‘อุตุฯ’คอนเฟิร์มเตือนรับมือดีเปรสชัน จับตาเส้นทางทวีกำลังเป็นพายุโซนร้อน!
https://www.dailynews.co.th/news/3874429/
"กรมอุตุนิยมวิทยา" ออกประกาศเตือนทั่วไทย สุดสัปดาห์นี้เตรียมรับมือพายุดีเปรสชัน พร้อมจับตาเส้นทาง ก่อนทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน!
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่อง “พายุ ดีเปรสชัน ฉบับที่ 1 (193/2567)” โดยระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ย. 67)
พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และคาดว่าในช่วงวันที่ 20–21 ก.ย. 67 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักมากบางแห่ง และมีลมแรงในช่วงวันที่ 20–23 ก.ย. 67
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 17–21 ก.ย. 67 ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @กรมอุตุนิยมวิทยา... สามารถติดตามต่อได้ที่ :
ปิยบุตร ถามจักรภพ ตอนปี’52 เป็นนักปฏิวัติ หรือปฏิรูป ชี้หากเป็นแบบวันนี้ก็ไม่ต้องลี้ภัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4795676
ปิยบุตร ถาม ‘จักรภพ’ ตอนปี’52 เป็นนักปฏิวัติ หรือปฏิรูป ชี้หากเป็นแบบวันนี้ก็ไม่ต้องลี้ภัย
เมื่อวันที่ 17 นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการคณะก้าวหน้า มีข้อเขียนทางเฟซบุ๊กและ X กรณี นาย
จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงพรรคประชาชนเป็นพรรคที่มีแนวความคิดปฏิวัติ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันเป็นพรรคที่มีแนวความคิดปฏิรูปว่า
[กรณีความเห็นของ จักรภพ เพ็ญแข (1)]
ผมชอบ ศึกษา สนใจ เรื่องการปฏิวัติในที่ต่างๆ ทั้งในแง่ทฤษฎี และประวัติศาสตร์
จนวันนี้ ก็ยังคงอ่าน ค้น เขียน อยู่ตลอด
ใครกล่าวหาว่า เราเป็น “นักปฏิวัติ” ก็คือ คำชม เป็นเกียรติ แต่จะรู้สึกว่าชมกันเกินจริง เพราะ นักปฏิวัติ การปฏิวัติ ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ไม่ใช่นึกอยากอุปโลกน์เป็นก็เป็น ไม่ใช่ใส่หมวก ใส่ชุด ใส่พร็อพ ก็เป็นกันง่ายๆ และด้วยภาววิสัย/อัตวิสัย เราอาจไปไม่ถึงเช่นนั้น
แต่ถ้าคนที่ช่วงเวลาหนึ่ง คิดเรื่อง “ถอนรากถอนโคน” จนลี้ภัยไป และได้กลับมา ใช้ชีวิตปกติ มีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นนี้ แต่กลับมาจัดประเภทคนอื่นๆ ว่าคนนี้ “ปฏิวัติ” คนนี้ “ปฏิรูป” อันนี้น่าสนใจ พิจารณา
พี่เอก จักรภพ ใช้ความคิดวิชาการ นิยามคนนั้นคนนี้ว่าเป็น ปฏิรูป เป็นปฏิวัติ
เรื่องนั้น เรื่องเล็ก ดีเบตกันได้
แต่ที่ผมติดใจมากกว่านั้นคือ พี่เอก จักรภพ เคยนิยามตัวเองและขบวน ช่วงที่ลี้ภัยตอนปี 52 จนกลับมาประเทศไทย หรือไม่ว่า ช่วงนั้นตนเองเป็นอะไร คิดอ่านอะไร วันนี้ คิดอ่านอะไร เปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะอะไร
ผมไม่คิดว่าการมาฟื้นฝอยหาตะเข็บ 20 ปี ไล่เรียงมาจนถึงปัจจุบัน จะเป็นประโยชน์อะไร แต่อยากให้พี่เอก จักรภพ คิดดูเสียบ้างว่า สมัยหนึ่งพี่เอกแค่พูดภาษาอังกฤษ คำว่า ระบบอุปถัมภ์ จนโดนฝ่ายตรงข้ามในเวลานั้นไล่ล่าว่าเป็นพวกล้มเจ้า หัวรุนแรง จนต้องลาออกจาก รมต. จนไปเป็นแกนนำ ปราศรัย เขียนบทความในนิตยสาร จำนวนมาก จนต้องลี้ภัย จนพี้สมยศในฐานะบรรณาธิการ ต้องติดคุก 112 แบบนี้ พี่เอกจะมาเที่ยวนิยาม แปะป้าย คนอื่นๆ ในบริบท สถานการณ์แบบนี้เพื่ออะไร
