ก่อนอื่นเราออกตัวก่อนนะว่าเราไม่เคยเลี้ยงน้องแมวเลย แล้วจู่ๆวันหนึ่ง แม่แมวซึ่งเป็นแมวจร นางก็แอบมาคลอดลูกที่บ้านเรา 4 ตัว
เราเดินไปเจอแบบบังเอิญ แม่แมวตกใจขู่เรา เราเลยถอย เราเห็นนางคาบลูกวิ่งหนีไป 1 ตัว เวลาตอนนั้นน่าจะประมาณ 8 โมง เราก็ไม่ได้สนใจเดินกลับเข้าบ้านเวลาผ่านไปนานเหมือนกัน เราได้ยินเสียงลูกแมวร้องระงมเลย เราก็เอะใจ เดินกลับไปดูยังเหลือเบบี๋แมวอีก 3 ตัวซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายโมงได้ ทั้ง 3 น่าจะหิวเดินเผ่นผ่านเลยแต่อยู่ในกล่องนะคะ แม่แมวคลอดในกล่องลัง เราเลยยกลังให้พ้นแดด และกลับเข้าบ้านตอนนั้นใจคอไม่ดีแล้ว คิดว่าเด็กๆคงหิวแน่ เลยนั่งจ่องมองกล่องดูว่า แม่แมวจะมาคาบลูกไปไหมเรานั่งรอดูจนถึงบ่าย 2 เสียงลูกแมวอ่อนแรงลงมาก เดินไปดู
เห็นเด็กๆนอนนิ่งแต่ส่งเสียงร้องเบาๆเหมือนหมดแรง เราเลยตัดสินใจ ยกกล่องเด็กๆเข้าบ้าน โทรศัพท์ไปที่ รพ.สัตว์ขอคำแนะนำในการเลี้ยงเด็กๆ เราเอากล่องเด็กๆวางไว้หน้าบ้านแบบที่ แม่แมวมาก็จะเห็น และเราก็ออกไปซื้อนมมาให้เด็กๆทั้ง 3 สรุปว่าวันนั้นทั้งวัน เราไม่เห็นแม่แมวตัวนั้นผ่านมาเลย สรุปเราต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วซินะ
เราเลี้ยงเด็กๆทั้ง 3 มาได้ประมาณ 4-5 วันก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น น้อง 2 ตัวลายสลิด เกิดอาการซึม นอนทั้งวันป้อนนมก็กินน้อยลง ตอนแรกเราไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเบบี๋คงใช้เวลาในการนอนนาน ผ่านไป 1 คืน พอเช้ามา ขุ่นพระ น้องทั้ง 2 ตัวผอมมาก ผอมอย่างเห็นได้ขัด เราใจไม่ดี รีบแยกเจ้าตัวดำที่ไม่มีอาการออกไปไว้ในห้องนอนปิดประตู โทร.ไป รพ.ทาง รพ.บอกน่าจะเป็นหัดแมว ด้วยความที่เราไม่รู้เรื่องไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน ทาง รพ.บอกหัดก็หัด เราพาเด็กๆทั้ง 2 ไป รพ.หมอบอกโห เหมือนอาการแย่มากเลยนะ ตอนนั้นเราถามไปว่าน้องเป็นอะไร เราจำได้คร่าวๆว่าติดเชื้อทางเดินอาหารหรืออะไรสักอย่าง หมอบอกน้องเล็กมาก ให้แอดมิด เพราะจะต้องดูแลให้ยาใกล้ชิด แต่หมอก็บอกเรานะว่า แค่รักษาตามอาการนะครับ โอกาสก็ 50/50 นะ
