื่อให้รับทราบตำแหน่ง ซึ่งจะมีประโยชน์ทั้งในการเบิกเงินเยียวยาอย่างรวดเร็ว สามารถน้ำข้อมูลทะเบียนบ้านจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นข้อมูลเปิดหรือ Open Data ได้ทันที และสามารถต่อยอดเป็น Cell Broadcast
ซึ่งจะขอสอบถามรัฐบาลว่าจะพร้อมใช้เมื่อใด
จากนั้น นางสาว
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีตอบกระทู้แทน โดยยืนยันว่า คิดไม่ต่างจากนายณัฐพงษ์คือรัฐบาลควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน ในเรื่องค่าน้ำค่าไฟ มีข้อสรุปจากการประเมินหน้างาน สามารถปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์จริงได้ จึงขอให้ประชาชนสบายใจ และทางการประปาส่วนภูมิภาคได้มีการผลิตน้ำประปาให้ประชาชนอุปโภคบริโภคโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นางสาว
ธีรรัตน์ ยังกล่าวถึงแอปฯ ทางรัฐ ซึ่งขณะนี้กำลังพยายามรวบรวมฐานข้อมูลของประชาชนเอาไว้ ไม่ใช่เพียงเพื่อรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำไปใช้ในเหตุฉุกเฉินเช่นในขณะนี้ และแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว
สำหรับการพักชำระหนี้เกษตรกร นางสาว
ธีรรัตน์ เผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีมาตรการสนับสนุนงบประมาณและปัจจัยในการผลิตพันธุ์พืชไร่สวนให้ประชาชน รวมถึงอีกหลายมาตรการของหลายกระทรวง ในด้านข้อมูลเองก็มีสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ที่มีข้อมูลพร้อม แต่ประชาชนยังขาดการเข้าถึง ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งทำงาน และไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ ต้องพัฒนาระบบที่ยังติดขัดให้ดีขึ้น
ขณะที่ประเด็นของ Cell Broadcast นั้น ทราบมาว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมมือกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีการวางระบบไว้แล้ว ส่วนระยะเวลาที่ชัดเจนนั้น นางสาวธีรรัตน์ระบุว่า การจัดซื้อจัดจ้าง และการวางระบบทุกอย่าง ไม่ช้าไปกว่ากลางปีหน้าแล้ว
“
ในใจของดิฉันก็ว่าช้า แต่ในส่วนของผู้ปฏิบัติการเราก็ต้องเข้าใจเขาในเรื่องของระบบระเบียบ และการปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอน แต่หากว่าเร็วกว่านี้ได้ ดิฉันก็จะให้เร็วกว่านี้แน่นอน ก่อนกลางปีหน้า ปี 2568 นี้ เราจะได้ใช้ Cell Broadcast กัน” นางสาว
ธีรรัตน์ยืนยัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หากมีพายุที่เกิดขึ้นตามหลังสถานการณ์น้ำท่วม สามารถใช้ระบบ SMS เตือนภัยประชาชนได้ทันที ทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน และทางโอเปอร์เรเตอร์ก็มีความพร้อมสนับสนุน และขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลว่า ทั้งผู้ที่มีโทรศัพท์มือถือและไม่มี จะต้องได้รับระบบเตือนภัยอย่างทั่วถึงเช่นกัน
‘กมธ.ทหาร’ โวยกองทัพเรือสอบปม‘เรือหลวงสุโขทัย’ไม่โปร่งใส
https://www.dailynews.co.th/news/3881373/
‘กมธ.ทหาร’ โวยกองทัพเรือสอบปม ‘เรือหลวงสุโขทัย’ ไม่โปร่งใส ขอเอกสาร 13 อย่าง ส่งกลับมาแค่อันเดียว อัด ‘ผู้ใหญ่ทัพเรือ’ ไม่รับผิดชอบ ลอยนวลรอวันเกษียณ จี้ ‘บิ๊กอ้วน-บิ๊กเล็ก’ สางปัญหา.