ผมเข้าใจเรื่องข้อจำกัดแต่ละบุคคล เรื่องการตัดสินใจในชีวิต แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่วันนี้ รอดแล้ว จะมาแปะป้ายคนอื่น เพื่อให้ตนเองและพวกรอดจากคมหอกคมดาบของระบบ
ถ้าวันนี้ ไม่คิดถึงสิ่งที่ตนเองแสดงออกมาในอดีต ก็คิดถึงวีรชน บูรพาจารย์ที่เราเคารพนับถือและฝากความหวังไว้กับพี่เอกในอดีตบ้าง
ถ้าพี่จะเป็นแบบนี้ในวันนี้ พี่ไม่ต้องลี้ภัย ไม่ต้องแสดงออกเป็นตัวแทนความก้าวหน้าก็ได้ สยบยอมตั้งแต่วันนั้น ดีกว่าครับ
[กรณีความเห็นขแงจักรภพ เพ็ญแข (2)]
ผมศึกษาเรื่องการปฏิวัติมาเกือบครึ่งชีวิต
การบอกว่า พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล-ประชาชน เป็น “พรรคปฏิวัติ” น่าจะให้ราคาพวกเขามากเกินความเป็นจริงไปเสียหน่อย
พวกเขาไปได้ไกลที่สุด ก็คือ พรรคที่ต้องการปฏิรูป รักษาสิ่งที่มีอยู่ พัฒนา ปรับปรุงให้เท่าทันยุคสมัย พร้อมเผชิญหน้าความท้าทายใหม่ๆ
เช่นกัน การบอกว่าพรรคเพื่อไทย คือ พรรคปฏิรูป ก็เป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะจนถึงวันนี้ สิ่งที่คนจำนวนมากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยกล้าหาญปฏิรูป ตั้งแต่ 2554 ตั้งแต่ปฏิรูปกองทัพ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร การกระจายอำนาจ ทลายทุนผูกขาด ปฏิรูปที่ดินทำกิน หรือ การเอาคนฆ่าประชาชนมารับผิด ก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย เพราะ พรรคเพื่อไทยมีข้ออ้างที่ทำให้พวกเราหลงเชื่อ ตั้งแต่ปี 2554 ว่า ยังไม่ถึงเวลา ยังทำไม่ได้ กินข้าวทีละคำ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ฯลฯ
การแปะป้ายว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคปฏิรูป เพื่อจะอ้างว่า วันนี้ กูไม่ทำ เพราะ กูต้องเคลียร์เรื่องอื่นก่อน จึงเป็นการโฆษณาเกินจริง
การบอกว่า พรรคประชาชน เป็นพวกปฏิวัติ คือ การโฆษณาให้เครดิตเกินจริง พอๆ กับบอกว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคปฏิรูป
ถ้าหากบอกว่า ข้อเสนอที่กดดันไปที่พรรคเพื่อไทย คือ ปฏิวัติ นั่นก็หมายความว่า พรรคเพื่อไทยทำอะไรไม่ได้นอกจากรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มก้อนชนชั้นนำทั้งระบบ
ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่าใช้คำว่า “ปฏิรูป” มาทำให้คำว่า “ปฏิรูป” เสียหาย สู้ยอมรับไปเลย โดยไม่ต้อง “ประดิษฐ์วาทกรรม” (คำของ พี่อ้วน ภูมิธรรม) ว่า พรรคเพื่อไทยจะทำเท่านี้โว้ยยยย จบ
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid0321CRE6iARUX9QXfn3uP2pJjJyBDD7iea7fzzE5nHRR2xLfv45HU5M41gnYTfjPz8l
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid02xJbmT6J824VprVE4UJNdBuaPhruuDm1fpiCvc3LRC4uTq2ccBnE273Stp3XPGJhMl
สส.ปชน. จี้รบ.ทบทวนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แฉถูกแก้รายละเอียด หวั่นเอื้อนายทุนบางคน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4795932
สส.ปชน. จี้รบ.ทบทวนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แฉแก้รายละเอียด หวั่นเปิดช่องเอื้อนายทุนบางคน ซัดหากดันทุรังจะกลายเป็นสถานบันเทิงแหกตาปชช.