เราก็นะ เลี้ยงแล้วก็รักไปแล้วน้ำตาแตกกับเด็กๆ แอดก็แอด ปล่อยน้องไว้กับหมอ กลับมาบ้านมาสังเกตการณ์เจ้าตีวที่เหลือ พ่อหนุ่มน้อยนี่ก็ลั้นลาปกติ เราก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่า พ่อหนุ่มน้อยนี่คงไม่เป็นไร หลังจากที่ 2 สาว อยู่ รพ.1 วัน คืนนั้นหมอโทร.มาว่าน้องตุยไปแล้ว 1 ตัว และอีก 1 ตัว คิดว่าน่าจะไม่รอดเช่นกัน เราเลยบอกว่าเดี๋ยวตอนเช้าเราเข้าไปที่ รพ. ตอนเช้าเราไปถึง หมอเอาสาวน้อย 1 ตัวที่เหลือมาให้เรา น้องร้องเสียงแหบแห้งเดินตามเสียงเรามา แล้วมองหน้าเรา ตอนนั้นน้องลืมตาแล้วนะคะเพิ่งลืมตาได้ 1 วันก็ป่วย แล้วเราก็น้ำตาแตกกับเจ้าตัวเล็ก น้องนอนลงบนมือและร้องเสียงแห้งๆ น้องผอมมาก เราเลยบอกน้องว่า แม่มาแล้ว แม่ขอโทษนะที่ทิ้งหนูไว้คนเดียว ถ้าหนูเจ็บหนูไม่ไหวหนูก็นอนพักนะลูกไม่ต้องร่องเรียกแม่แล้ว หนูอยู่กับแม่แล้วนะ พอพูดจบเหมือนน้องเกร็งตัวและกระ

กระสนมือในมือเรา น้องอ้าปากเหมือนหายใจทางปาก 2 เฮือกและค่อยๆคลายตัวลงและหลับตาลงในที่สุด เราร้องแบบไม่อายหมอและคนไข้ที่ รพ.เลย หมอถามอาการเจ้าตัวที่เหลือว่าเป็นยังไงบ้าง ให้พามาดูอาการก่อนแต่เนิ่นๆถ้าน่องติดโรคกันจะได้รักษาทัน เราถามหมอว่าแล้วรับรองมั้ยว่าน้องจะหาย 100% หรือว่า 50/50 ประคับประคองอาการเหมือน 2 ตัวนี้ หมอบอกต้องดูอาการน้องก่อน เราเลยปฏิเสธไป เพราะเห็นอาการน้องตัวที่คุยอยู่ในมือเราแล้ว แล้วสงสารน้องมาก น้องคงเรียกร้องหาเราทั้งคืน ร้องจนเสียงแห้ง หลังจากที่เรานำร่างของเด็กๆทั้ง 2 ออกจาก รพ. เราก็เอาน้องๆทั้ง 2 มาฝังที่บริเวณวัด และกลับบ้านมาทำความสะอาดบ้าน ที่นอนน้องๆ ของใช้ แบบฆ่าเชื้อทั้งหมด เพราะเราคิดว่ามันต้องเป็นโรคติดต่อแน่นอน กลังจากจัดการทำความสะอาดพื้นที่ก็เริ่มสังเกตพ่อหนุ่มน้อยของเราว่าอาการเป็นยังไง เราจดอาการน้องแบบทุกชั่วโมงเลย ซึ่งวันที่ 22/8/67 ผ่านไปด้วยดีไม่มีอาการผิดปกติ แต่เช้าวันที่ 23/8/67 หลังจากกินมื้อเช้าน้องก็หลับยาวเลยเราก็ลืมน้องไปเลย จนเที่ยงเราไปปลุกน้องขึ้นมาป้อนนม น้องไม่ตื่นลืมตาน้องดูดนมทั้งๆที่หลับตา ดูอาการอ่อนแรงมาก หลังจากนั้นน้องก็หลับยาว เราก็มาค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเจอเพื่อนๆหลายคนบอกว่าให้ป้อนยาเขียว คืนนั้น 2 ทุ่ม เราออกตะเวนหายาเขียว เพราะคิดว่ารอถึงเช้าไม่ได้แล้ว ในที่สุดก็ได้ยาเขียวเวลา 3 ทุ่ม เรายอมรับเราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนยังไง ลนลานไปหมด เริ่มจากเอาน่องไปชั่งน้ำหนัก เราชั่งจากกิโลที่เราใช้ทำเบเกอรี่ น่องหนัก 0.2 กรัม เราก็ป้อนยาเขียว 0.2 cc ละกัน ไปแบบมั่วๆเลย ป้อนทุก 2 ชม. อาการน้องทรุดไวมากแค่เริ่มซมในตอนเช้า ค่ำมาเราสังเกตน่องเริ่มผอม เราตั้งนาฬิกาป้อนยาน้องตลอดคืน น้องยังคงนอนนิ่งสนิท