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่รัฐสภา นาย
ชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร แถลงความคืบหน้าการติดตามกรณีเรือหลวงสุโขทัยล่มว่า ภายหลังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว กองทัพเรือได้ย้ำมาตลอดว่า ต้องมีการกู้เรือเพื่อรวมหลักฐาน ก่อนจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดแก่ประชาชน ซึ่งในขณะนั้น กองทัพเรือได้มีการประมูลบริษัทที่จะมากู้เรือ วงเงิน 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังถูกเปิดหลักฐานว่าการประมูลการกู้เรือนั้นทำไม่ถูกต้อง กองทัพเรือก็ได้เปลี่ยนท่าที ล้มเลิกการประมูล และยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยกู้เรือ แต่กลายเป็นว่า ไม่มีการกู้เรือเลยในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่บอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ
นาย
ชยพล กล่าวต่อว่า กมธ.ทหารชุดปัจจุบัน ได้ติดตามและขอหลักฐานมาโดยตลอด ซึ่งขอไป 13 อย่าง แต่ได้มาแค่เพียง 1 อย่างเท่านั้น คือข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างการซื้อเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งไม่ได้มีสาระสำคัญ อีกทั้งไม่ได้รับการตอบกลับอะไรจากกองทัพเรือเลย ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราสูญเสียเรือรบมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ชีวิตกำลังพล 20 นาย สูญหาย 5 นาย แต่ผู้ใหญ่ในกองทัพเรือที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ ก็ยังไม่ยอมรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง มีเพียงแต่คำสัญญาที่ไม่เคยเป็นจริง ตนจึงขอแสดงความกังวลในเรื่องนี้ และขอถามว่าจะมีการสะดุ้ง ยืดอกรับผิดชอบอะไรหรือไม่ หรือเป็นความพยายามของกองทัพเรือที่จะยืดเวลารอให้ตัวเองลอยลำ พ้นการรับผิดชอบ จึงหวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ จะให้กองทัพเรือเปิดเผยหลักฐานที่สำคัญมากกว่านี้
ด้านนาย
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า เรื่องนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย ทั้งการให้เรือรบ ออกไปทำหน้าที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพเรือ รวมถึงการสั่งให้เรือรบที่กำลังจะล่มกลับสัตหีบ ทั้งที่ต้องเดินทางอีกครึ่งวัน รวมถึงกระบวนการสอบสวนที่ยังไม่โปร่งใส ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดมาก ว่าการสูญเสียทั้งหมดนี้ถูกปิดคดีทั้งที่ไม่มีใครรับผิดชอบ ทั้งความผิดทางวินัยและอาญา ดังนั้น จึงขอฝากไปยังนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม รวมถึง พล.อ.
ณัฐพล นาคพาณิช รมช.กลาโหม ทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส ถอดบทเรียน เพื่อปรับปรุงกองทัพเรือให้ดีขึ้น.
จับตาแม่น้ำโขง 20-23 ก.ย. ระดับน้ำเพิ่มอีก 61 ซ.ม. อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง เตรียมแผนรับมืออุทกภัย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9420058
จับตาแม่น้ำโขง 20-23 ก.ย. ระดับน้ำเพิ่มอีก 61 ซ.ม. อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง เตรียมแผนรับมืออุทกภัย ให้ติดตามเฝ้าระวังอย่างระดับน้ำอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.67 ที่บ้านโนนแก้ง ม.5 ต.ตบหู อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี นาย
สุเมธ สายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ลงพื้นที่ติดตามการใช้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว บ้านโนนแก้ง พร้อมติดตามระดับน้ำแม่โขง เตรียมแผนรับมืออุทกภัย
นาย