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่รัฐสภา นาย
นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงถึงกรณีที่ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุไว้ในนโยบายของรัฐบาล เรื่องการสร้างรายได้ใหม่ด้วยการนำเศรษฐกิจนอกภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีร้อยละ 50 ของจีดีพี และพูดถึงการขับเคลื่อนนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ว่า ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันจับตาโครงการนี้ ที่อ้างถึงตัวเลขหลายแสนล้านบาท หากเทียบกับมาเก๊า เราจะต้องแย่งฐานลูกค้าของมาเก๊ามาได้ทั้งหมด ในขณะที่ประเทศใกล้เคียงสิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ยังทำได้ 1 ใน 3 ของมาเก๊าเท่านั้นเอง จึงไม่เห็นที่มาที่ไปของตัวเลขรายได้ที่แท้จริงหากคำนวณไม่น่าจะเกินหมื่นล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลยังไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับผลกระทบที่จะตามมา ทั้งการแก้ไขการพนันผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ และการพนันท้องถิ่น โดยปัจจุบันอัตราโทษการพนันค่อนข้างต่ำ ผู้เล่น ถูกปรับแค่ 2,000 บาท ผู้จัดให้มีการเล่นจะถูกปรับที่ 20,000-200,000 บาทโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี
นาย
นนท์ กล่าวต่อว่า สิ่งแรกที่ควรจะคำนึงถึงคือ การทำระบบกฎหมายที่เข้มแข็งก่อนที่จะมีกาสิโน โดยปรับปรุงกฎหมายที่เอาผิดในปัจจุบันที่โทษค่อนข้างอ่อน ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย ที่สำคัญคือการให้ตำรวจทำหน้าที่จับกุมปราบปรามการพนัน แต่วันนี้จะไว้ใจได้อย่างไร เพราะเพิ่งจะมีข่าวว่าตำรวจระดับบิ๊ก 2 คนไปพัวพันกับเว็บการพนัน และยังมีข่าวเครือข่ายตำรวจทางภาคเหนือเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียเอง แล้วจะให้บุคคลเหล่านี้มาดูแลไม่ให้เกิดอาชญากรรมเกี่ยวกับกาสิโน เราจะหวังได้จริงหรือไม่ หากแก้ไขปัญหาพื้นฐานแบบนี้ไม่ได้ก็เท่ากับว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นปัญหาใหม่ที่จะนำเข้ามาสู่ประเทศไทยและอาจจะขยายไปสู่ธุรกิจสีเทาอื่นๆ และในพรราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)สถานบันเทิงครบวงจร เก็บค่าเช่าสำหรับชาวไทยถูกระบุไว้ที่ 5,000 บาท จะมีใครมาใช้บริการ หากเอนเตอร์เทนเมนท์คอมดพล็กซ์เกิดขึ้น จะทำให้คนไปใช้บริการบ่อนผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
ส.ส.พรรคประชาชน กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พบว่าข้อหนึ่งระบุว่าไม่สามารถให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ จึงอยากถามว่าปัจจุบันมีเครื่องมือการเข้าถึงการพนันออนไลน์เหมือนนานาชาติหรือไม่ ขณะเดียวกันการทำการพนันพื้นบ้านและการพนันท้องถิ่นให้ถูกกฎหมายก็ไม่ได้ถูกระบุเอาไว้ และเมื่อดูในรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ในองค์ประกอบอคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และเนื้อหาแทบไม่ต่างอะไรจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)และระบบราชการในปัจจุบันเลย จึงมองว่าไม่น่าจะมีประสิทธิภาพแน่นอน ในเมื่อครม.ชุดนี้มีหน้าที่มีงานที่ต้องรับผิดชอบ จะเอาเวลาที่ไหนมาใส่ใจดูแลกำหนดนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ และยิ่งนำปลัดกระทรวงต่างๆ มานั่งเท่ากับกรรมการชุดนี้ให้อำนาจล้นฟ้ากับคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งถือเป็นอันตรายมาก