เช้าวันที่ 24/8/67 น้องคงยังนอนไม่ตื่น เราป้อนนมน้องเริ่มไม่กลืน เราเลยป้อนแบบที่ละหยด ป้อนนม ป้อนยา วันนี้เพิ่มน้ำเกลือแร่ เพราะไปอ่านเจอว่า ให้กินเกลือแร่ก็เหมือนให้น้ำเกลือ วันนั้นทั้งวันเรานั่งหยดน้ำเกลือให้น้องที่ละหยดทั้งวัน น้องก็กลืนบ้างไม่กลืนบ้างแต่เราก็หยดให้ตลอด และยังอัดยาเขียวทุก 2 ชั่วโมง เราป้อนแบบนี้ 1 วัน กับอีก 1 คืน จนเราเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกที เราได้ยินเสียงร้องแหบๆที่ข้างหูเรานึกว่าฝันไปรีบลืมตาขึ้นมาดู และภาพที่เห็นคือ พ่อหนุ่มน้อยนอนลืมตาอยู่ข้างหน้าเรา และร้องเสียงแหบๆใส่ ด้วยความดีใจน้ำตาแตกกับพ่อหนุ่มน้อยไปอีก 1 ยก เราป้อนนมตอนนี้น้องเริ่มกินได้ เรายังคงป้อนยา ป้อนน้ำเกลือแร่ เหมือนเดิม จนวันที่ 26/8/67 เราสังเกตเห็น น้องอาการดีขึ้นกินได้ปกติ นอนเล่นได้เกือบปกติแล้วแต่ยังมีเดินเซๆบ้าง และตกเย็นวันนั้นน้องท้องเสีย เราเลิกป้อนนม เปลี่ยนเป็นป้อนซุปปลาเข้มข้น 0.2 cc ผสมน้ำเกลือแร่ ป้อนน้องแทนนม น้องดูอ่อนแรงอีกครั้ง น่าจะเสียน้ำจากการถ่ายท้องเสีย เรายังคงป้อนยา หยดเกลือแร่ให้น้องทั้งคืนเหมือนเดิม เราบอกน้องทุกครั้งที่ป้อนยาว่า หนูสู้ไปกับแม่นะ แม่สู้อดทนป้อนยาหนูทั้งวันทั้งคืนแบบนี้แล้ว หนูต้องอดทนกินยาให้แม่หน่อยนะหนูอย่าถอดใจตามน้องๆไปนะ หนูต้องสู้กับแม่นะ เราบอกน้องตลอดคืน อัดยา อัดเกลือแร่อยู่ 1 วัน 1 คืนน้องเริ่มถ่ายไม่เหลวแล้ว สรุปเราดูแลน้องเกือบๆ 1 อาทิตย์ในการป้อนยา ป้อนนม แต่ผลของการอดทนของเรา 2 คนแม่ลูก มันดีมากๆ พ่อหนุ่มน้อยอาการดีวันดีคืน ตอนนี้น้องอายุ 1 เดือนกว่าแล้ว เรานับจากวันแรกที่เจอน้อง ตอนนี้นำ้หนักเพิ่มขึ้นเป็น 250 กรัมแล้ว ดีใจที่สุด ตอนนี้รอน้องครบ 2 เดือน แล้วจะพาไปทำวัคซีน ขอบคุณทุกคนที่ทนอ่านเรื่องยาวหน่อยนะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้แม่เลี้ยงเดี่ยวกับหนุ่มน้อยแงวดำด้วยนะคะทุกคน😊😊
แชร์ประสบการณ์จู่ๆก็กลายเป็นแม่แมว
เราเดินไปเจอแบบบังเอิญ แม่แมวตกใจขู่เรา เราเลยถอย เราเห็นนางคาบลูกวิ่งหนีไป 1 ตัว เวลาตอนนั้นน่าจะประมาณ 8 โมง เราก็ไม่ได้สนใจเดินกลับเข้าบ้านเวลาผ่านไปนานเหมือนกัน เราได้ยินเสียงลูกแมวร้องระงมเลย เราก็เอะใจ เดินกลับไปดูยังเหลือเบบี๋แมวอีก 3 ตัวซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายโมงได้ ทั้ง 3 น่าจะหิวเดินเผ่นผ่านเลยแต่อยู่ในกล่องนะคะ แม่แมวคลอดในกล่องลัง เราเลยยกลังให้พ้นแดด และกลับเข้าบ้านตอนนั้นใจคอไม่ดีแล้ว คิดว่าเด็กๆคงหิวแน่ เลยนั่งจ่องมองกล่องดูว่า แม่แมวจะมาคาบลูกไปไหมเรานั่งรอดูจนถึงบ่าย 2 เสียงลูกแมวอ่อนแรงลงมาก เดินไปดู เห็นเด็กๆนอนนิ่งแต่ส่งเสียงร้องเบาๆเหมือนหมดแรง เราเลยตัดสินใจ ยกกล่องเด็กๆเข้าบ้าน โทรศัพท์ไปที่ รพ.