สุเมธ กล่าวว่า ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่มีการนำน้ำจากระบบกระจายน้ำใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรแปลงใหญ่ข้าว และพืชผัก อาทิ ถั่วฝักยาว ถั่วลิสง พริก มะเขือ และพืชอื่นๆ อีกทั้งมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ ร่วมกันบริหารจัดการบำรุงรักษา ทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ ในการดูแลรักษาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง มีการแบ่งน้ำใช้อย่างทั่วถึงเป็นธรรม ส่งผลให้เกษตรกรบ้านโนนแก้ง และพื้นที่ใกล้เคียงมีน้ำเพียงพอในการทำนาข้าว ปลูกพืชผักสวนครัว สร้างงาน สร้างรายได้ตลอดทั้งปี
โดยโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2567 มีความจุเก็บกักน้ำ 315,813 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เป็นประโยชน์กับประชาชน 400 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 4,000 ไร่
จากนั้นนายสุเมธ ลงพื้นที่สถานีตรวจวัดระดับน้ำโขงเจียม ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี โดยคณะกรรมการลุ่มน้ำโขงแห่งชาติ (MRC) ร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำ คาดการณ์ล่วงหน้าระดับน้ำโขงระหว่างวันที่ 20 – 23 ก.ย.67 ปริมาณน้ำแม่น้ำโขง จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 61 ซม. อยู่ที่ระดับ 13.41 ม. ต่ำกว่าตลิ่ง 1.09 ม. (อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง)
ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้การคาดการณ์ระดับน้ำและปริมาณน้ำอาจเกิดความคลาดเคลื่อนจากสาเหตุหลายประการ อาทิ เกิดจากร่องความกดอากาศต่ำ มีพายุดีเปรสชั่น และอื่นๆ เกิดขึ้นเหนือหรือท้ายสถานี อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์น้ำแต่ละพื้นที่ แต่ละเวลา
นาย
สุเมธ กำชับเจ้าหน้าที่ให้เตรียมความพร้อมเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ เรือ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุการณ์อุทกภัย-ดินถล่ม ให้สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที และให้ติดตามเฝ้าระวังอย่างระดับน้ำอย่างใกล้ชิด แจ้งข้อมูลระดับน้ำให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปวิเคราะห์ในการเตือนภัยล่วงหน้าแก่ประชาชนต่อไป
JJNY : “เท้ง”ทวงสัญญา Cell Broadcast│‘กมธ.ทหาร’โวยทัพเรือ│จับตาแม่น้ำโขง 20-23 ก.ย.│‘เซเลนสกี’ เผยแผนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
https://ch3plus.com/news/political/morning/417477
นายณัฐพงษ์ เริ่มต้นด้วยการชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่ออกคำสั่งแต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เพราะการช่วยเหลือประชาชนยังขาดศูนย์ประสานงาน และคาดหวังว่า ศปช. จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐบาล ที่ในเดือนกันยายนจะยกเว้นค่าน้ำค่าไฟให้ทั้งเดือน และเดือนตุลาคมจะลดให้ 30% แต่รับฟังจากประชาชนทราบมาว่า อยากให้งดเว้นขั้นต่ำ 3 เดือนหรือ 6 เดือนขึ้นไป และรัฐบาลมีมาตรการส่งงบประมาณชดเชยไปให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วหรือไม่ ขณะที่ค่าซ่อมแซมบ้าน ยังมองว่ามาตรการมีความยุ่งยากซับซ้อน ต้องรอถึง 90 วัน คิดว่าล่าช้าเกินไป เสนอแนะว่าหากพบว่าบ้านหลังนั้นอยู่ในพื้นที่อุทกภัย จ่ายขั้นต่ำก่อน 10,000 บาท และสำรวจความเสียหายภายหลังเพื่อจ่ายตามจริง
นายณัฐพงษ์ ยังสอบถามว่า มีความเป็นไปได้เพียงไรที่รัฐบาลจะเจรจากับธนาคารทุกภาคส่วน ให้ช่วยพักหนี้ทั้งต้น และดอกเพื่อเยียวยาประชาชน ตลอดจนเกษตรกรก็ประสบความเสียหายเกินกว่าเงินชดเชย รวมถึงการฟื้นฟูสภาพถนน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณหรืออุดหนุนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในส่วนนี้แล้วหรือไม่
นายณัฐพงษ์ ยังเสนอเพิ่มเติมถึงมาตรการระยะสั้น จากนโยบายท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล ต่อยอดเป็น “ท่องเที่ยวเมืองน้ำลด” ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังถามความเป็นไปได้ในการเพิ่มงบประมาณให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินกู้ 0% เพื่อฟื้นฟูกิจการหลังน้ำลด