“
เมื่อวานนี้(16 ก.ย.)รมช.คลัง ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ให้ข่าวว่ากระทรวงการคลังไม่มีหน้าที่ที่จะตัดสินใจว่าความเหมาะสมที่จะทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีจำนวนเท่าไหร่ ทำจังหวัดใด ใครเป็นคนทำ จึงอยากให้กลับไปดูโครงสร้างของคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งรมว.คลัง ก็เป็นหนึ่งของคณะกรรมการนโยบายฯ ดังนั้นขอให้จับตาคุณสมบัติของคณะกรรมการนโยบายที่จะถูกแต่งตั้งว่าลักษณะต้องห้ามบางอย่างหายไปโดยการถูกขีดฆ่าในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือต้องไม่เคยถูกวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ต้องไม่อยู่ระหว่างห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องไม่เคยพ้นจากตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทมหาชน จำกัด เพราะเหตุลักษณะที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจบริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้นตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในสมัยครม.ชุดที่แล้วมี รมช.คลังคนหนึ่ง เพิ่งได้รับตำแหน่ง และแต่งตั้งนาย “ธ…” ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขา รมช.คลัง แต่มีคนพบว่าบุคคลนี้มีความผิดฐานปั่นหุ้น โดนสั่งปรับ และสั่งห้ามซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ ด้วยเหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้คุณสมบัติบางข้อหายไป หรือเพื่อเปิดทางให้คนที่รู้ทางหนีทีไล่ ดึงเข้ามาเพื่อเป็นคณะกรรมการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใ
JJNY : 5in1 ‘อุตุฯ’คอนเฟิร์ม│ปิยบุตรถามจักรภพ│ปชน.จี้ทบทวนหวั่นเอื้อนายทุน│รถกระจกเงาห้อยของแจกชาวบ้าน│เวียดนามเตรียมรับ
https://www.dailynews.co.th/news/3874429/
"กรมอุตุนิยมวิทยา" ออกประกาศเตือนทั่วไทย สุดสัปดาห์นี้เตรียมรับมือพายุดีเปรสชัน พร้อมจับตาเส้นทาง ก่อนทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน!
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่อง “พายุ ดีเปรสชัน ฉบับที่ 1 (193/2567)” โดยระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ย. 67)
พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และคาดว่าในช่วงวันที่ 20–21 ก.ย. 67 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักมากบางแห่ง และมีลมแรงในช่วงวันที่ 20–23 ก.ย. 67
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 17–21 ก.ย. 67 ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @กรมอุตุนิยมวิทยา... สามารถติดตามต่อได้ที่ :
ปิยบุตร ถามจักรภพ ตอนปี’52 เป็นนักปฏิวัติ หรือปฏิรูป ชี้หากเป็นแบบวันนี้ก็ไม่ต้องลี้ภัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4795676
ปิยบุตร ถาม ‘จักรภพ’ ตอนปี’52 เป็นนักปฏิวัติ หรือปฏิรูป ชี้หากเป็นแบบวันนี้ก็ไม่ต้องลี้ภัย
เมื่อวันที่ 17 นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการคณะก้าวหน้า มีข้อเขียนทางเฟซบุ๊กและ X กรณี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงพรรคประชาชนเป็นพรรคที่มีแนวความคิดปฏิวัติ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันเป็นพรรคที่มีแนวความคิดปฏิรูปว่า