สัตว์ขอคำแนะนำในการเลี้ยงเด็กๆ เราเอากล่องเด็กๆวางไว้หน้าบ้านแบบที่ แม่แมวมาก็จะเห็น และเราก็ออกไปซื้อนมมาให้เด็กๆทั้ง 3 สรุปว่าวันนั้นทั้งวัน เราไม่เห็นแม่แมวตัวนั้นผ่านมาเลย สรุปเราต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วซินะ
เราเลี้ยงเด็กๆทั้ง 3 มาได้ประมาณ 4-5 วันก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น น้อง 2 ตัวลายสลิด เกิดอาการซึม นอนทั้งวันป้อนนมก็กินน้อยลง ตอนแรกเราไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเบบี๋คงใช้เวลาในการนอนนาน ผ่านไป 1 คืน พอเช้ามา ขุ่นพระ น้องทั้ง 2 ตัวผอมมาก ผอมอย่างเห็นได้ขัด เราใจไม่ดี รีบแยกเจ้าตัวดำที่ไม่มีอาการออกไปไว้ในห้องนอนปิดประตู โทร.ไป รพ.ทาง รพ.บอกน่าจะเป็นหัดแมว ด้วยความที่เราไม่รู้เรื่องไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน ทาง รพ.บอกหัดก็หัด เราพาเด็กๆทั้ง 2 ไป รพ.หมอบอกโห เหมือนอาการแย่มากเลยนะ ตอนนั้นเราถามไปว่าน้องเป็นอะไร เราจำได้คร่าวๆว่าติดเชื้อทางเดินอาหารหรืออะไรสักอย่าง หมอบอกน้องเล็กมาก ให้แอดมิด เพราะจะต้องดูแลให้ยาใกล้ชิด แต่หมอก็บอกเรานะว่า แค่รักษาตามอาการนะครับ โอกาสก็ 50/50 นะ
เราก็นะ เลี้ยงแล้วก็รักไปแล้วน้ำตาแตกกับเด็กๆ แอดก็แอด ปล่อยน้องไว้กับหมอ กลับมาบ้านมาสังเกตการณ์เจ้าตีวที่เหลือ พ่อหนุ่มน้อยนี่ก็ลั้นลาปกติ เราก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่า พ่อหนุ่มน้อยนี่คงไม่เป็นไร หลังจากที่ 2 สาว อยู่ รพ.1 วัน คืนนั้นหมอโทร.มาว่าน้องตุยไปแล้ว 1 ตัว และอีก 1 ตัว คิดว่าน่าจะไม่รอดเช่นกัน เราเลยบอกว่าเดี๋ยวตอนเช้าเราเข้าไปที่ รพ. ตอนเช้าเราไปถึง หมอเอาสาวน้อย 1 ตัวที่เหลือมาให้เรา น้องร้องเสียงแหบแห้งเดินตามเสียงเรามา แล้วมองหน้าเรา ตอนนั้นน้องลืมตาแล้วนะคะเพิ่งลืมตาได้ 1 วันก็ป่วย แล้วเราก็น้ำตาแตกกับเจ้าตัวเล็ก น้องนอนลงบนมือและร้องเสียงแห้งๆ น้องผอมมาก เราเลยบอกน้องว่า แม่มาแล้ว แม่ขอโทษนะที่ทิ้งหนูไว้คนเดียว ถ้าหนูเจ็บหนูไม่ไหวหนูก็นอนพักนะลูกไม่ต้องร่องเรียกแม่แล้ว หนูอยู่กับแม่แล้วนะ พอพูดจบเหมือนน้องเกร็งตัวและกระ