นอกจากนี้ มาตรการในการรับมือและลดความเสี่ยงในอนาคต โดยเฉพาะพายุซูลิก ที่กำลังจะเข้าสู่ประเทศไทยเร็วๆ นี้ จึงสอบถามว่ารัฐบาลมีมาตรการติดตั้งและรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ในการวัดน้ำฝนหรือไม่ สำหรับน้ำท่า กรมชลประทานมีระบบโทรมาตรอยู่แล้ว แต่ยังขาดการบูรณาการ และน้ำเทศ หรือน้ำจากประเทศข้างเคียง รัฐบาลมีแนวเจรจาในพหุภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลน้ำร่วมกันหรือไม่
นายณัฐพงษ์ ยังเน้นย้ำถึงแนวทางการเปิดเผยข้อมูล Geocoding หรือใส่ข้อมูลทะเบียนบ้านเพื่อให้รับทราบตำแหน่ง ซึ่งจะมีประโยชน์ทั้งในการเบิกเงินเยียวยาอย่างรวดเร็ว สามารถน้ำข้อมูลทะเบียนบ้านจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นข้อมูลเปิดหรือ Open Data ได้ทันที และสามารถต่อยอดเป็น Cell Broadcast
ซึ่งจะขอสอบถามรัฐบาลว่าจะพร้อมใช้เมื่อใด
จากนั้น นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีตอบกระทู้แทน โดยยืนยันว่า คิดไม่ต่างจากนายณัฐพงษ์คือรัฐบาลควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน ในเรื่องค่าน้ำค่าไฟ มีข้อสรุปจากการประเมินหน้างาน สามารถปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์จริงได้ จึงขอให้ประชาชนสบายใจ และทางการประปาส่วนภูมิภาคได้มีการผลิตน้ำประปาให้ประชาชนอุปโภคบริโภคโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นางสาวธีรรัตน์ ยังกล่าวถึงแอปฯ ทางรัฐ ซึ่งขณะนี้กำลังพยายามรวบรวมฐานข้อมูลของประชาชนเอาไว้ ไม่ใช่เพียงเพื่อรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำไปใช้ในเหตุฉุกเฉินเช่นในขณะนี้ และแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว
สำหรับการพักชำระหนี้เกษตรกร นางสาวธีรรัตน์ เผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีมาตรการสนับสนุนงบประมาณและปัจจัยในการผลิตพันธุ์พืชไร่สวนให้ประชาชน รวมถึงอีกหลายมาตรการของหลายกระทรวง ในด้านข้อมูลเองก็มีสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ที่มีข้อมูลพร้อม แต่ประชาชนยังขาดการเข้าถึง ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งทำงาน และไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ ต้องพัฒนาระบบที่ยังติดขัดให้ดีขึ้น
ขณะที่ประเด็นของ Cell Broadcast นั้น ทราบมาว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมมือกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีการวางระบบไว้แล้ว ส่วนระยะเวลาที่ชัดเจนนั้น นางสาวธีรรัตน์ระบุว่า การจัดซื้อจัดจ้าง และการวางระบบทุกอย่าง ไม่ช้าไปกว่ากลางปีหน้าแล้ว
“ในใจของดิฉันก็ว่าช้า แต่ในส่วนของผู้ปฏิบัติการเราก็ต้องเข้าใจเขาในเรื่องของระบบระเบียบ และการปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอน แต่หากว่าเร็วกว่านี้ได้ ดิฉันก็จะให้เร็วกว่านี้แน่นอน ก่อนกลางปีหน้า ปี 2568 นี้ เราจะได้ใช้ Cell Broadcast กัน” นางสาวธีรรัตน์ยืนยัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หากมีพายุที่เกิดขึ้นตามหลังสถานการณ์น้ำท่วม สามารถใช้ระบบ SMS เตือนภัยประชาชนได้ทันที ทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน และทางโอเปอร์เรเตอร์ก็มีความพร้อมสนับสนุน และขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลว่า ทั้งผู้ที่มีโทรศัพท์มือถือและไม่มี จะต้องได้รับระบบเตือนภัยอย่างทั่วถึงเช่นกัน
‘กมธ.ทหาร’ โวยกองทัพเรือสอบปม‘เรือหลวงสุโขทัย’ไม่โปร่งใส
https://www.dailynews.co.th/news/3881373/
‘กมธ.ทหาร’ โวยกองทัพเรือสอบปม ‘เรือหลวงสุโขทัย’ ไม่โปร่งใส ขอเอกสาร 13 อย่าง ส่งกลับมาแค่อันเดียว อัด ‘ผู้ใหญ่ทัพเรือ’ ไม่รับผิดชอบ ลอยนวลรอวันเกษียณ จี้ ‘บิ๊กอ้วน-บิ๊กเล็ก’ สางปัญหา.