[กรณีความเห็นของ จักรภพ เพ็ญแข (1)]
ผมชอบ ศึกษา สนใจ เรื่องการปฏิวัติในที่ต่างๆ ทั้งในแง่ทฤษฎี และประวัติศาสตร์
จนวันนี้ ก็ยังคงอ่าน ค้น เขียน อยู่ตลอด
ใครกล่าวหาว่า เราเป็น “นักปฏิวัติ” ก็คือ คำชม เป็นเกียรติ แต่จะรู้สึกว่าชมกันเกินจริง เพราะ นักปฏิวัติ การปฏิวัติ ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ไม่ใช่นึกอยากอุปโลกน์เป็นก็เป็น ไม่ใช่ใส่หมวก ใส่ชุด ใส่พร็อพ ก็เป็นกันง่ายๆ และด้วยภาววิสัย/อัตวิสัย เราอาจไปไม่ถึงเช่นนั้น
แต่ถ้าคนที่ช่วงเวลาหนึ่ง คิดเรื่อง “ถอนรากถอนโคน” จนลี้ภัยไป และได้กลับมา ใช้ชีวิตปกติ มีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นนี้ แต่กลับมาจัดประเภทคนอื่นๆ ว่าคนนี้ “ปฏิวัติ” คนนี้ “ปฏิรูป” อันนี้น่าสนใจ พิจารณา
พี่เอก จักรภพ ใช้ความคิดวิชาการ นิยามคนนั้นคนนี้ว่าเป็น ปฏิรูป เป็นปฏิวัติ
เรื่องนั้น เรื่องเล็ก ดีเบตกันได้
แต่ที่ผมติดใจมากกว่านั้นคือ พี่เอก จักรภพ เคยนิยามตัวเองและขบวน ช่วงที่ลี้ภัยตอนปี 52 จนกลับมาประเทศไทย หรือไม่ว่า ช่วงนั้นตนเองเป็นอะไร คิดอ่านอะไร วันนี้ คิดอ่านอะไร เปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะอะไร
ผมไม่คิดว่าการมาฟื้นฝอยหาตะเข็บ 20 ปี ไล่เรียงมาจนถึงปัจจุบัน จะเป็นประโยชน์อะไร แต่อยากให้พี่เอก จักรภพ คิดดูเสียบ้างว่า สมัยหนึ่งพี่เอกแค่พูดภาษาอังกฤษ คำว่า ระบบอุปถัมภ์ จนโดนฝ่ายตรงข้ามในเวลานั้นไล่ล่าว่าเป็นพวกล้มเจ้า หัวรุนแรง จนต้องลาออกจาก รมต. จนไปเป็นแกนนำ ปราศรัย เขียนบทความในนิตยสาร จำนวนมาก จนต้องลี้ภัย จนพี้สมยศในฐานะบรรณาธิการ ต้องติดคุก 112 แบบนี้ พี่เอกจะมาเที่ยวนิยาม แปะป้าย คนอื่นๆ ในบริบท สถานการณ์แบบนี้เพื่ออะไร
ผมเข้าใจเรื่องข้อจำกัดแต่ละบุคคล เรื่องการตัดสินใจในชีวิต แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่วันนี้ รอดแล้ว จะมาแปะป้ายคนอื่น เพื่อให้ตนเองและพวกรอดจากคมหอกคมดาบของระบบ
ถ้าวันนี้ ไม่คิดถึงสิ่งที่ตนเองแสดงออกมาในอดีต ก็คิดถึงวีรชน บูรพาจารย์ที่เราเคารพนับถือและฝากความหวังไว้กับพี่เอกในอดีตบ้าง
ถ้าพี่จะเป็นแบบนี้ในวันนี้ พี่ไม่ต้องลี้ภัย ไม่ต้องแสดงออกเป็นตัวแทนความก้าวหน้าก็ได้ สยบยอมตั้งแต่วันนั้น ดีกว่าครับ
[กรณีความเห็นขแงจักรภพ เพ็ญแข (2)]
ผมศึกษาเรื่องการปฏิวัติมาเกือบครึ่งชีวิต
การบอกว่า พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล-ประชาชน เป็น “พรรคปฏิวัติ” น่าจะให้ราคาพวกเขามากเกินความเป็นจริงไปเสียหน่อย
พวกเขาไปได้ไกลที่สุด ก็คือ พรรคที่ต้องการปฏิรูป รักษาสิ่งที่มีอยู่ พัฒนา ปรับปรุงให้เท่าทันยุคสมัย พร้อมเผชิญหน้าความท้าทายใหม่ๆ
เช่นกัน การบอกว่าพรรคเพื่อไทย คือ พรรคปฏิรูป ก็เป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะจนถึงวันนี้ สิ่งที่คนจำนวนมากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยกล้าหาญปฏิรูป ตั้งแต่ 2554 ตั้งแต่ปฏิรูปกองทัพ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร การกระจายอำนาจ ทลายทุนผูกขาด ปฏิรูปที่ดินทำกิน หรือ การเอาคนฆ่าประชาชนมารับผิด ก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย เพราะ พรรคเพื่อไทยมีข้ออ้างที่ทำให้พวกเราหลงเชื่อ ตั้งแต่ปี 2554 ว่า ยังไม่ถึงเวลา ยังทำไม่ได้ กินข้าวทีละคำ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ฯลฯ
การแปะป้ายว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคปฏิรูป เพื่อจะอ้างว่า วันนี้ กูไม่ทำ เพราะ กูต้องเคลียร์เรื่องอื่นก่อน จึงเป็นการโฆษณาเกินจริง
การบอกว่า พรรคประชาชน เป็นพวกปฏิวัติ คือ การโฆษณาให้เครดิตเกินจริง พอๆ กับบอกว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคปฏิรูป
ถ้าหากบอกว่า ข้อเสนอที่กดดันไปที่พรรคเพื่อไทย คือ ปฏิวัติ นั่นก็หมายความว่า พรรคเพื่อไทยทำอะไรไม่ได้นอกจากรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มก้อนชนชั้นนำทั้งระบบ
ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่าใช้คำว่า “ปฏิรูป” มาทำให้คำว่า “ปฏิรูป” เสียหาย สู้ยอมรับไปเลย โดยไม่ต้อง “ประดิษฐ์วาทกรรม” (คำของ พี่อ้วน ภูมิธรรม) ว่า พรรคเพื่อไทยจะทำเท่านี้โว้ยยยย จบ
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid0321CRE6iARUX9QXfn3uP2pJjJyBDD7iea7fzzE5nHRR2xLfv45HU5M41gnYTfjPz8l
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid02xJbmT6J824VprVE4UJNdBuaPhruuDm1fpiCvc3LRC4uTq2ccBnE273Stp3XPGJhMl
สส.ปชน. จี้รบ.ทบทวนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แฉถูกแก้รายละเอียด หวั่นเอื้อนายทุนบางคน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4795932
สส.ปชน. จี้รบ.ทบทวนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แฉแก้รายละเอียด หวั่นเปิดช่องเอื้อนายทุนบางคน ซัดหากดันทุรังจะกลายเป็นสถานบันเทิงแหกตาปชช.
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่รัฐสภา นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุไว้ในนโยบายของรัฐบาล เรื่องการสร้างรายได้ใหม่ด้วยการนำเศรษฐกิจนอกภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีร้อยละ 50 ของจีดีพี และพูดถึงการขับเคลื่อนนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ว่า ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันจับตาโครงการนี้ ที่อ้างถึงตัวเลขหลายแสนล้านบาท หากเทียบกับมาเก๊า เราจะต้องแย่งฐานลูกค้าของมาเก๊ามาได้ทั้งหมด ในขณะที่ประเทศใกล้เคียงสิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ยังทำได้ 1 ใน 3 ของมาเก๊าเท่านั้นเอง จึงไม่เห็นที่มาที่ไปของตัวเลขรายได้ที่แท้จริงหากคำนวณไม่น่าจะเกินหมื่นล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลยังไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับผลกระทบที่จะตามมา ทั้งการแก้ไขการพนันผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ และการพนันท้องถิ่น โดยปัจจุบันอัตราโทษการพนันค่อนข้างต่ำ ผู้เล่น ถูกปรับแค่ 2,000 บาท ผู้จัดให้มีการเล่นจะถูกปรับที่ 20,000-200,000 บาทโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี