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่รัฐสภา นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร แถลงความคืบหน้าการติดตามกรณีเรือหลวงสุโขทัยล่มว่า ภายหลังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว กองทัพเรือได้ย้ำมาตลอดว่า ต้องมีการกู้เรือเพื่อรวมหลักฐาน ก่อนจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดแก่ประชาชน ซึ่งในขณะนั้น กองทัพเรือได้มีการประมูลบริษัทที่จะมากู้เรือ วงเงิน 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังถูกเปิดหลักฐานว่าการประมูลการกู้เรือนั้นทำไม่ถูกต้อง กองทัพเรือก็ได้เปลี่ยนท่าที ล้มเลิกการประมูล และยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยกู้เรือ แต่กลายเป็นว่า ไม่มีการกู้เรือเลยในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่บอกว่าเป็นเรื่องสำคัญ
นายชยพล กล่าวต่อว่า กมธ.ทหารชุดปัจจุบัน ได้ติดตามและขอหลักฐานมาโดยตลอด ซึ่งขอไป 13 อย่าง แต่ได้มาแค่เพียง 1 อย่างเท่านั้น คือข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างการซื้อเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งไม่ได้มีสาระสำคัญ อีกทั้งไม่ได้รับการตอบกลับอะไรจากกองทัพเรือเลย ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราสูญเสียเรือรบมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ชีวิตกำลังพล 20 นาย สูญหาย 5 นาย แต่ผู้ใหญ่ในกองทัพเรือที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ ก็ยังไม่ยอมรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง มีเพียงแต่คำสัญญาที่ไม่เคยเป็นจริง ตนจึงขอแสดงความกังวลในเรื่องนี้ และขอถามว่าจะมีการสะดุ้ง ยืดอกรับผิดชอบอะไรหรือไม่ หรือเป็นความพยายามของกองทัพเรือที่จะยืดเวลารอให้ตัวเองลอยลำ พ้นการรับผิดชอบ จึงหวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ จะให้กองทัพเรือเปิดเผยหลักฐานที่สำคัญมากกว่านี้
ด้านนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า เรื่องนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย ทั้งการให้เรือรบ ออกไปทำหน้าที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพเรือ รวมถึงการสั่งให้เรือรบที่กำลังจะล่มกลับสัตหีบ ทั้งที่ต้องเดินทางอีกครึ่งวัน รวมถึงกระบวนการสอบสวนที่ยังไม่โปร่งใส ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดมาก ว่าการสูญเสียทั้งหมดนี้ถูกปิดคดีทั้งที่ไม่มีใครรับผิดชอบ ทั้งความผิดทางวินัยและอาญา ดังนั้น จึงขอฝากไปยังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม รวมถึง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิช รมช.กลาโหม ทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส ถอดบทเรียน เพื่อปรับปรุงกองทัพเรือให้ดีขึ้น.
จับตาแม่น้ำโขง 20-23 ก.ย. ระดับน้ำเพิ่มอีก 61 ซ.ม. อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง เตรียมแผนรับมืออุทกภัย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9420058
จับตาแม่น้ำโขง 20-23 ก.ย. ระดับน้ำเพิ่มอีก 61 ซ.ม. อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง เตรียมแผนรับมืออุทกภัย ให้ติดตามเฝ้าระวังอย่างระดับน้ำอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.67 ที่บ้านโนนแก้ง ม.5 ต.ตบหู อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี นายสุเมธ สายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ลงพื้นที่ติดตามการใช้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว บ้านโนนแก้ง พร้อมติดตามระดับน้ำแม่โขง เตรียมแผนรับมืออุทกภัย
นายสุเมธ กล่าวว่า ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่มีการนำน้ำจากระบบกระจายน้ำใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรแปลงใหญ่ข้าว และพืชผัก อาทิ ถั่วฝักยาว ถั่วลิสง พริก มะเขือ และพืชอื่นๆ อีกทั้งมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ ร่วมกันบริหารจัดการบำรุงรักษา ทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ ในการดูแลรักษาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง มีการแบ่งน้ำใช้อย่างทั่วถึงเป็นธรรม ส่งผลให้เกษตรกรบ้านโนนแก้ง และพื้นที่ใกล้เคียงมีน้ำเพียงพอในการทำนาข้าว ปลูกพืชผักสวนครัว สร้างงาน สร้างรายได้ตลอดทั้งปี
โดยโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำสนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2567 มีความจุเก็บกักน้ำ 315,813 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เป็นประโยชน์กับประชาชน 400 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 4,000 ไร่
จากนั้นนายสุเมธ ลงพื้นที่สถานีตรวจวัดระดับน้ำโขงเจียม ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี โดยคณะกรรมการลุ่มน้ำโขงแห่งชาติ (MRC) ร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำ คาดการณ์ล่วงหน้าระดับน้ำโขงระหว่างวันที่ 20 – 23 ก.ย.67 ปริมาณน้ำแม่น้ำโขง จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 61 ซม. อยู่ที่ระดับ 13.41 ม. ต่ำกว่าตลิ่ง 1.09 ม. (อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง)
ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้การคาดการณ์ระดับน้ำและปริมาณน้ำอาจเกิดความคลาดเคลื่อนจากสาเหตุหลายประการ อาทิ เกิดจากร่องความกดอากาศต่ำ มีพายุดีเปรสชั่น และอื่นๆ เกิดขึ้นเหนือหรือท้ายสถานี อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์น้ำแต่ละพื้นที่ แต่ละเวลา
นายสุเมธ กำชับเจ้าหน้าที่ให้เตรียมความพร้อมเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ เรือ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุการณ์อุทกภัย-ดินถล่ม ให้สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที และให้ติดตามเฝ้าระวังอย่างระดับน้ำอย่างใกล้ชิด แจ้งข้อมูลระดับน้ำให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปวิเคราะห์ในการเตือนภัยล่วงหน้าแก่ประชาชนต่อไป