นายนนท์ กล่าวต่อว่า สิ่งแรกที่ควรจะคำนึงถึงคือ การทำระบบกฎหมายที่เข้มแข็งก่อนที่จะมีกาสิโน โดยปรับปรุงกฎหมายที่เอาผิดในปัจจุบันที่โทษค่อนข้างอ่อน ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย ที่สำคัญคือการให้ตำรวจทำหน้าที่จับกุมปราบปรามการพนัน แต่วันนี้จะไว้ใจได้อย่างไร เพราะเพิ่งจะมีข่าวว่าตำรวจระดับบิ๊ก 2 คนไปพัวพันกับเว็บการพนัน และยังมีข่าวเครือข่ายตำรวจทางภาคเหนือเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียเอง แล้วจะให้บุคคลเหล่านี้มาดูแลไม่ให้เกิดอาชญากรรมเกี่ยวกับกาสิโน เราจะหวังได้จริงหรือไม่ หากแก้ไขปัญหาพื้นฐานแบบนี้ไม่ได้ก็เท่ากับว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นปัญหาใหม่ที่จะนำเข้ามาสู่ประเทศไทยและอาจจะขยายไปสู่ธุรกิจสีเทาอื่นๆ และในพรราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)สถานบันเทิงครบวงจร เก็บค่าเช่าสำหรับชาวไทยถูกระบุไว้ที่ 5,000 บาท จะมีใครมาใช้บริการ หากเอนเตอร์เทนเมนท์คอมดพล็กซ์เกิดขึ้น จะทำให้คนไปใช้บริการบ่อนผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
ส.ส.พรรคประชาชน กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร พบว่าข้อหนึ่งระบุว่าไม่สามารถให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ จึงอยากถามว่าปัจจุบันมีเครื่องมือการเข้าถึงการพนันออนไลน์เหมือนนานาชาติหรือไม่ ขณะเดียวกันการทำการพนันพื้นบ้านและการพนันท้องถิ่นให้ถูกกฎหมายก็ไม่ได้ถูกระบุเอาไว้ และเมื่อดูในรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ในองค์ประกอบอคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และเนื้อหาแทบไม่ต่างอะไรจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)และระบบราชการในปัจจุบันเลย จึงมองว่าไม่น่าจะมีประสิทธิภาพแน่นอน ในเมื่อครม.ชุดนี้มีหน้าที่มีงานที่ต้องรับผิดชอบ จะเอาเวลาที่ไหนมาใส่ใจดูแลกำหนดนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ และยิ่งนำปลัดกระทรวงต่างๆ มานั่งเท่ากับกรรมการชุดนี้ให้อำนาจล้นฟ้ากับคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งถือเป็นอันตรายมาก
“เมื่อวานนี้(16 ก.ย.)รมช.คลัง ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ให้ข่าวว่ากระทรวงการคลังไม่มีหน้าที่ที่จะตัดสินใจว่าความเหมาะสมที่จะทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีจำนวนเท่าไหร่ ทำจังหวัดใด ใครเป็นคนทำ จึงอยากให้กลับไปดูโครงสร้างของคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งรมว.คลัง ก็เป็นหนึ่งของคณะกรรมการนโยบายฯ ดังนั้นขอให้จับตาคุณสมบัติของคณะกรรมการนโยบายที่จะถูกแต่งตั้งว่าลักษณะต้องห้ามบางอย่างหายไปโดยการถูกขีดฆ่าในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือต้องไม่เคยถูกวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ต้องไม่อยู่ระหว่างห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องไม่เคยพ้นจากตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทมหาชน จำกัด เพราะเหตุลักษณะที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจบริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้นตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในสมัยครม.ชุดที่แล้วมี รมช.คลังคนหนึ่ง เพิ่งได้รับตำแหน่ง และแต่งตั้งนาย “ธ…” ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขา รมช.คลัง แต่มีคนพบว่าบุคคลนี้มีความผิดฐานปั่นหุ้น โดนสั่งปรับ และสั่งห้ามซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ ด้วยเหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้คุณสมบัติบางข้อหายไป หรือเพื่อเปิดทางให้คนที่รู้ทางหนีทีไล่ ดึงเข้ามาเพื่อเป็นคณะกรรมการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ใ